100 วัน การประท้วงเกษตรกรอินเดีย คล้ายไม่คืบหน้าแต่ก็ไม่สูญเปล่า

การประท้วงของเกษตรกรอินเดียดำเนินต่อเนื่องมามากกว่า 100 วันแล้ว แม้จะดูยืดเยื้อและยังไม่บรรลุข้อตกลงแบบเด็ดขาด แต่ในมุมมองของนักเคลื่อนไหวด้านการเกษตรชาวอินเดีย การประท้วงยาวนานนี้กลับส่งผลดีในหลายแง่มุม ทั้งด้านข้อเรียกร้องบางส่วนของเกษตรกรเอง และสังคมการเมืองในภาคส่วนอื่นๆ ของอินเดีย

การประท้วงของกลุ่มเกษตรกรในอินเดียดำเนินต่อเนื่องมายาวนานมากกว่า 100 วันแล้วนับตั้งแต่ที่กลุ่ม Samyukt Kisan Morcha (SKM) หรือกลุ่ม "แนวร่วมพลังเกษตรกร" เริ่มการเคลื่อนไหว ทำให้ขบวนการนี้กลายเป็นหนึ่งในการประท้วงอย่างสันติของประชาชนที่ดำเนินต่อเนื่องมายาวนาน และใหญ่ที่สุดขบวนการหนึ่งของโลก

แม้การประท้วงของพวกเขาจะดูยืดเยื้อยาวนานจนทำให้เกิดความหงุดหงิด รู้สึกอดรนทนต่อไปไม่ไหว บางคนก็กล่าวหาว่า "สถานการณ์ไม่มีความก้าวหน้ามากพอ" แต่ราเกช ทิเกต หนึ่งในสมาชิกของกลุ่ม SKM มองต่างออกไป เขาตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ว่า ทำไมการเจรจาหารือหลายครั้งถึงไม่สามารถหาข้อยุติได้ โดยเปรียบเปรยกับวิธีการทำการเกษตรของพวกเขาเอง

"เกษตรกรหว่านเมล็ดในช่วงต้นฤดูการทำไร่ทำนาด้วยความหวังอย่างเปี่ยมล้น แล้วพวกเขาก็รอคอยเป็นเวลาหลายเดือนก่อนที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ พืชผลที่โตเต็มที่แล้วบางส่วนก็ถูกทำลายเพราะภัยธรรมชาติในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยว อย่างไรก็ตาม เกษตรกรจะไม่สูญเสียความหวังไป พวกเขาจะหว่านเมล็ดพันธุ์อีกครั้งสำหรับผลผลิตในครั้งถัดไป" ทิเกตกล่าว

ทว่าข้อกล่าวหาว่าการประท้วงไม่มีความก้าวหน้าก็ไม่จริงเสมอไป จากจิตวิญญาณที่อดทน มุ่งมั่น และมีความหวังของกลุ่มเกษตรกรผู้ประท้วงเหล่านี้ ทำให้อย่างน้อยรัฐบาลกลางยอมรับข้อตกลงเล็กๆ ของพวกเขาแล้ว 2 ข้อ และสำหรับข้อตกลงหลักใหญ่ๆ นั้น รัฐบาลนเรนทรา โมดี ก็ยื่นข้อเสนอว่าจะระงับการบังคับใช้กฎหมายใหม่ 3 ฉบับที่เกษตรกรต่อต้านเอาไว้ก่อนเป็นเวลา 1 ปีครึ่งหรือมากกว่านี้ได้ ถ้าหากฝ่ายเกษตรกรตกลง

นอกจากนี้ ในการเจรจาอย่างเป็นทางการกับรัฐบาล รัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ของอินเดียก็ชื่นชมขบวนการประท้วงหลายครั้งว่าเป็นไปอย่างสันติและมีวินัย นอกจากนี้ ชุมชนเกษตรกรก็ได้รับผลบวกจำนวนมากมายนับตั้งแต่เริ่มต้นขบวนการเคลื่อนไหวมาจนถึงตอนนี้

กาวิธา กูรูกันที จากสหพันธ์เพื่อการเกษตรแบบยั่งยืนและองค์รวม (ASHA-Kisan Swaraj) ระบุในรายงานว่า สิ่งที่ส่งผลบวกคืออินเดียไม่เคยมีขบวนการเกษตรกรที่ร่วมมือกันอย่างพร้อมใจมากขนาดนี้มาก่อน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมาจากอุดมการณ์ทางการเมืองที่ต่างกัน แต่ก็มีการเรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกัน ซึ่งเป็นผลดีต่ออนาคตของเกษตรกรในอินเดีย

