Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ถามว่าในการปกครองแบบพ่อปกครองลูก (paternalism) ของไทยแต่โบราณที่ว่ากษัตริย์ทรงทศพิธราชธรรม รักประชาชนเหมือนลูก และทำการปกครองเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนทุกคนอย่างเสมอหน้านั้นถือเป็นการปกครองที่มี “ความยุติธรรม” หรือไม่

นักรัฐศาสตร์บางคนอย่างเช่น Kenneth Minogue ตอบ (ประมาณ) ว่า ในระบบพ่อปกครองลูกที่ผู้ปกครองเป็นกษัตริย์มีอำนาจเด็ดขาด มันก็มีความยุติธรรมอยู่นะ แต่ความหมายของยุติธรรมมันถูกกำหนดมาจากปัญญาและคุณธรรมของผู้ปกครอง คือกษัตริย์ ขุนนาง นักบวชผู้ซึ่งเป็นฝ่ายกำหนดรูปแบบการปกครอง กฎหมาย และระบบชนชั้นทางสังคม ดังนั้น เราจึงเห็นได้ว่าหน้าตาของความยุติธรรมภายใต้ระบบเช่นนี้ก็คือการเน้นความมั่นคงของอำนาจและความมั่งคั่งของกษัตริย์ ขุนนาง ศาสนจักรหรือพวกนักบวช 

ส่วนชนชั้นผู้ใต้ปกครองคือไพร่ ทาส ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ที่มีวิถีชีวิตเป็นชาวนา, เป็นแรงงาน และกำลังรบค้ำยันความมั่นคงของอำนาจและความมั่งคั่งของพวกกษัตริย์ ขุนนาง และนักบวช เพราะในเวลา 1 ปี พวกไพร่ ทาสถูกเกณฑ์แรงงานมาสร้างความอลังการของวัง, วัด และอื่นๆ ถึง 6 เดือน นอกเหนือจากถูกเกณฑ์ไปรบยามสงคราม 

แต่ไม่ว่าจะถูกเกณฑ์แรงงานหรือไปรบยามสงคราม พวกไพร่ทาสก็ต้องเตรียมเสบียงอาหารมาเอง เตรียมอาวุธเอง ดังนั้น พวกชนชั้นสูงคือพวกที่ใช้แรงงานไพร่ ทาสฟรีๆ ไม่แม้กระทั่งสนับสนุนเสบียงอาหาร ซ้ำยังขูดรีดภาษีและส่วยจากไพร่ทาสอีกต่างหาก นี่คือเหตุผลว่าทำไมไพร่ ทาสจึงไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ภายใต้สังคมศักดินาที่กินเวลายาวนาน

นั่นแหละครับ ความยุติธรรมภายใต้ระบบพ่อปกครองลูกที่กษัตริย์มีอำนาจเด็ดขาด ที่ไพร่ทาส ถูกสอนให้ซาบซึ้งในบุญคุณของชนชั้นปกครองมายาวนาน มันคือ “ความยุติธรรม” ที่แปลกันว่า “ยุติโดยธรรม” ภายใต้ “การปกครองโดยธรรม” ซึ่งแม้จะเอ่ยอ้างคุณธรรมผู้ปกครองสวยหรูตามคำสอนศาสนา แต่อำนาจนิยามความหมายของการปกครองโดยธรรมและความยุติธรรมก็ผูกขาดโดยชนชั้นปกครอง ดังนั้น การปกครองโดยธรรมคืออะไร ความยุติธรรมคืออะไร จึงขึ้นอยู่กับชนชั้นปกครองเป็นผู้กำหนด ซึ่งย่อมเป็นไปเพื่ออำนาจและความมั่งคั่งของชนชั้นปกครองเป็นด้านหลัก

แต่ความยุติธรรมในสังคมสมัยใหม่ แปลมาจาก “Justice” ที่หมายถึง “ความยุติธรรมบนฐานของเสรีภาพ ความเสมอภาค และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” ความยุติธรรมในความหมายนี้จึงปฏิเสธระบบพ่อปกครองลูกอย่างถอนรากถอนโคน เช่น Immanuel Kant ถือว่า ระบบพ่อปกครองลูกเป็นระบบเผด็จการอาญาสิทธิ์ที่เลวร้ายที่สุด เพราะเป็นระบบที่ใช้ความเป็นมนุษย์ของประชาชนเป็นเครื่องมือรักษาอำนาจและความมั่งคั่งของชนชั้นปกครอง

ความยุติธรรมบนฐานของเสรีภาพ ความเสมอภาค และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เป็นไปได้ในระบอบเสรีประชาธิปไตยที่ให้หลักประกันสิทธิมนุษยชนได้จริง การต่อสู้ของแกนนำราษฎรอย่างอานนท์, สมยศ, เพนกวิน, ไผ่ ดาวดิน, รุ้ง, ไมค์, โตโต้, แอมมี่ ฯลฯ ก็คือการต่อสู้เพื่อสร้างความยุติธรรมในความหมายนี้ให้เป็นจริง

