Skip to main content
sharethis

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ออกแถลงการณ์ระบุผู้บริหารคณะวิจิตรศิลป์กระทำชอบตามอำนาจหน้าที่ปกป้องชื่อเสียงมหาวิทยาลัยกรณีประเด็นร้อนรื้อผลงานศิลปะ นศ. - ประชาคมมอชอโต้ผู้บริหารน่าอับอาย - อาจารย์นิติศาสตร์ มช. ถูกตร.นัดคุยถามการทำกิจกรรม ก่อน ร.10 เสด็จเชียงใหม่

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ออกแถลงการณ์ระบุผู้บริหารคณะวิจิตรศิลป์กระทำชอบตามอำนาจหน้าที่

เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2564 ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ออกแถลงการณ์ ระบุว่า ตามที่ได้มีกลุ่มบุคคลเข้ามาใช้สถานที่บริเวณหอศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2564 ซึ่งเป็นพื้นที่ ในความรับผิดชอบของคณะวิจิตรศิลป์ โดยไม่ได้รับอนุญาต และกระทำการที่ไม่เหมาะสม เข้าข่ายการกระทำผิดกฎหมาย ผู้บริหารคณะวิจิตรศิลป์ได้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ พบธงชาติไทยมีการดัดแปลงและมีข้อความที่ไม่เหมาะสมปรากฏอยู่ รวมถึงสิ่งของอื่นในบริเวณดังกล่าว จึงเก็บไว้เพื่อให้เจ้าของมารับคืนนั้น

มหาวิทยาลัย พิจารณาเห็นว่าผู้บริหารคณะวิจิตรศิลป์ ได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบในการกำกับดูแลสถานที่และทรัพย์สินของมหาวิทยาลัย อีกทั้งเป็นการปกป้องชื่อเสียงของนักศึกษา บุคลากรและมหาวิทยาลัยโดยรวมเป็นการกระทำโดยชอบแล้ว

วิจิตรศิลป์ มช. เดือด ผู้บริหารแอบเก็บงานศิลปะ นศ.ใส่ถุงดำ ด้าน นศ.แจ้งความวิ่งราวทรัพย์-ทำให้เสียทรัพย์

ประชาคมมอชอโต้ผู้บริหารน่าอับอาย

 

แถลงการณ์ ประชาคมมอชอ เรื่อง ขอประณาม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เนื่องด้วย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ลานหน้าหอศิลป์...

โพสต์โดย ประชาคมมอชอ - Community of MorChor เมื่อ วันพุธที่ 24 มีนาคม  2021

 

ด้านเพจประชาคมมอชอ - Community of MorChor เผยแพร่ แถลงการณ์ ขอประณาม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุว่าเนื่องด้วย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ลานหน้าหอศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่เป็นพื้นที่สำหรับนักศึกษา ในการแสวงหาความรู้และพัฒนาศักยภาพในการทำงานศิลปะของนักศึกษา มากไปกว่านั้น บริเวณที่มีงานศิลปะอยู่ เป็นลานสำหรับนักศึกษาในการทำงาน และจัดกิจกรรมหน้าตึกเรียนของตน มิได้ไปบดบัง หรือฤทธิรอนพื้นที่ของใคร เป็นพื้นที่ ที่นักศึกษาใช้ทำงานร่วมกัน

ตามแถลงการณ์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ลงวันที่ 24 มี.ค. 2564 ที่อ้างว่า มีกลุ่มบุคคลมาใช้สถานที่ ‘กลุ่มบุคคล’ ที่ทางมหาวิทยาลัยกล่าวอ้างนั้นคือ นักศึกษาของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ทั้งหมด และเป็นนักศึกษาของคณะวิจิตรศิลป์เกือบทั้งหมด

ถ้ามหาวิทยาลัยไม่ใช่พื้นที่สำหรับนักศึกษา ทางประชาคมมอชอขอเสนอให้ทำการปิดสถานศึกษาที่มีมากว่า 50 ปีนั้นทิ้งลงไปซะ! เพราะความอับอายที่เกิดขึ้นใน 2 วันที่ผ่านมานี้ ทำให้นักศึกษา ศิษย์เก่า รวมถึงประชาชนหลายคน รับไม่ได้กับการกระทำที่แบ่งชนชั้น และสองมาตรฐาน ซึ่งไม่ควรที่จะเกิดขึ้นในสังคมที่เรียนว่าสถานศึกษา ที่มีหน้าที่บ่มเพาะให้ผู้เรียนเติบโตมาในสังคมที่มีสิทธิ เสรีภาพ และความเท่าเทียมกัน บนพื้นฐานของความเป็นมนุษย์
ถ้าสถานศึกษาไม่ใช่พื้นที่สำหรับพัฒนาผู้เรียนทั้งทางด้านทักษะ ความรู้ และประสบการณ์ชีวิต ก็ไม่ควรจะมีอยู่
ถ้าสถานศึกษาไม่ใช่พื้นที่สำหรับผู้เรียน ก็ไม่ควรมีอยู่ เพื่อให้เกิดความอับอายเยี่ยงเหตุการณ์เช่นนี้

ประชาคมมอชอ
24 มี.ค. 2564

อาจารย์นิติศาสตร์ มช. ถูกตร.นัดคุยถามการทำกิจกรรม ก่อน ร.10 เสด็จเชียงใหม่

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่าได้รับข้อมูลจาก ผศ.ดร.นัทมน คงเจริญ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ว่าเมื่อวันที่ 19 มี.ค. 2564 เวลาประมาณ 10.00 น. ตนได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่ปิง นัดหมายให้ไปพบกันบริเวณร้านกาแฟในศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง ในเวลาประมาณ 14.00 น. 

ก่อนหน้านี้ช่วงปลายเดือน พ.ย. 2563 นัทมนเคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าติดตามที่บ้านมาแล้วครั้งหนึ่งเนื่องจากรัชกาลที่ 10 เสด็จพระราชดำเนินมาพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏในเขตภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 8-11 ธ.ค. 2563 ระหว่างการเข้าติดตามดังกล่าว นัทมนขอให้ตำรวจติดต่อนัดหมายทางโทรศัพท์ก่อนหากจะมาติดตามอีก

ในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ติดต่อผ่านทางโทรศัพท์ ขอนัดหมายเข้าติดตามสอบถามเช่นเดียวกับครั้งก่อน แต่ นัทมนไม่ต้องการให้ตำรวจมาพบที่บ้าน จึงนัดหมายพบกันที่ร้านกาแฟ เมื่อถึงเวลานัด ได้พบชายแต่งกายชุดไปรเวทหนึ่งคนซึ่งไม่ใช่ตำรวจนายเดียวกับที่มาติดตามครั้งก่อน เจ้าหน้าที่แนะนำตัวว่าเป็นตำรวจจากสภ.แม่ปิง และให้ดูบัตรประจำตัวข้าราชการตำรวจ แต่จำชื่อและยศไม่ได้ และไม่ทราบว่าใช้ยานพาหนะชนิดใด เนื่องจากเดินเข้ามาในร้านกาแฟ

เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่า นัทมนเป็นผู้มีรายชื่ออยู่ใน “ลิสต์เฝ้าระวัง” และเนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีจะเสด็จพระราชดำเนินมายังจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมาติดตามและสอบถาม

เจ้าหน้าที่ระบุกับนัทมนว่าตนต้องมานัดหมายตามคำสั่ง ขอให้เห็นใจด้วย พร้อมสอบถามว่ากลุ่มนักศึกษาหรือนักกิจกรรมจะไปจัดกิจกรรมที่ไหนหรือไม่ และหากมีการจัดกิจกรรมจะเข้าร่วมหรือไม่ 

นัทมนตอบว่าตนไม่ทราบว่าจะมีการจัดกิจกรรมหรือไม่ และหากมีการจัดกิจกรรมก็จะเข้าร่วมเนื่องจากตนร่วมแสดงออกทางการเมืองเป็นประจำอยู่แล้ว และตนเป็นนายประกันของนักศึกษาที่ถูกดำเนินคดีทางการเมืองด้วย 

จากนั้นนัทมนให้ความรู้แก่ตำรวจในหัวข้อเสรีภาพในการแสดงออก การสนทนาใช้เวลาประมาณ 10 นาที และก่อนเดินทางกลับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ถ่ายรูปนัทมนไว้ด้วย

ทั้งนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีเสด็จพระราชดำเนินไปเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ กองพลทหารราบที่ 7 อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2564

ก่อนหน้านี้ นัทมนยังเป็นหนึ่งในคณาจารย์ผู้ถูกคุกคามจากกรณีรัชกาลที่ 10 เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานปริญญาบัตรแก่นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏในเขตภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 8-11 ธ.ค. 2563 มาแล้ว

นัทมนย้อนเล่าว่าช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2563 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อผ่านทางผู้ใหญ่บ้านเพื่อขอนัดพบ ในวันนัดหมายมีชายหนึ่งคน แต่งกายในชุดไปรเวทมาพบที่บ้าน 

ชายคนดังกล่าวแนะนำตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.แม่ปิง พร้อมทั้งแสดงบัตรประจำตัว ใช้สรรพนามแทนตัวเองว่า “ดาบ” แต่ไม่สามารถจำชื่อและยศได้ จากนั้นจึงสนทนากันบริเวณประตูรั้วหน้าบ้าน เนื่องจากการเข้าพบของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นการคุกคาม และเกรงว่าหากมารดาของตนซึ่งอายุมากแล้ว ทราบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาพบจะรู้สึกไม่สบายใจ

การสนทนาในครั้งนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข้อมูลว่าเนื่องจากจากพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็มาจังหวัดเชียงใหม่ และนัทมนเป็นหนึ่งใน “รายชื่อเฝ้าระวัง” จึงมาติดตามสอบถามความเคลื่อนไหว และขอถ่ายรูปเพื่อนำกลับไปรายงาน

นัทมนให้ความเห็นว่าบทสนทนาในการติดตามของตำรวจทั้งสองครั้ง แม้ว่าตำรวจที่มาติดตามจะเป็นคนละคนกัน แต่มีรูปแบบเดียวกัน โดยเริ่มจากการอ้างว่ามีความเห็นทางการเมืองสอดคล้องกัน แต่ต้องมาทำตามคำสั่ง และแจ้งความจำเป็นของการมาติดตาม พร้อมสอบถามว่าจะมีการเคลื่อนไหวหรือไม่

จากการติดตามของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ในช่วงเวลาก่อนและระหว่างการเสด็จจังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 22 มี.ค. 2564 พบว่ามีเหตุที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าติดตามนักเรียนนักศึกษา ประชาชน และอาจารย์มหาวิทยาลัย อย่างน้อย 6 กรณี บางกรณีใช้เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบเฝ้าคอยติดตามประชาชนที่ดำเนินชีวิตตามปกติ นอกจากนั้นหนึ่งในผู้ถูกคุกคามในครั้งนี้เป็นเยาวชนอายุ 17 ปี

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net