Skip to main content
sharethis

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติยกกฎ 'มส.' ขู่พระร่วมม็อบ ยังห่มเหลืองอ้างไม่เปล่งวาจาสึก ผิดแต่งเลียนแบบสงฆ์ คณะปฏิสังขรณ์ฯ สวนสำนักพุทธฯ จะจับพระร่วมม็อบสึก อ้าง กม.ร้อยแปด แต่ไม่อ้างธรรมวินัย

 

5 เม.ย.2564 จากกรณีที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือ มส เผยแพร่ข่าวสำนักงานฯ ชี้แจงถึงกรณีพ้นจากพระภิกษุโดยไม่เปล่งวาจา ของพระ 2 รูปที่ร่วมชุมนุมทางการเมืองกับเดินและหมู่บ้นทะลุฟ้า นััน

คณะปฏิสังขรณ์การพระศาสนาใหม่ หรือ New Restoration โพสต์ตอบโต้และตั้งคำถามว่า ทำไมถึงไม่อ้างพระธรรมวินัย  พระสงฆ์จะครองจีวร​ ต้องได้รับอนุญาตจากมหาเถรสมาคมงั้นหรือ พระไม่มีสังกัดวัด​ ต้องเดือดร้อนมหาเถรสมาคมถึงขั้นไปจับสึกเลยหรือ

"ศาสดาของพุทธศาสนา​ ชื่อ​ พระสมณโคดม​ หรือ​ชื่อ​ มหาเถรสมาคม​และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กันแน่" คณะปฏิสังขรณ์การพระศาสนาใหม่ ตั้งคำถาม

ยกกฎ 'มส.' ขู่พระร่วมม็อบ ยังห่มเหลืองอ้างไม่เปล่งวาจาสึก ผิดแต่งเลียนแบบสงฆ์

ทั้งนี้คำชี้แจงของ มส. ระบุว่า ปัจจุบัน ข่าวคราวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาเกี่ยวกับพระภิกษุสงฆ์ ยังปรากฎอยู่ให้ชาวพุทธต้องถกเถียงกันอยู่เนืองๆ การพ้นจากความเป็นพระภิกษุจะต้องเปล่งวาจาตลอดไปหรือไม่ ตามที่ปรากฏตามสื่อสังคมออนไลน์หรือสื่อช่องทางอื่นๆ ปรากฎมีพระภิกษุ 2 รูป ร่วมชุมนุมทางการเมืองแล้วถูกเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ให้สละสมณเพศเสีย เวลาผ่านไปหนึ่งวัน มีข่าวสังคมออนไลน์พระที่ถูกจับสีก กลับมาห่มจีวรอีกครั้ง โดยอ้างว่าไม่ได้เปล่งวาจายังคงเป็นสงฆ์อยู่ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พิจารณาแล้วเห็นว่าประเด็นดังกล่าว หากไม่นำเสนอความจริงต่อสังคม อาจทำให้เป็นกระแสกระทบต่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนาได้ จึงขอยกเอาแนวทางและหลักการ กรณีพระภิกษุพ้นจากความเป็นสงฆ์ โดยไม่ได้เปล่งวาจา มาบอกกล่าวในข้อเท็จจริง ดังนี้

พระภิกษุรูปนั้น พ้นจากความเป็นสงฆ์ตามกฎมหาเถรสมาคม (มส.) ฉบับที่ 21 (พ.ศ.2538) ว่าด้วยการให้พระภิกษุสละสมณเพศ ในกรณีพระภิกษุรูปใดไม่สังกัดอยู่ ในวัดใดวัดหนึ่งหรือไม่มีวัดเป็นที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ให้พระภิกษุผู้ดำรงตำแหน่งปกครองวัดหรือ พระภิกษุผู้ดำรงตำแหน่งปกครองสงฆ์ในเขตท้องที่ที่พบพระภิกษุรูปนั้น มีอำนาจหน้าที่วินิจฉัยให้พระภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศเสียได้ตามที่กล่าวข้างต้น ปรากฎมีพระภิกษุมาร่วมชุมนุมทางการเมือง 2 รูป ถูกเจ้าคณะผู้ปกครองให้สละสมณเพศ ประกอบด้วย

