Skip to main content
sharethis

ศาลรัฐธรรมนูญจะให้แก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ ต้องรอใบอนุญาตวันที่ 11 มี.ค. แต่ 250 ส.ว.ไม่รอแล้วนะ ประกาศคว่ำวาระสามล่วงหน้า โดยอ้าง 38 มาตรา “พระราชอำนาจ” ห้ามแก้

นี่เป็นปรากฏการณ์ประหลาด ซึ่งเกิดในการพิจารณาวาระสอง วันที่ 25 ก.พ. จู่ๆ ส.ว.ก็เรียงหน้า อ้างว่านอกจากหมวด 1 หมวด 2 ยังมีอีก 38 มาตราเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ ต้องห้ามทั้งหมด

ซึ่งเป็นข้ออ้างไร้สาระ 38 มาตราเกี่ยวกับการลงพระปรมาภิไธยตามเงื่อนไขที่รัฐธรรมนูญกำหนด โดยมีนายกฯ หรือประธานรัฐสภา เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ และเป็นผู้รับผิดชอบ ตามหลัก “ปกเกล้าแต่ไม่ปกครอง”

มาตราเหล่านี้ ส่วนใหญ่ก็ไม่แก้ไข เช่น “พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจที่จะยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่…” ซึ่งนายกฯ เป็นผู้ทูลเกล้าฯ ผู้รับสนองฯ และเป็นผู้รับผิดชอบ เพียงแต่รัฐธรรมนูญจะเขียนวรรค 2 ต่างกันไปว่าให้เลือกตั้งใหม่ภายในกี่วัน

“พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการตราพระราชกฤษฎีกาโดยไม่ขัดต่อกฎหมาย” “พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการพระราชทานอภัยโทษ”

มาตราเหล่านี้อยู่มาตลอดไม่มีใครแก้ แต่มาตราที่เกี่ยวกับการแต่งตั้ง จำพวกองค์กรอิสระ เช่นมาตรา 200 “ศาลรัฐธรรมนูญประกอบด้วยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจำนวนเก้าคนซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งจากบุคคลดังต่อไปนี้….” (5 ข้อ) ก็สามารถแก้องค์ประกอบ ซึ่งแก้กันทุกฉบับ มีชัยก็แก้

แก้แล้วไม่มีใครเอาคำว่า “พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง” ออกไปหรอก เปลี่ยนคุณสมบัติยังไง ก็ต้องได้รับโปรดเกล้าฯ ส.ว.เอาอะไรมาห้ามแก้ ตีรวนเห็นๆ

ส.ว.บางคนยังอ้างหน้าตาเฉยว่า มาตรา 269 เกี่ยวกับพระราชอำนาจ “ในวาระเริ่มแรกให้วุฒิสภาประกอบด้วยสมาชิกจำนวนสองร้อยห้าสิบคนซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติถวายคำแนะนํา”

ห้ามแก้ คือห้ามยุบเก้าอี้พวกท่าน บางคนก็ตีขลุมห้ามแก้ 272,279 อำนาจโหวตนายกฯ ปกป้องประกาศคำสั่ง คสช.

ในทางการเมืองมีเรื่องประหลาดกว่าคือ ส.ว.ดันทุรังห้ามแก้ 38 มาตรา แล้วก็แพ้มติในวาระสอง 349-200 งดออกเสียง 58 แปลว่า ส.ส.รัฐบาลเกือบทั้งหมดไม่เอาด้วย ไม่ใช่แค่ฝ่ายค้าน

ถ้าเทียบตอนขอมติยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ครั้งนั้น ส.ว.ร่วมมือพลังประชารัฐ ชนะไป 366 ต่อ 316 โดยพรรคฝ่ายค้าน พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา ไม่เห็นด้วย

ครั้งนี้ กระทั่ง ส.ส.พลังประชารัฐก็ยังงงๆ แต่ ส.ว.ไม่สนใจใคร แพ้วาระสองไม่เป็นไร เพราะมีไม้ตาย วาระสามต้องพึ่ง ส.ว. 1 ใน 3 หรือ 84 คนขึ้นไป

