'ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ' เผยเตรียมรณรงค์ล่ารายชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราทั่วประเทศเร็ว ๆ นี้ 'พริษฐ์ วัชรสินธุ' เสนอ 3 ข้อปลดอาวุธ คสช. เปิดทางร่างรัฐธรรมนูญใหม่: ยุบ ส.ว.-ยกเครื่องศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ-เลิกยุทธศาสตร์ชาติ ด้าน 'สุทิน คลังแสง' เผยขอเวลาวางกลยุทธ์ สนธิกำลังประชาชนนอกสภา รอดันอีกรอบสมัยประชุมหน้า
[ ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยต้องไม่ยอมแพ้ : ก้าวต่อไปของรัฐธรรมนูญ ] . การคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของสมาชิกรัฐสภาเมื่อคืน...
โพสต์โดย Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เมื่อ วันพุธที่ 17 มีนาคม 2021
18 มี.ค. 2564 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โพสต์เฟสบุ๊ค ระบุว่าการคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของสมาชิกรัฐสภาเมื่อคืน แสดงให้เห็นแล้วว่าชนชั้นนำ, กองทัพ, รัฐบาล, พรรคการเมืองที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน, ศาลรัฐธรรมนูญ, และสมาชิกวุฒิสภา ไม่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
พวกเขาต้องการยึดอำนาจไว้กับพวกพ้อง โดยไม่สนใจอนาคตของประเทศ กระบวนการที่ผ่านมาคือการซื้อเวลา แสดงละครหลอกประชาชน
ผมเสียใจเป็นอย่างที่รัฐสภาที่ควรเป็นที่หาทางออกให้กับสังคม กลับเป็นผู้ปิดประตูหาทางออกเสียเอง
แต่เราจะยอมแพ้ไม่ได้ เราจะปล่อยให้ลูกหลานเราอยู่ในสังคมแบบนี้ตลอดไปไม่ได้
เรา - ประชาชนผู้รักประชาธิปไตย - แม้ไม่มีเครื่องมือในการต่อสู้เรียกร้องมากมาย แต่เราหยุดและยอมแพ้ไม่ได้
กระบวนการเรียกร้องแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสู่ระยะใหม่แล้ว
เมื่อแก้ทั้งฉบับทำไม่ได้ เราจะรณรงค์เพื่อให้เกิดการแก้ไขรายมาตรา ปลดเสาค้ำยันอำนาจของกลุ่มอภิสิทธิ์ชนด้วยการยกเลิก ส.ว., คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ, ปฏิรูปศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงแก้ไขที่มาของกรรมการองค์กรอิสระ
เราจะรณรงค์อย่างแข็งขันทั่วประเทศ เพื่อรวบรวมรายชื่อจากประชาชน แก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา เพื่อปรับดุลอำนาจในสังคมไทยเสียใหม่
เชิญชวนประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุด มาร่วมกันสู้ตามระบบทุกวิถีทาง ให้สุดทุกทาง เพื่อแสดงให้ประชาชนเห็นว่าต้องการประเทศไทยที่เป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่ประเทศไทยใต้ระบอบ คสช.
พบกันในการรณรงค์ล่ารายชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราทั่วประเทศ เร็ว ๆ นี้
'พริษฐ์ วัชรสินธุ' เสนอ 3 ข้อปลดอาวุธ คสช. เปิดทางร่างรัฐธรรมนูญใหม่: ยุบ ส.ว.-ยกเครื่องศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ-เลิกยุทธศาสตร์ชาติ
[ 3 ข้อเสนอปลดอาวุธ คสช. เปิดทางร่างรัฐธรรมนูญใหม่: ยุบ ส.ว. – ยกเครื่องศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ - เลิกยุทธศาสตร์ชาติ...
โพสต์โดย พริษฐ์ วัชรสินธุ - ไอติม - Parit Wacharasindhu เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 18 มีนาคม 2021
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โพสต์เฟสบุ๊ค ระบุว่าตั้งแต่ปลายปี 2563 ที่ประชาชนจำนวนมากส่งเสียงเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รณรงค์ลงชื่อจนได้ร่างของภาคประชาชนเสนอเข้าสู่รัฐสภา แม้สุดท้ายจะไม่ได้รับความเห็นชอบ แต่ประชาชนคงหลงเหลือความหวังกับร่างที่ยังอยู่ ว่าอาจจะพอเป็นทางออกของประเทศได้
แต่ภายในคืนเดียว ร่างดังกล่าวซึ่งเสนอโดยรัฐบาล รับหลักการโดยรัฐบาล ผ่านวาระสองโดยการมีส่วนร่วมของคนในรัฐบาล กลับถูกคว่ำโดยการโหวตของ สมาชิกวุฒิสภา และ ส.ส.พรรคแกนนำรัฐบาลอย่างพรรคพลังประชารัฐเสียเอง ซึ่งคนกลุ่มนี้คือกลุ่มที่ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256 ของรัฐสภา เพื่อตั้ง สสร.ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ จนเป็นที่มาของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ถูกตีความอย่างหลากหลาย เป็นปัญหาต่อกระบวนการพิจารณาของรัฐสภาในวาระสาม อย่างที่ทุกคนได้เห็นเมื่อคืนที่ผ่านมา
สิ่งที่เกิดขึ้น นอกจากเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังอย่างยิ่ง ผมยังรู้สึกเสียดายที่พรรคร่วมรัฐบาลไม่กดดันรัฐบาลพรรคพลังประชารัฐให้มากกว่านี้
(1) ผมเชื่อว่าหากพรรคร่วมรัฐบาลอย่างภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา ซึ่งประกาศจุดยืนสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พลิกสถานการณ์มายืนบนหลักการที่ถูกต้อง ร่วมมือกันไม่ยอมให้ตัวเองตกอยู่ในสถานะ “ตัวประกัน” ของพรรคพลังประชารัฐ กับ ส.ว. โดยการยื่นคำขาด “ถอนตัวออกจากรัฐบาล” หากไม่มีการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคร่วมรัฐบาลเคยให้สัญญากับประชาชนไว้ อาจมีความเป็นไปได้มากกว่านี้ที่พรรคพลังประชารัฐ และ ส.ว.จะไม่กล้าคว่ำร่างรัฐธรรมนูญที่ใช้เวลาพิจารณามาเป็นเวลาหลายเดือน
(2) แม้รู้ว่าการโหวตตามญัตติของคุณไพบูลย์ นิติตะวัน จะไม่นำไปสู่ผลลัพธ์ที่คาดหวัง เพราะ ส.ว. ส่วนใหญ่แสดงท่าทีแล้วว่าไม่เอาด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ผมมองว่า ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลในฐานะตัวแทนของประชาชนที่มาจากการเลือกตั้ง สมควรอยู่ในที่ประชุมเพื่อแสดงเจตนารมณ์ด้วยการโหวตเห็นชอบ มิใช่ปล่อยให้ญัตติดังกล่าวตกเป็นความได้เปรียบของฝ่ายที่ไม่ได้มีความจริงใจจะแก้ไขรัฐธรรมนูญตั้งแต่แรก การเดินออกจากห้องประชุมของ ส.ส.เสียเอง ทำให้การคว่ำร่างรัฐธรรมนูญเมื่อคืนนี้ ไม่อาจพูดได้ว่าเกิดขึ้นจาก ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ และ ส.ว. เท่านั้น แต่เมื่อดูคะแนนเสียงแล้ว ยังพูดไม่ได้อีกด้วยว่า ส.ส.เสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
แม้การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะถูกปิดประตู(ชั่วคราว)ไปแล้ว เรายังมีประตูอีกบานให้ร่วมกันเปิด คือการแก้ไขรายมาตรา ซึ่งความจริงแล้วเป็นสิ่งที่ทำได้ทันที และสามารถทำควบคู่ไปกับการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ ไม่จำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว
แต่ในเมื่อระบอบ คสช. ไม่ยินยอมให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เราจึงต้องมาดูว่ามีมาตราไหนในรัฐธรรมนูญ 2560 บ้างที่มีปัญหา (ซึ่งมีเยอะมาก) และเป็นอาวุธสำคัญที่ คสช.ใช้ในการสืบทอดอำนาจ และสกัดกั้นการสร้างกติกาของบ้านเมืองที่เป็นธรรม
ในนามกลุ่ม “Re-Solution ถึงเวลารัฐธรรมนูญใหม่” ผมขอเสนอการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา เพื่อ ปลด 3 อาวุธของคสช. และเปิดทางสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในอนาคต โดยอาวุธทั้ง 3 ชิ้นนี้ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับ ส.ว.
