เปิด จม. 'ช่วยคืนชีวิตให้หนูที' แม่ค้าออนไลน์เชียงใหม่วัย 22 ปี ผู้ต้องหาคดี 112 ที่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว

จดหมายจาก “พรพิมล” แม่ค้าออนไลน์เชียงใหม่วัย 22 ปี ผู้ต้องหาคดี 112 หลังนอนห้องขังคืนแรก ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัว ออกจดหมาย “ช่วยคืนชีวิตให้หนูที”

“หนูผิดอะไรคะ ทุกคนเข้ามาพาหนูไปทำตามขั้นตอน มันเกิดขึ้นเร็วมาก หนูรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับหนู ที่ผ่านมาหนูเจอเรื่องร้ายๆ มาเยอะมาก หนูยังต้องเจอแบบนี้อีก หนูไม่มีใครเลยค่ะ ไม่มีเลย หนูโดดเดี่ยวต้องหาเงินเลี้ยงตัวเองตั้งแต่เด็กจนถึงทุกวันนี้ หนูเหนื่อยมากๆ หนูไม่เคยได้รับความอบอุ่นจากไหนเลย ชีวิตหนูยังมาเจอเรื่องบ้าบอแบบนี้อีก ข้างในนี้มียุง พื้นมันแข็ง น้ำสกปรกมาก กลิ่นเหม็น หนูคือผู้บริสุทธิ์แต่ทำไมหนูถึงอยู่ในนี้คะ พี่ๆ ช่วยหนูด้วยนะคะ หนูดิ้นรนที่จะไม่ฆ่าตัวตาย ดิ้นรนที่จะมีชีวิตอยู่มาจนถึงอายุ 21 ปี มันยากมากๆ หนูไม่มีความสุข มันกังวล มันกลัวไปหมด คนที่แกล้งหนูหนูหวังให้เขาได้รับผลกรรมไวๆ ช่วยเมตตาหนูด้วยนะคะ ช่วยคืนชีวิตให้หนูที”

จดหมายฉบับนี้เขียนขึ้นในห้องขังสถานีตำรวจช้างเผือก คืนแรกในห้องขังของพรพิมล ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัว ขณะนี้พรพิมลถูกนำตัวไปคุมขังต่อที่ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานเกี่ยวกับการจับกุมพรพิมลไว้ว่า เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ที่ผ่านมาเวลาประมาณ 16.30 น. ศูนย์ทนายความฯได้รับแจ้งว่ามีผู้ถูกจับกุมใน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ตามหมายจับ ในคดี ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ โดยอยู่ระหว่างถูกนำตัวไปที่สภ.ช้างเผือก หลังทนายความติดตามไป ได้พบกับผู้ถูกจับกุมชื่อ “พรพิมล” (สงวนนามสกุล) เป็นแม่ค้าขายของออนไลน์ อายุ 22 ปี พร้อมกับแฟนหนุ่มที่แจ้งเรื่องเพื่อขอความช่วยเหลือจากทนายความ

ถูกจับกุมตามหมายจับศาลเชียงใหม่ ตรวจยึดเครื่องมือสื่อสารแม้ไม่มีหมาย

หลังสอบถามข้อมูลและขอตรวจสอบเอกสาร พบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.ช้างเผือก ได้นำกำลังชุดสืบสวนทั้งในและนอกเครื่องแบบจำนวน 5-6 นาย นำโดย ร.ต.อ.เกรียงศักดิ์ เครืองทอง รองสารวัตรสืบสวนสภ.ช้างเผือก และมีตำรวจหญิงเข้าร่วมการจับกุมพรพิมลจากหอพักในจังหวัดเชียงใหม่ โดยได้แสดงหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ที่ 75/2564 ลงวันที่ 8 ก.พ. 64 ในข้อกล่าวหา “หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ และนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามประมวลกฎหมายอาญา”

เจ้าหน้าที่ยังแสดงหมายค้นของศาลจังหวัดเชียงใหม่ที่ 85/2564 ลงวันที่ 31 มี.ค. 64 เพื่อเข้าตรวจค้นห้องพัก และได้ทำการตรวจยึดโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ไอแพดของพรพิมลไว้ด้วย

หลังจากจับกุม ตำรวจได้นำตัวเธอมายัง สภ.ช้างเผือก เพื่อจัดทำบันทึกจับกุม ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ทนายความได้เข้าไปพบ จึงได้ให้ทางตำรวจดำเนินกระบวนการต่อไป โดยมีทนายความร่วมอยู่ด้วย