1.พระประนมกร พุทฺธิเชฏโฐ สังกัดวัดเลียบ จังหวัดสุรินทร์ หรือนายประนมกร ปราณีต และ 2.พระวิรัช กิตติญโณ สังกัดวัดราษฎร์รังสรค์ จังหวัดกระบี่ หรือนายวิรัช แช่ พ้นจากความเป็นพระภิกษุเหตุไม่สังกัดอยู่ในวัดใดวัดหนึ่ง ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 21 (พ.ศ.2538) ว่าด้วยการให้พระภิกษุสละสมณเพศ และได้บันทึกสารภาพยอมรับผิด สมัครใจที่จะลาสิกขา โดยมีพยานประกอบด้วยเจ้าคณะแขวงดุสิต เจ้าคณะแขวงถนนนครไชยศรี พระวินยาธิการ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และได้บันทึกไว้ในหนังสือสุทธิว่า "ได้ลาสิกขาโดยสมัครใจ เพราะต้นสังกัดเดิมไม่รับรอง"

ดังนั้น การที่นายประนมกร ปราณีต และนายวิรัช แซ่คู เอาผ้าเหลืองมาห่มแล้วอ้างว่า ยังเป็นสงฆ์อยู่ เพราะไม่เปล่งวาจาสึก ถือว่าเป็นการแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ลักษณะ 4 ความผิดเกี่ยวกับศาสนา มาตรา 208 มีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นักวิชาการปรัชญา-พุทธศาสนา ประณามการสลายการชุมนุมหมู่บ้านทะลุฟ้าและจับพระสึก

อย่างไรก็ตาม หลังจากกรณีตำรวจควบคุมฝูงชนบุกเข้าสลายหมู่บ้านทะลุฟ้า เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ข้างทำเนียบรัฐบาล เมื่อเช้ามืดวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยควบคุมตัวผู้ชุมนุมไปที่ ตชด.ภาค 1 และมีรายงานข่าวว่ามีการบังคับสึกพระภิกษุ 2 รูป นั้น เครือข่ายนักวิชาการปรัชญาและพุทธศาสนา ได้ออกแถลงการณ์ประณามการสลายการชุมนุมหมู่บ้านทะลุฟ้าและจับพระสึกเป็น ‘การสลายการชุมนุมที่น่าอับอาย’ ระบุว่าตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน (คฝ.) สลายการชุมนุมหมู่บ้านทะลุฟ้า ข้างทำเนียบรัฐบาลดังกล่าว 

เครือข่ายนักวิชาการปรัชญาและพุทธศาสนาดังรายชื่อท้ายแถลงการณ์นี้ ยืนยันว่าการชุมนุมของมวลชนหมู่บ้านทะลุฟ้าเป็นการใช้เสรีภาพในการชุมนุมอย่างสันติมาโดยตลอด เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยแกนนำราษฎรที่ถูกขังคุกด้วยมาตรา 112 อย่างอยุติธรรมเพราะไม่ได้รับสิทธิ์ประกันตัว, ให้ประยุทธ์ จันทร์โอชาออกไป และร่างรัฐธรรมนูญใหม่ฉบับประชาชน ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตยอันจะเกิดประโยชน์แก่ประชาชนทุกฝ่ายอย่างแท้จริง 

การที่รัฐบาลใช้กองกำลังสลายการชุมนุมดังกล่าว จึงเป็นการคุกคามสิทธิเสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของพลเมืองอย่างน่าอับอาย เป็นการแสดงอำนาจเผด็จการที่เป็นปฏิปักษ์ต่อสิทธิพลเมืองและการพัฒนาประชาธิปไตยอย่างไม่อาจยอมรับได้ เครือข่ายฯ ขอเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการต่อไปนี้ 1. คืนอิสรภาพให้ผู้ชุมนุมทุกคนโดยเร่งด่วนและอย่างปราศจากเงื่อนไข 2. คืนจีวรหรือสถานะความเป็นพระภิกษุแก่พระที่ถูกบังคับสึกโดยมิชอบในทันที และ

และ 3. ขอเรียกร้องให้มหาเถรสมาคม (มส.) และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ทำหน้าที่ที่ต้องทำคือปกป้องสิทธิเสรีภาพของพระภิกษุที่ถูกเจ้าหน้าที่รัฐบังคับสึกอย่างอยุติธรรมโดยเร่งด่วน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net