การจับกุมพวกเขาด้วยมาตรา 112 โดยไม่ให้สิทธิประกันตัว อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญและหลักสิทธิมนุษยชนสากล จึงเป็น “ความอยุติธรรม” ที่ละเมิดสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างร้ายแรง และการเปลี่ยนห้องขังอานนท์ทุกวันก็คือการกลั่นแกล้งให้ได้รับโทษทัณฑ์เป็นความทุกข์ทรมานทางร่างกายและจิตใจเกินกว่าเหตุ เป็นความอยุติธรรมอำมหิต ไร้มนุษยธรรมที่มนุษย์ทุกคนผู้ซึ่งมี “สามัญสำนึกปกติ” ไม่อาจยอมรับได้!

ถามว่า การมีและการบังคับใช้กฎหมายอย่างอยุติธรรมต่อประชาชนที่ต่อสู้เพื่อให้เกิดความยุติธรรมบนฐานของเสรีภาพ ความเสมอภาค และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ตามหลักเสรีประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยสากล สังคมไทยหรือประชาชนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์อะไรหรือ คำตอบคือไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย แล้วจะทำให้สถาบันกษัตริย์เป็นที่เชื่อถือศรัทธาของประชาชนส่วนใหญ่มากขึ้นหรือ ก็ไม่อีกเช่นกัน ยิ่งกว่านั้นยังเป็นที่น่าอับอายนานาชาติอีกด้วย เพราะการใช้ 112 ปิดปากคนคิดต่าง สื่อนานาชาติล้วนมองในด้านลบ ขณะที่ Freedom House ปรับระดับให้ไทยอยู่ในกลุ่มประเทศ “ไม่มีเสรีภาพ-Not Free”

พูดให้ชัด สังคมไทยและประชานชนส่วนใหญ่ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยจากมีและการใช้ 112 ปิดปากคนเห็นต่าง แม้สถาบันกษัตริย์ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย เทียบเคียงกับสหราชอาณาจักรหรืออังกฤษเขาไม่บังคับใช้กฎหมายหมิ่นกษัตริย์มาตั้งแต่ปี 1715 หรือเมื่อ 306 ปีที่แล้ว และยกเลิกกฎหมายเอาผิดผู้วิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ไปแล้วเมื่อปี 2010 แต่สถาบันกษัตริย์ก็ยังอยู่ได้ภายใต้หลักเสรีภาพในการตั้งคำถาม วิจารณ์ตรวจสอบของประชาชน โดยสถาบันไม่ถูกใช้เป็นเงื่อนไขการทำรัฐประหาร และสร้างความขัดแย้งในสังคม 

คำถามคือ ผู้มีอำนาจในรัฐไทยจะยังคงให้มีและบังคับใช้กฎหมายที่ขัดหลักเสรีประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนไปอีกนานแค่ไหน โดยไม่มีใครได้ประโยชน์อะไรเลย นอกจากจองจำประชาชนที่ต้องการความยุติธรรมบนฐานของเสรีภาพ ความเสมอภาค และศักดิ์สรีความเป็นมนุษย์ ที่ไม่ว่าจะจองจำกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของพวกเขาได้ ผลของการจองจำมีแต่จะสร้างความอยุติธรรมอำมหิตและทำให้สังคมหยุดชะงัก ไม่ก้าวไปสู่อนาคตที่ดีกว่า 

แต่สุดท้ายอนาคตที่ดีกว่า ยุติธรรม และก้าวหน้ากว่าก็จะต้องมาถึงอยู่ดี เพราะประวัติศาสตร์บอกให้เรารู้ว่า ไม่มีอำนาจเผด็จการที่ใช้ความอยุติธรรมอำมหิตใดๆ จะหยุดยั้งความเปลี่ยนแปลงได้จริง!

หมดยุคที่จะปกครองด้วยความอยุติธรรมและความหวาดกลัวแล้ว ประชาชนยุคปัจจุบันมี “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” เท่าเทียมกับชนชั้นปกครอง ไม่ใช่ไพร่ ทาสที่จะถูกใช้เป็นเครื่องมือค้ำยันความมั่นคงของอำนาจและความมั่งคั่งของชนชั้นปกครอง ดังที่เคยเป็นมายาวนานหลายร้อยหลายพันปีอีกแล้ว 

ปล่อยเพื่อนเรา ยกเลิก 112 ร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้อยู่ใต้รัฐธรรมนูญตามข้อเสนอของราษฎร คือทางออกที่จะสร้างความยุติธรรมบนฐานของเสรีภาพ ความสเมอภาค และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ตามหลักเสรีประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนได้จริง และเป็นทางเดียวที่จะช่วยให้ประชาชนทุกฝ่าย และทุกสถาบันทางสังคมและการเมืองได้ประโยชน์ร่วมกัน  

 

ที่มาภาพ: https://www.facebook.com/photo?fbid=2327136470763230&set=pcb.2327136494096561

  

 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net