นี่เป็นความจงใจ จนชาวบ้านสงสัยว่ามีใบสั่งหรือเปล่า สั่งพิเศษ พร้อมเพรียงพรึ่บพรั่บ ในประเด็นที่ไม่รู้โผล่จากไหน จู่ๆ ก็อ้าง 38 มาตรา ในการพิจารณาวาระสอง ก่อนนี้ไม่เคยพูด

ข้อน่าสังเกตอีกอย่างคือ ปกติ ส.ว.จะฝากความหวังศาลรัฐธรรมนูญ แต่ครั้งนี้ไปต่อไม่รอแล้วนะ ทั้งที่พวกตัวชงเรื่องส่งศาล

ตอนส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความอ้างกรรมการกฤษฎีกา บอกว่าศาลเคยห้ามแก้เมื่อปี 55,56 แต่นั่นเป็นรัฐธรรมนูญ 2550 รัฐธรรมนูญ 2560 อาจต่างกัน แต่ลองถามดีกว่า

กฤษฎีกามีใครนะ ประธานกฤษฎีกาคณะที่ 1 มีชัย ฤชุพันธุ์ เลขาฯกฤษฎีกาก็ กรธ.ศิษย์ก้นกุฏิ ทายาทวิชามีชัย แล้วพอส่งศาล ก็ถามความเห็นมีชัย, อุดม รัฐอมฤต กรธ., สมคิด เลิศไพฑูรย์ ที่ปรึกษา กรธ. กับบวรศักดิ์ (เป็นกลาง?)

ร้ายกว่านั้นเมื่อไปดู “ความมุ่งหมายและคำอธิบายประกอบรายมาตรา” ที่ กรธ.ทำไว้เมื่อเดือน พ.ค.62 (หลังเลือกตั้ง) ก็หมกเม็ดในคำอธิบายมาตรา 255 ว่า “การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญทั้งฉบับกระทำไม่ได้”

ซึ่งเป็นคำอธิบายแบบศรีธนญชัย ว่าห้ามแก้หลักการสำคัญมาตรา 1 มาตรา 2 “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้” และ “มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”

ไอ้หอยเอ๋ย รัฐธรรมนูญทุกฉบับก็ไม่เคยแก้ แต่ กรธ.มีชัยอ้างว่าห้ามแก้ 2 มาตรา = ห้ามแก้ทั้งฉบับ

ชะรอยข้ออ้างอ่อนเหตุผลเกินไป 250 ส.ว.เกรงศาลไม่ห้าม จึงรีบประกาศคว่ำข้ามช็อต ซึ่งก็อาจส่งผลกลับไปที่ศาล

กระนั้นถ้ามีการคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดื้อๆ ไม่ว่าด้วยวิธีใด เรื่องตลกคือ กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญโดยตัวมันเองก็เป็นปาหี่ ซื้อเวลา ให้ประยุทธ์อยู่ในอำนาจต่อไป ลดกระแสขับไล่

กว่าจะทำประชามติ กว่าจะเลือก ส.ส.ร. (ซึ่งน่าจะได้คนของรัฐบาลเกิน 120) กว่าจะร่างเสร็จ กว่าจะผ่านสภาหรือทำประชามติใหม่ ฯลฯ ก็เลือกตั้งใหม่พอดี 250 ส.ว.โหวตตู่กลับมา อยู่จนครบ 5 ปี แล้วค่อยใช้รัฐธรรมนูญใหม่

ใครนะเป็นต้นคิด เป็นคนบัญชาการ ถ้าไม่ใช่สับขาหลอก ทำให้แก้รัฐธรรมนูญดูมีอุปสรรค แล้วปล่อยผ่าน แฮปปี้เอนดิ้ง หลอกประชาชนฝากความหวังกับปาหี่

ก็คงจะซาดิสต์ไปอีกอย่าง แบบอยากวัดพลัง ว่าที่ฝ่ายค้านอ้างประชาชนลุกฮือ จะแค่ไหนเชียว ลงถนนเป็นล้าน ก็ทำอะไรอำนาจไม่ได้ “อยู่อย่างไทย” สุดท้ายก็ยอมจำนนอยู่ดี

 

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/politics/hot-topics/news_6076996

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net