เมื่อทนายความสอบถามเกี่ยวกับการตรวจยึดและเข้าถึงโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ไอแพด ว่าทางตำรวจได้มีการขอคำสั่งศาลเพื่อเข้าถึงอุปกรณ์ดังกล่าว ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ หรือไม่ ทางตำรวจระบุว่าเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ใช้อำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ในการยึดอุปกรณ์เหล่านี้ไว้ แต่ขั้นตอนเรื่องการเข้าถึงข้อมูลภายในเครื่องต้องเป็นขั้นตอนของพนักงานสอบสวนต่อไป ทางตำรวจจึงได้นำอุปกรณ์ดังกล่าวไปใส่ถุงซิปล็อคเพื่อมอบให้พนักงานสอบสวน

หลังจัดทำบันทึกจับกุมและให้ผู้ถูกจับกุมลงลายมือชื่อแล้ว เป็นเวลาประมาณ 18.30 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ส่งตัวผู้ถูกจับกุมให้กับพนักงานสอบสวน พ.ต.ต.ภัทรภพ ถนอมกุลกาญจน์ เป็นผู้รับผิดชอบสำนวนคดีดำเนินการต่อไป โดยพนักงานสอบสวนระบุว่าจะทำการแจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนผู้ถูกจับกุมในวันรุ่งขึ้น และจะต้องนำตัวไปขออำนาจศาลในการฝากขัง

พรพิมลจึงถูกควบคุมตัวไว้ที่ห้องขังของ สภ.ช้างเผือก ตามอำนาจการควบคุมตัวของพนักงานสอบสวน 48 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ยังระบุเหตุที่ยังไม่เริ่มทำการแจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนทันที เนื่องจากเห็นว่าผู้ถูกจับกุมยังคงมีอาการสับสนและตื่นตกใจ จึงอยากให้ทนายความได้พูดคุยให้คำปรึกษาก่อน

แจ้ง 2 ข้อหา เหตุโพสต์ข้อความ 1 โพสต์ เมื่อเดือนตุลา 63 มีประชาชนทั่วไปกล่าวหา

กระทั่งเช้าวันที่ 1 เม.ย. 64 พนักงานสอบสวนได้เริ่มขั้นตอนการแจ้งข้อกล่าวหาต่อพรพิมล พร้อมทนายความที่ติดตามไปร่วมรับฟังการสอบสวน โดยเธอถูกแจ้ง 2 ข้อกล่าวหา คือข้อหาตาม ม. 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3)
เจ้าหน้าที่ระบุพฤติการณ์ข้อกล่าวหาว่าเมื่อวันที่ 18 ต.ค. 63 เวลาประมาณ 17.30 น. ได้มีทีฆทัศน์ พรหมณี ผู้กล่าวหาได้ใช้โทรศัพท์มือถือเปิดใช้งานเฟซบุ๊ก พบผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่เป็นเพื่อนในเฟซบุ๊ก ได้โพสต์ข้อความ 1 ข้อความ เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 63 โดยข้อความดังกล่าวนั้นเป็นการใส่ความในหลวงรัชกาลที่ 10 ต่อบุคคลที่สามด้วยการโฆษณาด้วยเอกสาร โดยประการที่น่าจะทำให้ทรงเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง และมีผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ อีกทั้งการกระทำดังกล่าวยังเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามประมวลกฎหมายอาญาอีกด้วย

พรพิมลได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยได้ให้การในรายละเอียดทางคดีว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเฟซบุ๊กที่ถูกกล่าวหา อีกทั้งยังได้ยินยอมให้เข้าถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทั้งโทรศัพท์มือถือและไอแพด ที่ถูกยึดไว้โดยตำรวจตั้งแต่วานนี้ เพื่อยืนยันว่าเธอไม่ได้ใช้เฟซบุ๊กตามที่ถูกกล่าวหา และจะขอให้การเพิ่มเติมเป็นหนังสือ ระหว่างที่ทำการสอบสวน พนักงานสอบสวนได้ให้ตำรวจสภ.ช้างเผือกอีกนายหนึ่ง ไปยื่นคำร้องขอฝากขังครั้งที่ 1 เป็นเวลา 12 วัน ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากศาลจังหวัดเชียงใหม่ มายังสภ.ช้างเผือก ขณะที่ทนายความก็ได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อคัดค้านการฝากขังของพนักงานสอบสวน และขอให้มีการไต่สวนถึงเหตุจำเป็นในการฝากขังของพนักงานสอบสวน

ศาลอนุญาตให้ฝากขัง และไม่ให้ประกันตัว อ้างคดีร้ายแรง–เกรงจะหลบหนี

ต่อมาพนักงานสอบสวนนำตัวผู้ต้องหาเดินทางไปที่ศาล จ.เชียงใหม่ เพื่อทำการไต่สวนคำร้องฝากขังขอฝากขัง ด้านพนักงานสอบสวนได้ให้เหตุผลการต้องฝากขังผู้ต้องหาต่อศาลว่า มีพยานบุคคลอีก 6 ปาก ที่ต้องทำการสอบสวนและยังมีพยานเอกสารที่ต้องรวบรวมอีกจำนวนมาก พร้อมกับต้องรอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือเพื่อตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของผู้ต้องหาอีก

ทนายความของผู้ต้องหาได้ถามค้านเกี่ยวกับพฤติการณ์ตั้งแต่ถูกจับกุมมากระทั่งแจ้งข้อกล่าวหาของตำรวจ พนักงานสอบสวนก็ได้ยืนยันว่าผู้ต้องหาให้ความร่วมมืออย่างดีมาตลอด ไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี ในส่วนพยานบุคคล 6 ปาก ที่พนักงานสอบสวนกล่าวถึง ก็พบว่าเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งหมด ซึ่งไม่มีความจำเป็นต้องทำการสอบสวนต่อหน้าผู้ต้องหา พนักงานสอบสวนสามารถดำเนินการได้เอง ส่วนพยานเอกสารอีกจำนวนมากที่ต้องรวบรวมตลอดไปจนถึงขั้นตอนการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือเพื่อตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของผู้ต้องหา ก็เป็นขั้นตอนที่พนักงานสอบสวนสามารถดำเนินการไปได้โดยไม่เกี่ยวข้องกับตัวผู้ต้องหา อีกทั้งพนักงานสอบสวนยังยืนยันว่าหากมีขั้นตอนทางกฎหมายใดๆ เกี่ยวกับตัวผู้ต้องหา สามารถจะประสานงานผู้ต้องหามาพบได้

หลังการไต่สวน ศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้มีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังตามคำร้องของพนักงานสอบสวน โดยให้เหตุผลโดยสรุปว่า ตามกฎหมายเหตุที่จะออกหมายขังมี 2 เหตุด้วยกัน คือ 1.อัตราโทษสูงเกิน 10 ปี และ 2. ผู้ต้องหามีพฤติการณ์จะหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ซึ่งหากเข้าเงื่อนไขเหตุใดเหตุหนึ่งก็ได้ ปรากฎตามคำร้องของพนักงานสอบสวนว่าคดีนี้มีอัตราโทษสูงเกิน 10 ปี แม้ที่พนักงานสอบสวนตอบทนายความถามค้าน เรื่องไม่มีพฤติการณ์หลบหนีและไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานนั้น ยังไม่อาจรับฟังได้มีน้ำหนักเพียงพอ มีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาเป็นเวลา 12 วัน

ช่วงเย็นวันเดียวกันทีมทนายความและอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่เดินทางมาเป็นนายประกันในคดีนี้ ก็ได้ยื่นคำร้องขอประกันตัวผู้ต้องหาด้วยเงินสดจำนวน 300,000 บาท ต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่ โดยเป็นหลักทรัพย์จากทางกองทุนดา ตอร์ปิโด

จากนั้นศาลจังหวัดเชียงใหม่โดยผู้พิพากษา รัตน์ จ๋วงพานิช ได้มีคำสั่งยกคำร้องขอประกันตัว โดยระบุว่า “พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาประกอบกับข้อความที่ผู้ต้องหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์แล้ว ถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรง ซึ่งพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว อาจจะกระทำในลักษณะเดียวกันอีก เกรงว่าจะหลบหนี ยากแก่การติดตามตัว จึงให้ยกคำร้อง”

การไม่ได้ประกันตัวของพรพิมล ทำให้เธอถูกนำตัวไปคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ อ.เมืองเชียงใหม่
จากการติดตามของศูนย์ทนายความฯ หลังการกลับมาบังคับใช้ม.112 อีกครั้งในช่วงปลาย พ.ย. 63 จนถึงวันที่ 1 เม.ย.64 พบว่ามีผู้ถูกดำเนินคดีม.112 ไปแล้วอย่างน้อย 82 คน ใน 74 คดี และ พรพิมลนับเป็นผู้ถูกคุมขังระหว่างการต่อสู้คดีการเมืองช่วงเวลานี้เป็น รายที่ 20 โดยเป็นคดีตาม ม. 112 รายที่ 13

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท