Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ภาพนักบวชหน้าซีด เข่าอ่อน เป็นลม จนเจ้าหน้าที่ต้องพยุงหลังจับได้ “ใบแดง” ในการเกณฑ์ทหารที่ผ่านมาปรากฏแพร่หลายในสื่อต่างๆ มีหลายมุมมองต่อภาพที่เห็น แต่ส่วนมากอยากให้  “ยกเลิกระบบเกณฑ์ทหาร” เพราะภาพเช่นนี้เกิดขึ้นทุกปี เป็นภาพสะท้อนความเสียใจ ความทุกข์ และสภาพจำยอมต่อโชคชะตาของคนที่มา “เสี่ยงดวง” โดยไม่อยากเป็นทหารเกณฑ์ ด้วยเหตุผลความจำเป็นส่วนตัวนานาประการ

อย่างที่เราทราบกัน คนส่วนใหญ่ที่เป็นทหารเกณฑ์ คือคนที่มีฐานะทางเศรษฐกิจระดับล่าง หลายคนมีเมียมีลูกแล้วและเป็นกำลังหลักของครอบครัว ส่วนคนที่มีฐานะดี การศึกษาดีส่วนมากจะเรียน รด. ไม่ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร นานๆ ทีจะมีพวกอีลีท ดาราจับได้ใบแดงคนสองคน แล้วกองทัพก็จะนำคนเหล่านั้นออกทีวีประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์โรแมนติกของทหารเกณฑ์กลบข่าวพลหารถูกซ่อม ถูกซ้อมเสียชีวิตในค่ายทหารที่เกิดขึ้นแทบทุกปี รวมทั้งข่าวการทำหน้าที่ “รับใช้ชาติ” ของทหารเกณฑ์ที่มีเพียงเข้าเวร เดินเอกสาร ขัดห้องน้ำ ตัดหญ้า แบกถุงก๊อฟให้เจ้านาย เลี้ยงไก่หรือเป็นทหารรับใช้ในบ้านพักเจ้านาย ดังที่มีข่าวเป็นระยะๆ

ระบบเกณฑ์ทหารที่ทำให้คนจับได้ใบแดงต้องคอตก หน้าซีด เข่าอ่อน เป็นลม เพราะตกอยู่ในสภาพต้องยอมจำนนต่อโชคชะตา ซ้ำยังเป็นไปได้ที่โชคชะตาอาจนำพาพวกเขาไปเป็นข้ารับใช้เจ้านาย และเป็นไปได้ที่จะถูกซ่อม ถูกซ้อมตายในค่ายทหารดังที่เป็นข่าว ย่อมสะท้อน “ความกลัว” ที่จะเป็นทหารเกณฑ์ จึงเป็นระบบที่ไม่เคารพสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เพราะมนุษย์ที่มีสิทธิและศักดิ์ศรีจะต้อง “เลือกได้” ว่าจะเป็นทหารหรือไม่ ไม่ใช่ถูกบังคับให้ตกอยู่ในสภาพยอมจำนนเหมือนยุคศักดินาที่เกณฑ์ไพร่ ทาสไปใช้แรงงานสนองอำนาจและผลประโยชน์ของชนชั้นผู้กดขี่

แทบทุกคนที่จับได้ใบแดงล้วนแสดงความเสียใจ และกังวลถึงอนาคต เพราะต่างมีภาระและปัญหาที่ต้องแบกรับ ภาพนักบวชเป็นลมจึงไม่ใช่ภาพที่ชวนขบขัน แท้จริงนักบวชคือกลุ่มคนที่มาจากครอบครัวระดับล่าง พวกเขาบวชเรียน เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายเพียงพอในการศึกษาตามปกติ การจับได้ใบแดงอาจหมายถึงการ “จบอนาคต” ทางการศึกษาและความฝันอื่นๆ 

มองเผินๆ เส้นทางนักบวชดูจะเป็น “ทางเลือก” ทางการศึกษาของคนจำนวนไม่น้อยที่มาจากครอบครัวชนชั้นล่าง เมื่อมีการศึกษาที่ดีก็เลื่อนสถานะทางสังคมได้ แต่ในทางเลือกนี้ก็มากด้วยความซับซ้อน 