1. ยุบวุฒิสภา กลายเป็น #สภาเดี่ยว เพราะ ส.ว.ชุดนี้มีอำนาจล้นฟ้าและขัดขวางได้ทุกการปฏิรูป (รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ) แต่ไม่ได้มาจากประชาชน และบกพร่องในหน้าที่ด้วยการให้ท้ายฝ่ายบริหารมากกว่าจะตรวจสอบถ่วงดุล
2. ปฏิรูปศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ เนื่องจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ที่ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระทุกคน ต้องได้รับความเห็นชอบจาก ส.ว.ชุดปัจจุบัน
3. ยกเลิกการบังคับใช้ยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้ ส.ว. ชุดนี้ มีหน้าที่และอำนาจติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ และการจัดทำและดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ
เราไม่อาจปล่อยให้อาวุธทั้ง 3 อย่างที่ คสช.วางไว้ ทำหน้าที่ขัดขวางประเทศไทยไม่ให้กลับสู่เส้นทางประชาธิปไตยได้นานกว่านี้ จึงขอเชิญชวนประชาชนที่เห็นปัญหาของบ้านเมืองเช่นเดียวกับผม มาร่วมกันเข้าชื่อในแคมเปญที่จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการเร็ว ๆ นี้ ใครสนใจ รอติดตามความคืบหน้าได้ที่เพจ Re-Solution ถึงเวลารัฐธรรมนูญใหม่ นะครับ
'สุทิน คลังแสง' เผยขอเวลาวางกลยุทธ์ สนธิกำลังประชาชนนอกสภา รอดันอีกรอบสมัยประชุมหน้า
สำนักข่าวไทย รายงานว่านายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ยอมรับว่าเหนื่อยและผิดหวัง หลังจากรัฐสภามีมติคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ เพราะผลักดันกันมาอย่างยาวนาน แต่ยืนยันว่าไม่ท้อแท้ จะเดินหน้ายื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกครั้งแน่นอนหลังเปิดประชุมสมัยสามัญ ซึ่งระหว่างนี้ฝ่ายค้านรวมถึงภาคประชาชน จะต้องหารือให้ตกผลึกว่าจะแก้ไขรั
“ถ้าแก้ไขทั้งฉบับ จะต้องทำประชามติก่อน แต่ก็มีคำถามว่าแล้วจะนำกฎหมายฉบับใดมาถามประชาชน จึงต้องรอดูกฎหมายประชามติวันนี้ว่าจะให้ทำประชามติก่อนจัดทำร่างได้หรือไม่ ส่วนการแก้ไขรายมาตรา มีคำวินิจฉัยของศาลบางส่วน ระบุว่าหากการแก้ไขใดกระทบโครงสร้างอำนาจ จะต้องถามประชาชนก่อนเช่นกัน ซึ่งจะเป็นช่องว่างให้ศรีธนญชัยไปยื่นตีความได้ และหากต้องทำประชามติอีกก็จะทำให้เกิดปัญหาเดิมคือไม่รู้จะนำกฎหมายใดมาถาม กลายเป็นเดทล็อกทางการเมือง ดังนั้น ฝ่ายค้านจึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากแนวต้านถักทอไว้ดีมาก” ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าว
นายสุทิน กล่าวว่าหลังจากนี้ฝ่ายค้านจะหารือว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไร และหากเป็นรายมาตราจะแก้ไขประเด็นใด รวมถึงจะสนธิกำลังระหว่างกลยุทธ์กับประชาชนนอกสภาอย่างไร
นายสุทิน กล่าวว่ารู้สึกมึนงงกับท่าทีของพรรคภูมิใจไทยที่วอล์คเอาท์ออกนอกห้องประชุมวานนี้ (17 มี.ค.) เพราะฝ่ายค้านคาดหวังว่าพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคอันดับหนึ่งในใจที่จะร่วมโหวต จึงไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งสวนทางกับท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ที่ร่วมโหวตด้วย แม้ไม่ได้ตั้งความหวังไว้สูง จึงยอมรับว่าผิดคาด