Skip to main content
sharethis

ภาคี #saveบางกลอย ออกแถลงการณ์ถึง 'ประสาน หวังรัตนปราณี' ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ 'ประวิตร' รองนายกรัฐมนตรี ชี้ผู้มีอารยะที่มี 'วุฒิภาวะ' จะไม่ 'หยามเหยียด' เพื่อนมนุษย์เพียงเพราะต่างชาติพันธุ์

 

แถลงการณ์ภาคี #saveบางกลอย  ถึง ประสาน หวังรัตนปราณี สิ่งสำคัญคือ ผู้มี "อารยะ" ที่มี “วุฒิภาวะ” จะไม่ "หยามเหยียด"...

โพสต์โดย ภาคีSaveบางกลอย เมื่อ วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม  2021

 

19 มี.ค. 2564 ภาคี #saveบางกลอย เผยแพร่ แถลงการณ์ ถึง ประสาน หวังรัตนปราณี สิ่งสำคัญคือ ผู้มี "อารยะ" ที่มี “วุฒิภาวะ” จะไม่ "หยามเหยียด" เพื่อนมนุษย์เพียงเพราะต่างชาติพันธุ์ ระบุว่าจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2564 นายประสาน หวังรัตนปราณี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางมามอบหนังสือ ลงนามโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่องการจัดตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษเพื่อดูแลรับข้อเรียกร้องของกลุ่มชาวบ้านบางกลอย ณ สะพานชมัยมรุเชฐ ทำเนียบรัฐบาล

นายประสานกล่าวว่า ทางคณะรัฐมนตรีรับทราบทุกข้อเรียกร้องทั้ง 4 ข้อ ได้แก่ 1. ให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหากรณีชุมชนกะเหรี่ยงบางกลอย เพื่อทำหน้าที่ในการสอบสวนหาข้อเท็จจริงเพื่อคืนสิทธิ์ให้ชาวบ้าน และดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน 2. ให้ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม เปิดประชุมโดยเร่งด่วน 3. ให้นำผลการประชุมของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และ 4. ให้พนักงานสอบสวนชะลอการส่งสำนวนคดีไปอัยการจนกว่าการแก้ไขปัญหากรณีบางกลอยของรัฐบาลจะได้ข้อยุติ

นายประสานกล่าวทิ้งท้ายว่า หากภายใน 30 วันข้อเรียกร้องยังไม่ได้รับการแก้ไขและดำเนินการ ตนเองและทีมงานคณะกรรมการจะมีการเดินทางไปชุมชนบางกลอยด้วยตัวเอง โดยวันนี้จะจัดรถบัสติดแอร์ส่งชาวบางกลอยพร้อมอาหารกลับภูมิลำเนาอย่างปลอดภัย

หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2564 ได้ปรากฎภาพ เสียง และวีดิทัศน์ของนายประสาน ขณะเดินทางไปที่บ้านบางกลอยล่าง อำเภอแก่งกระจาน เผยแพร่ออกไปตามที่สื่อมวลชนและประชาชนเห็นนั้น พวกเราภาคี#saveบางกลอยมีความกังวลใจอย่างยิ่งต่อท่าทีของนายประสาน หวังรัตนปราณี ที่ปรากฎลักษณะของผู้มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ต่ำ ขาดทักษะการเป็นผู้นำ ไร้วิสัยทัศน์ในการมองปัญหาของชาวบ้านอย่างจริงใจ อีกทั้งแสดงออกถึงท่าทีการเหยียดเชื้อชาติและภาษา (Racism) เช่น การนัดชาวบ้านประชุมในเวลา 9.30 น. แต่ตนและทีมงานมาถึงเวลา 11.30 น. และนี่คือตัวอย่างบทสนทนาบางส่วนของนายประสาน 

“ผมขึ้น ฮอ. ไปก็เห็นละพม่าบ้านพวกคุณอะ” 

“พูดไทยได้กันทุกคนไหม ฟังผมรู้เรื่องไหม”

“ผมอยากมาเป็นกะเหรี่ยงแบบคุณ ผมอิจฉาพวกคุณ ผมอยู่มาจนป่านนี้จะเกษียณมาจนอายุจะ 70 ปีแล้ว ยังมีที่ไม่ถึง 2 ไร่ พวกคุณมีได้ตั้ง 7 ไร่”

“ต่อไปนี้ถ้ามีปัญหาอะไรให้ไปบอกผู้ใหญ่บ้าน ไม่ต้องลงไปกรุงเทพฯ มันเสียเวลาทำงานของพวกผม”

เป็นต้น

รวมทั้งการกล่าวหาว่าชาวบ้านปลูกกัญชา และได้ไปเห็นที่ใจแผ่นดิน โดยอ้างว่ามีการถ่ายภาพมาเป็นหลักฐาน แต่ไม่ยอมแสดงหลักฐานให้เป็นที่ประจักษ์ อีกทั้งในความเป็นจริงแล้วชาวบ้านขึ้นไปถึงได้แค่พื้นที่บางกลอยบน หาใช่ใจแผ่นดินไม่ ดังนั้นการกล่าวหาของนายประสานถือเป็นข้อกล่าวหาร้ายแรงและไม่มีหลักฐานยืนยันแสดง ซึ่งหากข้อความที่กล่าวเป็นเรื่องเท็จ ผู้กระทำจะมีความผิดทางอาญา และต้องชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่ง

ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 328  ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท

จากเหตุการณ์นี้ทำให้พวกเราเกิดความเคลือบแคลงสงสัยว่าคณะการทำงานแก้ไขของชาวบ้านที่ถูกแต่งตั้งขึ้นในครั้งนี้ มีประสิทธิภาพและความจริงใจมากน้อยเพียงใด ภาคี #SAVEบางกลอย เห็นว่านายประสานไม่มีลักษณะของการเป็นนักเจรจาที่ดี รวมถึงไม่ได้ยึดความเดือดร้อนของประชาชนเป็นที่ตั้ง สร้างความขัดแย้งและความขุ่นเคืองใจให้ชาวบ้านมากกว่าจะรับฟังเพื่อนำไปสู่ทางออกของปัญหาดังที่ชาวบ้านเรียกร้องมาโดยตลอด คือการต้องหาแนวทางหรือนโยบายในการพาชาวบางกลอยกลับใจแผ่นดิน ฉะนั้น เราขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลว่า หากต้องมีการลงพื้นที่เพื่อพูดคุยกับชาวบ้าน ไม่ควรให้นายประสานอยู่ในกลไกการแก้ไขปัญหาอีก เนื่องจากทำตัวเป็นคู่ขัดแย้ง และใช้อคติที่มืดบอดบดบังการใช้เหตุผลและรับฟังอย่างเปิดใจ

นอกจากนั้น เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาแสดงความรับผิดชอบ โดยชี้แจงกรณีดังกล่าว รวมถึงขออภัยชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอยอย่างเป็นทางการ จากกรณีการเหยียดหยามชาติพันธุ์และสร้างบาดแผลในจิตใจด้วยความรุนแรงทางกิริยาและวาจา ที่เดินหน้าผลิตซ้ำมายาคติกดทับ ในฐานะผู้ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้มาแก้ไขปัญหา เรื่องราวเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้นอย่างยิ่ง

ท้ายที่สุดนี้ขอฝากถึงนายประสาน หวังรัตนปราณี ว่า “วุฒิภาวะ” สำคัญไม่แพ้ “วุฒิการศึกษา” และผู้มี "อารยะ" จะไม่ "หยามเหยียด" เพื่อนมนุษย์เพียงเพราะต่างชาติพันธุ์

ใจแผ่นดิน ถิ่นชาติพันธุ์
คนต้องเท่ากัน ชาติพันธุ์ก็คือคน
ภาคี #saveบางกลอย
19 มี.ค. 2564
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net