เช่น โดยพื้นฐานพวกเขามีพื้นเพมาจากชนชั้นล่างผู้ถูกกดขี่ แต่เมื่อบวชแล้วกลับถูกกล่อมเกลาให้มีความคิด จิตสำนึก อุดมการณ์ และการกระทำต่างๆ รับใช้ชนชั้นผู้กดขี่ หลายคนที่ยังมีสำนึกในความเป็นชนชั้นผู้ถูกกดขี่ที่ไม่ยอมจำนน เมื่อเห็นพ่อแม่ญาติมิตรของตนออกมาต่อสู้เรียกร้องสิทธิ เสรีภาพ ความยุติธรรม และประชาธิปไตย ย่อมรู้สึกเจ็บปวดว่าทำไมอำนาจศาสนจักรของรัฐ (มหาเถรสมาคม) จึงห้ามและลงโทษพระเณรที่แสดงออกในทางสนับสนุนการต่อสู้ของคนเหล่านั้น แต่กำหนดให้พระเณรทำหน้าที่สนับสนุนชาติ ศาสน์ กษัตริย์

อำนาจศาสนจักรที่กำหนดให้พระเณรมีหน้าที่สนับสนุนชาติ ศาสน์ กษัตริย์ แต่ห้ามสนับสนุนการต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตยของประชาชน ย่อมละเมิดเสรีภาพทางการเมืองและเสรีภาพทางศาสนาของพระเณร 

ภายใต้อำนาจศาสนจักรเช่นนั้น พระเณรจึงไม่มี “เสรีภาพทางการเมือง” เพราะไม่สามารถเลือกได้ว่าตนเองชอบอุดมการณ์ทางการเมืองแบบไหน จะแสดงความเห็น แสดงออก ร่วมกิจกรรมทางการเมืองสนับสนุนแนวคิด อุดมการณ์ที่ตนชอบก็ไม่ได้ เพราะตกอยู่ภายใต้การถูกกำหนดให้สนับสนุนอุดมการณ์ชาติ ศาสน์ กษัตริย์เท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงไม่มี “เสรีภาพทางศาสนา” ด้วย เพราะถูกกำหนดให้ตีความพุทธธรรมสอนประชาชนให้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์เท่านั้น ตีความพุทธธรรมสนับสนุนการต่อสูเพื่อเสรีภาพและประชาธิปไตยของประชาชนไม่ได้

ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ กรณีพระร่วมเดินทะลุฟ้าจากโคราชถึงกรุงเทพฯ และร่วมชุมนุมอย่างสันติกับ “หมู่บ้านทะลุฟ้า” ที่ผ่านมา ถูกเจ้าหน้าที่รัฐสลายการชุมนุมและควบคุมตัวไปดำเนินการสึกที่วัดเบญจมบพิตร ในฐานะ “พลเมือง” พระใช้เสรีภาพทางการเมืองอย่างชอบธรรม ในฐานะ “นักบวช” พระไม่ได้ทำผิดวินัยสงฆ์ที่เป็นเหตุให้สละสมณเพศได้ ดังนั้น การจับพระสึกจึงละเมิดทั้งเสรีภาพทางการเมืองและเสรีภาพทางศาสนาของพระ 

พระที่ร่วมชุมนุมหมู่บ้าทะลุฟ้าถูกจับสึก 
ที่มาภาพ
https://www.facebook.com/103185571243074


แต่อย่างที่ว่ามา ภายใต้อำนาจศาสนจักร เสรีภาพทางการเมืองและเสรีภาพทางศาสนาของนักบวชไม่มีอยู่แล้วตั้งแต่ต้น สิทธิเลือกตั้งก็ไม่มี ราวกับว่านักบวชไม่ใช่พลเมือง แต่กลับถูกบังคับเกณฑ์ทหารในฐานะพลเมือง

