รวมตัวให้กำลังใจ 'พรพิมล' ผู้ต้องหาคดี 112 หน้าทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ เปิด รธน.อธิบายสิทธิประกันตัว 

รวมตัวให้กำลังใจ 'พรพิมล' ผู้ต้องหาคดี ม.112 หน้าทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ รองศาสตราจารย์ด้านนิติศาสตร์ มช. เปิด รัฐธรรมนูญมาตรา 29 วรรคสองและวรรคสาม อธิบายสิทธิประกันตัว 

 

2 เม.ย. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (2 เม.ย.64) เวลาประมาณ 16.00 น. บริเวณหน้าทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ มีกลุ่มบุคคลเดินทางไปชูป้ายให้กำลังใจพรพิมล (สงวนนามสกุล) เป็นแม่ค้าขายของออนไลน์ อายุ 22 ปี ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาคดี หมิ่นประมาทกษัตริย์ หรือ ม.112 รายล่าสุดของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ศาลมีคำสั่งโดยรัตน์ จ๋วงพานิช ผู้พิพากษาศาลจังหวัดเชียงใหม่ ไม่อนุญาตให้ประกันตัวโดยให้เหตุผลว่า “พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาประกอบกับข้อความที่ผู้ต้องหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์แล้ว ถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรง ซึ่งพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว อาจจะกระทำในลักษณะเดียวกันอีก เกรงว่าจะหลบหนี ยากแก่การติดตามตัว จึงให้ยกคำร้อง” 

โดยวันนี้เป็นวันแรกที่พรพิมลถูกนำตัวไปคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ ด้านทนายความเผยว่า สภาพจิตใจของผู้ต้องหาค่อนข้างแย่หลังรู้ตัวว่าต้องติดคุกในคดี ม.112 ขณะนี้พรพิมลจะถูกแยกขัง 14 วันตามมาตรการโควิด-19 ของทัณฑสถานเนื่องจากเพิ่งเข้าไปเป็นวันแรก โดยพรพิมลเล่าว่าตอนนี้ถูกขังอยู่ในห้องแยก 2 คน รวมกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV และห้องขังใกล้กันน่าจะเป็นผู้ป่วยจิตเวชเนื่องจากได้ยินเสียงกรีดร้องอยู่เป็นระยะ

สมชาย ปรีชาศิลปกุล รองศาสตราจารย์และอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มาร่วมชูป้ายยืนยันสิทธิในการประกันตัวตามรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญ

ขณะที่ สมชาย ปรีชาศิลปกุล รองศาสตราจารย์และอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มาร่วมชูป้ายยืนยันสิทธิในการประกันตัวตามรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 29 วรรคสองและวรรคสาม ซึ่งกำหนดว่า

“มาตรา 29 วรรค 2 ในคดีอาญา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้

การควบคุมหรือคุมขังผู้ต้องหาหรือจำเลยให้กระทำได้เพียงเท่าที่จำเป็น เพื่อป้องกันมิให้มีการหลบหนี”

“หากข้อเท็จจริงในคดีปรากฏอย่างชัดเจนว่าผู้ต้องหามิได้มีพฤติการณ์แสดงให้เห็นการหลบหนีก็ไม่มีอันใดที่จะคุมขังผู้ต้องหาไว้ อันเป็นการกระทำที่ขัดกับสิทธิเสรีภาพตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญอย่างสำคัญ และข้อเรียกร้องที่เกิดขึ้นในเวลานี้ มิได้เรียกร้องให้ทำหน้าที่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้แต่อย่างใด หากเป็นเพียงการเรียกร้องให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมาเท่านั้น” สมชายกล่าว

เกี่ยวกับการจับกุมพรพิมล ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานไว้ว่า  เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ที่ผ่านมาเวลาประมาณ 16.30 น. ศูนย์ทนายความฯได้รับแจ้งว่ามีผู้ถูกจับกุมใน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ตามหมายจับ ในคดี ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ โดยอยู่ระหว่างถูกนำตัวไปที่สภ.ช้างเผือก หลังทนายความติดตามไป ได้พบกับผู้ถูกจับกุมชื่อ “พรพิมล” พร้อมกับแฟนหนุ่มที่แจ้งเรื่องเพื่อขอความช่วยเหลือจากทนายความ

เธอถูกแจ้ง 2 ข้อกล่าวหา คือข้อหาตาม ม. 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) เจ้าหน้าที่ระบุพฤติการณ์ข้อกล่าวหาว่าเมื่อวันที่ 18 ต.ค. 63 เวลาประมาณ 17.30 น. ได้มีทีฆทัศน์ พรหมณี ผู้กล่าวหาได้ใช้โทรศัพท์มือถือเปิดใช้งานเฟซบุ๊ก พบผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่เป็นเพื่อนในเฟซบุ๊ก ได้โพสต์ข้อความ 1 ข้อความ เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 63 โดยข้อความดังกล่าวนั้นเป็นการใส่ความในหลวงรัชกาลที่ 10 ต่อบุคคลที่สามด้วยการโฆษณาด้วยเอกสาร โดยประการที่น่าจะทำให้ทรงเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง และมีผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ อีกทั้งการกระทำดังกล่าวยังเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามประมวลกฎหมายอาญาอีกด้วย

ทั้งนี้ พรพิมลได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยได้ให้การในรายละเอียดทางคดีว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเฟซบุ๊กที่ถูกกล่าวหา อีกทั้งยังได้ยินยอมให้เข้าถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทั้งโทรศัพท์มือถือและไอแพด ที่ถูกยึดไว้โดยตำรวจตั้งแต่วานนี้ เพื่อยืนยันว่าเธอไม่ได้ใช้เฟซบุ๊กตามที่ถูกกล่าวหา 

การไม่ได้ประกันตัวของพรพิมล ทำให้เธอถูกนำตัวไปคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ อ.เมืองเชียงใหม่
จากการติดตามของศูนย์ทนายความฯ หลังการกลับมาบังคับใช้ม.112 อีกครั้งในช่วงปลาย พ.ย. 63 จนถึงวันที่ 1 เม.ย.64 พบว่ามีผู้ถูกดำเนินคดีม.112 ไปแล้วอย่างน้อย 82 คน ใน 74 คดี และ พรพิมลนับเป็นผู้ถูกคุมขังระหว่างการต่อสู้คดีการเมืองช่วงเวลานี้เป็น รายที่ 20 โดยเป็นคดีตาม ม. 112 รายที่ 13

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท