Skip to main content
sharethis

'มูลนิธิเพื่อนไร้พรมแดน' เรียกร้องรัฐไทยต้องยืนยันไม่สนับสนุนการก่ออาชญากรรมของกองทัพพม่า - ด้านสื่อไทยเผยภาพอดีตมุขมนตรีรัฐกะเรนนีพร้อมครอบครัวอพยพเข้าไทยขอลี้ภัย

 

ถ้อยแถลงสืบเนื่อง จากรายงานของคุณวาสนา นาน่วม ที่ว่า พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาค 3 ชี้แจงว่าการขนส่งข้าวสาร 700...

โพสต์โดย Friends Without Borders Foundation เมื่อ วันเสาร์ที่ 20 มีนาคม  2021

 

21 มี.ค. 2564 มูลนิธิเพื่อนไร้พรมแดน (Friends Without Borders Foundation) โพสต์เฟสบุ๊ค ระบุว่าถ้อยแถลงสืบเนื่องจากรายงานของคุณวาสนา นาน่วม ที่ว่าพลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาค 3 ชี้แจงว่าการขนส่งข้าวสาร 700 กระสอบที่ชายแดน ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน นั้น ไม่ใช่การส่งเสบียงสนับสนุน หากเป็นการฝากซื้อของผ่านคณะกรรมการ TBC Township Border Committee ที่มีมายาวนาน เพื่อสานสัมพันธ์ช่วยเหลือกัน อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้คนค้าขายฝั่งไทยทำธุรกิจได้ อีกทั้งยังประหลาดใจที่ถูกโจมตีนั้น 

ผบ.พล.ร.4 ยืนยันทหารไทยไม่ได้ส่งเสบียงให้ทหารพม่า
เผยภาพกลุ่มคนส่งเสบียงหนุนค่ายทหารพม่าริมสาละวิน หลัง KNU บล็อกเส้นทาง

เพื่อนไร้พรมแดนมีความเห็นว่าการสร้างสัมพันธ์ทางทหารระหว่างประเทศที่มีชายแดนติดกันนั้นเป็นเรื่องปกติ ในสถานการณ์ปกติ หาก ณ ปัจจุบันที่ทั้งประชาชนไทย ประชาชนพม่าและสังคมโลกกำลังจับตามองการที่กองทัพพม่ากำลังก่ออาชญากรรมเข่นฆ่าประชาชนของตน ทั้งในเขตเมือง และเขตชายแดนในรัฐของกลุ่มชาติพันธุ์ การประสานสัมพันธ์อันไปสนับสนุนกำลังพลพม่าที่ปฏิบัติการโจมตีชุมชนชาติพันธุ์จนต้องหลบซ่อนตัวในป่า หรือขอข้ามมาลี้ภัยในประเทศไทยและถูกปฏิเสธ ไม่ใช่เรื่องปกติและต้องยุติ

นอกจากนี้ เราขอเรียกร้องให้สื่อมวลชนและประชาชนท้องถิ่นได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าการรายงานข่าวเดียวกันว่า ผู้ที่ข้ามแดนมามีแต่คนที่ตั้งใจลักลอบมาทำงานหรือหนี COVID-19 มาเท่านั้นจริงหรือไม่ เนื่องจากผู้ที่ข้ามแดนมา และได้รับการเจรจาให้กลับหรือผลักดันกลับทั้งหลายนั้น ยังไม่เคยมีโอกาสได้ผ่านกระบวนการคัดกรองสถานะการลี้ภัย โดยมีแต่เพียงการคัดกรอง COVID-19 เท่านั้น

ล่าสุด เรายินดีที่ได้รับทราบว่า รัฐไทยได้เปิดรับผู้มีตำแหน่งทางการเมืองในรัฐกะเรนนีและครอบครัวให้เข้ามาหลบภัยในประเทศได้ การเปิดรับผู้ลี้ภัยความตายให้พักพิงเพื่อความปลอดภัยนี้ถือเป็นหน้าที่ตามจารีตระหว่างประเทศและมโนธรรมสำนึก ในขณะที่การปฏิเสธหรือถอยห่างจากการสนับสนุนการใช้กำลังปราบปรามเข่นฆ่าประชาชน ก็คือมโนธรรมสำนึกและจารีตที่พึงปฏิบัติเช่นกัน