ผลบวกที่เกิดขึ้นอีกประการหนึ่งจากการประท้วงใหญ่นี้ คือกรณีที่ทำให้รัฐหลายรัฐในอินเดียโดยเฉพาะรัฐทางตอนเหนือ มีการงดเว้นการเก็บค่าผ่านทางชั่วคราวเพราะถูกปิดไปเนื่องจากการประท้วงของเกษตรกร รวมถึงมีการบอยคอตต์ทางเศรษฐกิจต่อกลุ่มธุรกิจใหญ่ต่างๆ ในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนในอินเดีย

สิ่งดีๆ จากการประท้วงที่เกิดขึ้นอีกอย่างหนึ่งคือการที่คนรุ่นเยาว์มีบทบาทเข้ามาทำหน้าที่ต่างๆ ในการประท้วงเกษตรกร ทั้งการเป็นคนคอยตรวจตราไม่ให้คนเข้ามาแทรกซึมในขบวน รวมถึงงานซ่อมแซมต่างๆ ในที่ชุมนุม มีบางคนบอกว่าการมีส่วนร่วมในเชิงสร้างสรรค์ของเยาวชนเหล่านี้ทำให้สามารถลดการติดสารเสพติดของเยาวชนในรัฐปัญจาบได้ การที่ผู้หญิงมีส่วนร่วมและแสดงตัวตนอย่างมากในการชุมนุมของเกษตรกร แสดงให้เห็นศักยภาพ และความแน่วแน่ก็จะส่งผลบวกต่อประเด็นของผู้หญิงในอนาคตได้

การประท้วงนี้ยังก่อให้เกิดการเยียวยาความสัมพันธ์ระหว่างหมู่บ้านที่ขัดแย้งกันในสถานที่ต่างๆ ของอินเดียเพราะในตอนนี้พวกเขามีหมุดหมายร่วมกันในการปกป้องอนาคตทางเศรษฐกิจของพวกเขา ถึงแม้ว่าจะเคยมีปัญหาข้อพิพาทกันมาก่อน เช่น ข้อพิพาทด้านการชลประทาน อีกทั้งการเคลื่อนไหวของเกษตรกรเหล่านี้ก็ทำให้ผู้คนหันมาสนใจรับข่าวสารทางการเมืองทางโทรทัศน์ รวมถึงเข้าสู่ช่องทางการสื่อสารด้วยโซเชียลมีเดียเพิ่มมากขึ้น

ถึงแม้จะยังไม่บรรลุเป้าหมายทั้งหมด แต่การเคลื่อนไหวของเกษตรกรก็ทำให้เกิดแรงกดดันอย่างหนักในหมู่รัฐบาลที่เริ่มกังวลว่าฐานเสียงของตนจะลดน้อยถอยลง ภาพลักษณ์แบรนด์ของโมดีที่เริ่มถูกทำให้เป็นรอยด่างพร้อย ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะเกิดขึ้นในอินเดียก่อนหน้านี้

ในขณะที่รัฐบาลพยายามยุยงปลุกปั่นให้ประชาชนใช้ความรุนแรงต่อต้านการประท้วงของเกษตรกรจนเกิดเหตุรุนแรงขึ้น ทำให้ขบวนการเคลื่อนไหวอ่อนลงไปชั่วคราวและได้รับการสนับสนุนลดลง เพราะมีภาพลักษณ์ความรุนแรง แต่ขบวนการก็ฟื้นตัวกลับคืนมาได้เร็วและเข้มแข็งมากกว่าแต่ก่อน

ในระดับกว้างกว่านั้น การต่อสู้เคลื่อนไหวของขบวนการเกษตรกรก็จุดประเด็น ทำให้เกิดการอภิปรายกันในสังคมเกี่ยวกับการปฏิรูปเศรษฐกิจ เรื่องอนาคตของเกษตรกรรมอินเดีย รวมถึงเรื่องประชาธิปไตยเองด้วย และการที่ศาลสูงสุดของอินเดียตัดสินให้ประชาชนมีสิทธิตามระบอบประชาธิปไตยในการชุมนุมประท้วงอย่างสันติ ก็ส่งผลดีต่อขบวนการเคลื่อนไหวของประชาชนในอนาคต การเคลื่อนไหวของเกษตรกรยังทำให้ประเด็นของพวกเขาถูกนำเข้าสู่มุมมองนโยบายในระดับศูนย์กลางอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เป็นแบบนี้มานานแล้ว

เรียบเรียงจาก 100 Days of Protest: The Farming Community Has Already Gained Many Larger Outcomes, The Wire, 08-03-2021

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท