ภาพโดย คิม ฮารุ

4 เม.ย.2564 เมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 17.00 น. ที่ลานประตูท่าแพ จ.เชียงใหม่ กลุ่มฅนเมืองxพรรควิฬาร์จัดกิจกรรมชาวเจียงใหม่ร่วมปั่นให้กำลังใจผู้ถูกคุมขังจากคดีทางการเมือง กิจกรรมภายในงานมีการติดรูปและป้ายของผู้ถูกคุมขังทางการเมืองบริเวณกำแพงเมืองและจักรยานของผู้ร่วมชุมนุม 

นอกจากนี้มีการอ่านจดหมายเปิดผนึกต่อประธานศาลฎีกามีเนื้อหาสาระคือ ความอยุติธรรมของการเลือกปฏิบัติที่มีความแตกต่างระหว่างผู้คุมขังทางการเมืองที่ก่อรัฐประหาร (กปปส.) และผู้คุมขังทางการเมืองที่เรียกร้องประชาธิปไตย (คณะราษฎร2563) ที่ยังปราศจากการตัดสินคดีถือว่าเป็น "ผู้บริสุทธิ์" แต่ล่วงมาเกือบเดือนที่ศาลกลับไม่ยอมให้มีการประกันตัวผู้คุมขังทางการเมืองเพื่อประชาธิปไตย

 ทางด้านกิจกรรมร่วมปั่นให้กำลังใจผู้ถูกคุมจังทางการเมืองเริ่มปั่นให้กำลังจากประตูทางแพไปยังตลาดวโรรสท่ามกลางพายุฝนที่พรำลงมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อผู้ชุมนุมก็ปั่นจักรยานต่อจนแล้วเสร็จภารกิจและแยกย้ายกลับบ้านอย่างสงบ

ทั้งนี้ จากการติดตามของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ระบุว่า หลังการกลับมาบังคับใช้ม.112 อีกครั้งในช่วงปลาย พ.ย. 63 จนถึงวันที่ 1 เม.ย.64 พบว่ามีผู้ถูกดำเนินคดีม.112 ไปแล้วอย่างน้อย 82 คน ใน 74 คดี และ พรพิมล (สงวนนามสกุล) แม่ค้าขายของออนไลน์ อายุ 22 ปี ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาคดี หมิ่นประมาทกษัตริย์ หรือ ม.112 รายล่าสุดของจังหวัดเชียงใหม่เมื่อต้นเดือนเม.ย.นี้ นับเป็นผู้ถูกคุมขังระหว่างการต่อสู้คดีการเมืองช่วงเวลานี้เป็น รายที่ 20 โดยเป็นคดีตาม ม. 112 รายที่ 13 

อย่างไรก็ตาม เมื่อปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา กองสารนิเทศและประชาสัมพันธ์ สำนักงานศาลยุติธรรม เผยแพร่ข่าวแจกสื่อมวลชน ระบุว่า สุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม ชี้แจงว่า กรณีที่ปรากฏข้อความเผยแพร่ทางสื่อโซเชียลเฟซบุ๊ก พาดพิงถึงการประชุมใหญ่ของศาลฎีกานั้น ไม่เป็นความจริง แต่สิ่งที่โฆษกศาลยุติธรรม ชี้แจงนั้นไม่ระบุว่ามาจากกรณีไหน แต่ในโซเชียลเน็ตเวิร์กวานนี้ (29 มี.ค.) สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นักวิชาการประวัติศาสตร์และผู้ลี้ภัยทางการเมือง ออกมาโพสต์ ผ่านเฟซบุ๊ก Somsak Jeamteerasakul เรื่องความขัดแย้งในการประชุมใหญ่ศาลฎีกา โดยอ้างว่ามีผู้พิพากษาศาลฎีกาท่านหนึ่งพูดในที่ประชุมถึงความไม่ชอบธรรมในการไม่ให้ประกันตัวแกนนำม็อบ โดย สมศักดิ์ อ้างว่า ประธานศาลฎีกากลับตอบว่า "มีบุคคลภายนอกสั่งมาอีกที" ทำให้มี ผู้พิพากษาศาลฎีกาอีกรายหนึ่ง ไม่พอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น และจะมีการเสนอเรื่องให้คณะกรรมการตุลาการ (ก.ต.) ตรวจสอบวินัย