แอมเนสตี้แถลงต่อการดำเนินคดีผู้ชุมนุมกว่า 382 คนว่ากระบวนการยุติธรรมถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือโจมตีสิทธิเสรีภาพ เรียกร้องให้ปล่อยตัวและยกเลิกข้อกล่าวหาหากไม่มีหลักฐานว่ากระทำความผิดอาญา
ปิยนุช โคตรสาร แฟ้มภาพ
เมื่อวานนี้ 8 มี.ค.2564 ปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย แถลงต่อการดำเนินคดีต่อแกนนำและผู้เข้าร่วมการชุมนุมตั้งแต่ปี 2563 ที่มีจำนวนมากกว่า 382 คน ใน 207 คดี การไม่ให้ประกันตัวสี่แกนนำที่ผ่านมา การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการต่อผู้เข้าร่วมการชุมนุมอีก 18 คน การไม่ให้ประกันตัว ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ภาณุพงศ์ จาดนอก และ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา จากการชุมนุมใน #ม๊อบ19กันยายนทวงอำนาจคืนราษฎร รวมถึงปิยรัฐ จงเทพ สืบเนื่องจากม๊อบ 6 มีนาคมในวันนี้ เป็นการปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกและความคิดเห็นต่างอย่างเป็นระบบ
“เป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่งที่ทางการไทยดำเนินคดีต่อแกนนำและผู้เข้าร่วมการชุมนุมจำนวนมากอย่างเป็นระบบ ซึ่งในบางคดี หากมีการพิจารณาว่ามีความผิดจะมีโทษสูงสุดถึง 15 ปี ซึ่งเป็นการลงโทษที่รุนแรงและไม่ได้สัดส่วน อีกทั้งยังมีระยะเวลาการดำเนินคดีที่ยาวนาน การดำเนินคดีต่อกับผู้เห็นต่างหรือผู้วิจารณ์การทำงานรัฐ จึงถูกใช้เป็นอาวุธเพื่อปิดปากและตอบโต้บุคคลที่กล้าท้าทายอำนาจรัฐ
“การดำเนินคดีจำนวนมากและการไม่ให้ประกันตัว สะท้อนให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมกลายเป็นเครื่องมือในการโจมตีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบ ประชาชนย่อมมีสิทธิอันชอบธรรมที่จะออกมาแสดงความเห็นและมีส่วนร่วมต่อประเด็นทางสังคม
“ทางการไทยต้องยุติการปฏิบัติต่อผู้ออกมาวิจารณ์ราวกับเป็นอาชญากรหรือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของรัฐ พวกเขาควรได้รับการปล่อยตัวและยกเลิกข้อกล่าวหาโดยทันทีหากขาดหลักฐานว่ากระทำความผิดอาญาตามหลักสากล”
ทั้งนี้ข้อมูลของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ระบุว่ามีผู้ถูกคุมขังในเรือนจำจากการแสดงออกทางการเมือง หรือมีมูลเหตุเกี่ยวข้องกับการเมืองถูกคุมขังระหว่างการพิจารณาคดีและไม่ได้รับการประกันตัว จำนวนอย่างน้อย 18 คน แยกเป็นคดี ม.112 จำนวน 9 คน รวมทั้งยังมีผู้ต้องขังทางการเมืองที่ศาลมีคำพิพากษาแล้วในคดี ม.112 อีกอย่างน้อย 5 คน
1. 7 แกนนำราษฎร ได้แก่ อานนท์ นำภา, พริษฐ์ ชิวารักษ์, ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม และสมยศ พฤกษาเกษมสุข ถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ภายหลังอัยการสั่งฟ้องคดี #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร และไม่ได้รับการประกันตัว มาตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ. 64 รวมระยะเวลาถูกคุมขัง 28 วัน แล้ว
ขณะที่ ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล, จตุภัทร์ บุญภัทร์รักษา และภาณุพงศ์ จาดนอก ไม่ได้รับการประกันตัวในคดีเดียวกัน หลังจากอัยการสั่งฟ้องในวันนี้ โดยปนัสยาถูกส่งตัวไปคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลาง และจตุภัทร์กับภาณุพงศ์ถูกส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ
2. ประชาชน 5 ราย ผู้ถูกดำเนินคดีทุบรถผู้ต้องขัง ได้แก่ ณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร, ธวัช สุขประเสริฐ, ศักดิ์ชัย ตั้งจิตสดุดี, สมคิด โตสอย และฉลวย เอกศักดิ์ ถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ภายหลังอัยการสั่งฟ้องคดีขัดขวาง-ทุบรถควบคุมผู้ต้องหาเพนกวิน-ไมค์ และไม่ได้รับการประกันตัว มาตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. 64 รวมระยะเวลาถูกคุมขัง 13 วัน
3. ไชยอมร แก้ววิบูลพันธ์ หรือ “แอมมี่” ถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษธนบุรี ภายหลังจากถูกกล่าวหาในคดีวางเพลิงพระบรมฉายาลักษณ์บริเวณหน้าเรือนจำคลองเปรม และศาลไม่ให้ประกันตัวระหว่างฝากขัง มาตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค. 64 รวมระยะเวลาถูกคุมขัง 5 วัน
4. ปริญญา ชีวินกุลปฐม หรือ “พอร์ท ไฟเย็น” ถูกคุมขังในเรือนจำพิพากษากรุงเทพ ภายหลังจากถูกกล่าวหาในคดีมาตรา 112 และศาลไม่ให้ประกันตัวระหว่างฝากขัง ในคดีโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กปี 2559 มาตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค. 64 รวมระยะเวลาถูกคุมขัง 3 วัน
5. 3 ผู้ถูกกล่าวหาในคดีปาระเบิดปิงปอง บริเวณสามย่านมิตรทาวน์ ระหว่างเจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุมเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ถูกจับกุมจากการเขียนป้ายผ้า 112 เมตร เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 64 ทั้งสามถูกจับกุมและไม่ได้รับการประกันตัวระหว่างฝากขัง มาตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค. 64 รวมระยะเวลาถูกคุมขัง 39 วัน
6. ปิยรัฐ จงเทพ หรือ “โตโต้” ถูกจับกุมในบริเวณห้างเมเจอร์รัชโยธิน วันเดียวกับที่มีการชุมนุม #ม็อบ6มีนา โดยถูกกล่าวหาเรื่องเตรียมก่อเหตุวุ่นวายในพื้นที่ชุมนุม ศาลอาญาไม่ให้ประกันตัวระหว่างการฝากขังในวันนี้ และถูกส่งตัวไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)