เมื่องมองลึกลงไปในรายละเอียด จะพบความจริงว่า ไม่มีวิถีชีวิตของคนกลุ่มใดที่จะซับซ้อนย้อนแย้งยิ่งไปกว่าวิถีชีวิตนักบวชพุทธไทยอีกแล้ว พวกเขาถูกคาดหวังจากสังคมชาวพุทธว่าเป็น “ผู้สละแล้วซึ่งกิเลส” จึงสมควรเป็น “เนื้อนาบุญ” ของพุทธศาสนิกชน แต่ความจริงคือพวกเขาส่วนมากบวชเพื่อการศึกษาที่จะเป็นบันไดเลื่อนสถานะทางสังคม หากสึกไปจะมีอาชีพการงานที่ดีๆ หากไม่สึกก็จะได้เลื่อนยศศักดิ์ฐานันดรในระบบศักดินาพระ 

ในอีกแง่หนึ่ง พวกเขามาจากชนชั้นล่างสุด แต่ถูกฝึกให้รับใช้ สนับสนุน กระทั่งเป็น “อาวุธทางอุดมการณ์” ให้กับชนชั้นบนสุด! 

พวกเขาถูกฝึกให้สอนประชาชนว่า “จงปล่อยวางทุกสิ่ง” “การยึดติดสิ่งใดๆ ย่อมเป็นทุกข์” ยกเว้นต้อง “ยึดมั่นในชาติ ศาสน์ กษัตริย์” พวกเขาสอนประชาชนว่า “อย่าคบควรพาล ควรคบบัณฑิต” แต่อำนาจศาสนจักรห้ามพวกเขาแสดงความคิดเห็น เทศนา อภิปราย แสดงออก หรือชุมนุมทางการเมืองสนับสนุนการต่อสู้เพื่อเสรีภาพและประชาธิปไตยของประชาชน ราวกับว่าประชาชนผู้ซึ่งเป็นญาติมิตรของพวกเขาเหล่านั้นเป็น “คนพาล” ไม่น่าคบ

ในขณะเมื่อเผด็จการทำรัฐประหาร และประกาศ “ค่านิยม 12 ประการ” พระเซเลบออกทีวีสนับสนุนทันทีว่า “ค่านิยม 12 ประการคล้ายธรรมะของพุทธศาสนา” และเมื่อรัฐบาลจากรัฐประหารจะปกครองประเทศก็เข้ารับ “ธรรมโอวาท” จากสมเด็จพระสังฆราช ราวกับว่าบรรดาผู้ได้อำนาจรัฐมาโดยไม่ชอบธรรมเป็น “บัณฑิต” ที่นักบวชควรคบหา

ในขณะที่ชีวิตของนักบวชและศาสนจักรดำรงอยู่ได้เพราะอาศรัยศรัทธาของประชาชน และรับงบประมาณอุดหนุนจากภาษีประชาชน บรรดานักบวชกลับไม่มีเสรีภาพที่จะเลือกสนับสนุนการต่อสู้เพื่อสิทธิ เสรีภาพ ความยุติธรรมและประชาธิปไตยของประชาชน ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ไม่ต่างกับตำรวจ อัยการ ศาล กองทัพเป็นต้นที่ทั้งตัวบุคคลและสถาบันเหล่านั้นอยู่ได้ด้วยภาษีประชาชน แต่กลับทำหน้าที่ปราบปรามและคุมขังประชาชนที่ลุกขึ้นสู้เพื่อเสรีภาพและประชาธิปไตย ในประวัติศาสตร์ครั้งต่างๆ จนกระทั่งปัจจุบัน

ทั้งหมดที่ว่ามานี้ (เป็นต้น) คือความจริงที่ปรากฏชัดแจ้ง เป็นความจริงชัดแจ้งของบรรดานักบวชผู้ชี้ทาง “หลุดพ้น” ที่เต็มไปด้วยความย้อนแย้งอย่างซับซ้อน และเป็นความย้อนแย้งที่ดำเนินต่อเนื่องมายาวนานภายใต้ระบบอำนาจศาสนจักรของรัฐ ที่นักบวชไม่เคยมีสิทธิเสรีภาพทางการเมือง และเสรีภาพทางศาสนาได้จริง!  

 

ที่มาภาพปก: https://www.matichon.co.th/region/news_901669


 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net