กะเหรี่ยงเคเอ็นยู แถลงการณ์ค้าน ‘บุคคล-กลุ่มบุคคล’ ส่งเสบียงให้ทหารพม่า ประกาศไม่รับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น

มติชนออนไลน์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 21 มี.ค. คณะกรรมการบริหาร จังหวัดมือตรอ สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU ออกแถลงการณ์คัดค้านกรณีบุคลคล หรือกลุ่มบุคคลใด ที่จะส่งเสบียงอาหารให้กับทหารของเผด็จการทหารพม่าในพื้นที่แนวหน้า ซึ่งอยู่ในพื้นที่ควบคุมของ จ.มือตรอ กองพลที่ 5 สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง

แถลงการณ์ลงวันที่ 21 มี.ค. ค.ศ.2021 โดยระบุว่า จากกรณีของเผด็จการทหารพม่าที่เข้ามาวางกำลังฐานปฏิบัติในพื้นที่แนวหน้าของ จ.มือตรอ หากบุคคล หรือกลุ่มบุคคลใด ที่พยายามดำเนินการแทนเผด็จการทหารพม่า โดยการข้ามชายแดนส่งเสบียงอาหารให้เผด็จการทหารพม่า

พวกเราในนาม จ.มือตรอ กองพลที่ 5 สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง ที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อประชาชน และแผ่นดินของพวกเรา เราได้แจ้งกับเผด็จการทหารพม่า รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องแล้วว่า เราไม่เห็นด้วยกับการส่งเสบียงอาหารให้กับเผด็จการทหารพม่า

1.ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา เผด็จการทหารพม่าได้กดขี่ทำร้าย เข่นฆ่าประชาชนของเรา ทำให้ประชาชนเราต้องยากจนลง โดยได้กระทำอย่างมีเป้าหมายที่ชัดเจน และปัจจุบันหลังจากที่เผด็จการทหารพม่าได้ทำการรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ประชาชนพม่าไม่ยอมรับในอำนาจของพวกเขา

เมื่อประชาชนพม่าออกมาแสดงจุดยืนไม่ยอมรับการทำรัฐประหาร เผด็จการทหารพม่าได้เข่นฆ่าประชาชนของตนเองอย่างโหดร้ายในพื้นที่เขตเมือง จนถึงปัจจุบัน

2.บนพื้นฐานของมโนธรรม หากเรายอมให้บุคคลใดก็ตามสนับสนุนเผด็จการทหารพม่า เท่ากับว่าเราให้สิทธิเผด็จการทหารพม่ามาอยู่ในแผ่นดินของเรา และยอมให้เขากดขี่ เข่นฆ่าประชาชนของเรา

3.ด้วยเหตุนี้ พวกเราในนาม จ.มือตรอ กองพลที่ 5 สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง ขอคัดค้านการส่งเสบียงอาหารให้เผด็จการทหารพม่า ประกอบกับประชาชนในประเทศ รวมถึงนานาชาติไม่ยอมรับในอำนาจของเผด็จการทหารพม่า

การที่บุคคล หรือกลุ่มบุคคลใด มีการดำเนินการส่งเสบียงอาหารให้กับเผด็จการทหารพม่า เท่ากับเป็นการสนับสนุนอำนาจของเผด็จการทหารพม่าให้มั่นคงในแผ่นดินของพวกเรา และจะทำให้เกิดการเข่นฆ่าประชาชนของเรา

ดังนั้น หากเกิดอะไรขึ้นกับบุคคล หรือกลุ่มบุคลที่ให้การสนับสนุนเผด็จการทหารพม่า จ.มือตรอ กองพลที่ 5 สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง จะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้นกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับบุคคล หรือกลุ่มบุคคลดังกล่าว

เผยภาพภรรยาอดีตมุขมนตรีรัฐคะยาอพยพเข้าไทยขอลี้ภัย

เผยภาพอดีตมุขมนตรีรัฐคะยาพร้อมครอบครัวอพยพเข้าไทยขอลี้ภัย
ที่มาภาพ: เว็บไซต์ข่าวสด

เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2564 สื่อไทยหลายสำนัก อาทิ ไทยโพสต์ ข่าวสด และ ไทยรัฐออนไลน์ รายงานว่าฝ่ายปกครอง อ.แม่สะเรียง พร้อมด้วย จนท.ทหารพรานกรมที่ 36 ค่ายเทพสิงห์ ตำรวจ สภ.เสาหิน และ รพ.สต.โพซอ ได้ร่วมเดินทางไปรับผู้ขอลี้ภัยจากประเทศพม่า จำนวน 5 คน ได้แก่ 1.นางมิ้นมิ้นหม่อ อายุ 43 ปี ข้าราชการครู ภรรยานายอูแอลผ่องโฉ่ อดีตมุขมนตรีรัฐคะยา 2. นพ.จ่อไข่ อายุ 30 ปี นายแพทย์โรงพยาบาลแม่แจ๊ะ รัฐกะเรนนี 3. นางสุนัน ค่าวิน อายุ 22 ปี ข้าราชการครู 4. นายแยทุกหม่อง อายุ 16 ปี และ 5.ด.ช.หม่องทูชิไป่ อายุ 10 ปี โดย จนท.สาธารณสุขได้ทำการคัดกรองโรคโควิด ตรวจสุขภาพ และจัดสถานที่รองรับให้กับผู้ลี้ภัย สำหรับผู้ลี้ภัยที่ขอลี้ภัยเข้ามาในประเทศไทย ผ่านช่องชายแดนทางบ้านเสาหิน อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เมื่อวานนี้ 19 มี.ค. 2564 เวลาประมาณ 16.35 น.โดยได้จัดที่พักให้ที่หมู่บ้านเสาหิน ต.เสาหิน และอยู่ในความดูแลของทหารพราน ที่ 36 ค่ายเทพสิงห์

ทั้งนี้บริเวณแนวสันเขตห้วยต้นนุ่น อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอขุนยวม โดย นายสกล ศรีมณี ปลัดฝ่ายความมั่นคง อ.ขุนยวม ร่วมกับ ทหารพราน ร้อย ทพ.3602 ขุนยวม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ประตูเมือง สภ.ขุนยวม จนท. โรงพยาบาลขุนยวม จนท.สาธารณสุขอำเภอขุนยวม ตชด.ร้อย 3362 กำนันตำบลแม่กิ๊ ผู้ใหญ่บ้านห้วยต้นนุ่น และ ผญบ.บ้านร่มเย็น ได้ร่วมเดินทางไปที่ แนวสันเขต BP 11 พิกัด LA 698765 (จุดตรวจทหารพราน ค่ายเทพสิงห์) เพื่อจัดเตรียมสถานที่รองรับผู้ลี้ภัย ที่ขอลี้ภัยมาจากประเทศพม่า

แหล่งข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้เคเอ็นยู และสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน (RCSS/SSA) ในทุกพื้นที่คุ้มกันผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย รวมถึงให้ที่หลบภัยกับผู้ที่เห็นต่างจากทหารพม่าในบริเวณชายแดนไทยที่ติดกับฝั่งรัฐฉาน แต่ไม่เปิดเผยสถานที่ ส่งผลให้หลายหมู่บ้าน ที่อยู่ตามแนวชายแดนมีทหารพม่าขอเข้าตรวจค้นช่วงดึกวันที่ 17 มี.ค. จนเกือบมีการปะทะ เพราะทหารพม่ามาขอวางกำลังพื้นที่ดังกล่าวเพิ่ม ทำให้ทหารกะเหรี่ยงได้เตรียมเปิดการปะทะ จนในที่สุดทหารพม่าจึงยอมถอยออกจากพื้นที่ ทางสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน (RCSS/SSA) จึงได้ประกาศให้การคุ้มครองผู้ที่หลบหนีการรัฐประหารจากทหารฝ่ายรัฐบาล ทำให้สถานการณ์หลายพื้นที่ตามแนวชายแดนตึงเครียด

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net