Skip to main content
sharethis

ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มไทยไม่ทนฯ เรียกร้องยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพราะใช้คุมการชุมนุมมากกว่าโรคระบาด การระบาดทุกครั้งมีสาเหตุจากรัฐบาล และปรับ ครม. เอารัฐมนตรีที่ติดโควิด-19 ออก เพราะขาดความรับผิดชอบต่อสังคม ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มไทยไม่ทนฯ จะปรับไปทางออนไลน์

เมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลตั้งข้อหาแกนนำไทยไม่ทนสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย และมีหมายเรียกให้ไปรายงานตัววันที่ 15-16 เม.ย. 2564 นั้น ตนเองและอีกหลายคนยังไม่ได้รับหมายและคงไม่ไปรายงานตัว เพราะการตั้งข้อหาละเมิด พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน นั้นไม่ถูกต้อง

รัฐบาลอ้างว่าผิดคำสั่งประกาศฉบับที่ 5 ในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาใน 6 จังหวัด ลงนามโดย พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 2564 แต่คำสั่งดังกล่าวเขียนว่า เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเป็นการดำเนินการของทางราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงาน องค์กร ภาคเอกชน หรือหน่วยงานองค์กรอื่นใด ซึ่งมีมาตรการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลที่ปลอดภัย

เมธา กล่าวว่า เราทำตามเงื่อนไขคำสั่งฉบับที่ 5 ทั้งหมด ขออนุญาตใช้เครื่องขยายเสียงจาก สน.ชนะสงครามและเขตพระนครถูกต้องตามกระบวนการ มีการตรวจวัดอุณหภูมิ แจกเจลล้างมือและหน้ากากอนามัยก่อนเข้าร่วมกิจกรรมทุกครั้ง และอนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม ญาติวีรชนก็ใช้จัดกิจกรรมเรื่อยมา โดยการขอสนับสนุนอุปกรณ์จากกรุงเทพมหานคร เพราะเป็นเจ้าของพื้นที่ร่วมโดยพฤตินัย ดังนั้น ตนขอเรียกร้องให้มีการยกเลิกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพราะรัฐบาลใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการห้ามการชุมนุมเท่านั้น ไม่ได้ใช้เพื่อป้องกันโรคระบาดอย่างแท้จริง

นอกจากนั้น ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย ยังตั้งคำถามว่า นายกรัฐมนตรีประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มีหนังสือแจ้งไปยังเลขาธิการสหประชาชาติหรือยัง ตามกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights – ICCPR) ที่ประเทศไทยเป็นภาคีอยู่ เพราะข้อ 4 ของกฎหมายดังกล่าว ให้รัฐที่เกิดภาวะฉุกเฉินสาธารณะซึ่งคุกคามความอยู่รอดของชาติและรัฐประกาศสถานการณ์นั้นอย่างเป็นทางการแล้ว รัฐภายใต้ภาคีกติการะหว่างประเทศนี้ต้องใช้สิทธิเลี่ยงกติกาดังกล่าว โดยต้องแจ้งให้รัฐภาคีอื่นทราบโดยทันที โดยให้เลขาธิการสหประชาชาติเป็นสื่อกลาง ดังนั้น ทุกการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐและรัฐบาลถูกจับจ้องจากรัฐภาคีกว่า 172 ประเทศ และการละเมิดสิทธิมนุษยชนจะถูกตรวจสอบโดยศาลอาญาระหว่างประเทศ ผู้ใดเผด็จอำนาจเกินกฎหมายนี้ระวังจะถูกปฏิเสธวีซ่าไปทั่วโลก

"ทุกวันนี้ที่โควิดระบาดเพราะฝีมือประชาชนหรือรัฐบาลการ์ดตกกันแน่ ระบาดครั้งแรกมาจากสนามมวยทหาร ครั้งที่สองจากบ่อนและการค้าแรงงานข้ามชาติ ครั้งที่สามมาจากคณะรัฐมนตรีเอง รัฐบาลจะรับผิดชอบอย่างไรที่ตนเองไม่สามารถแก้ไขปัญหาภายในได้ จนรัฐบาลเป็นตัวแพร่เชื้อโรคเสียเอง แล้วเอาความผิดมาโยนให้ประชาชนที่หาเช้ากินค่ำต้องรับกรรมจากการบริหารผิดพลาดของนายกรัฐมนตรี" เมธาระบุในโพสต์

ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย ตั้งข้อสังเกตว่า ตนสงสัยที่ฉีดวัคซีนให้ ครม. ฉีดจริงหรือไม่ หรือแค่ฉีดน้ำเกลือ ทำไมรัฐมนตรีที่ฉีดแล้วถึงติดโควิด การระบาดครั้งนี้มาจากรัฐบาลใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือในการหาผลประโยชน์จากอำนาจมิชอบอย่างชัดเจน การอนุญาตให้เปิดไนท์คลับผับบาร์เกินเวลาล้วนเป็นช่องทางให้ตำรวจเก็บส่วยอย่างเป็นระบบแทบทุกพื้นที่ บางผับต้องจ่ายตำรวจเป็นหลักแสนบาทต่อเดือน เงินสีเทาหมุนเวียนในระบบจำนวนมากและเอามาใช้จ่ายซื้อขายตำแหน่งในฤดูโยกย้ายที่กำลังจะมา ตำแหน่งผู้กำกับก็มีตั้งแต่ 40 ล้าน 30 ล้าน 20 ล้าน และ 10 ล้านตามลำดับ มีการแจกซองในที่ประชุมประจำเดือน ระบบส่วยและหวยบ่อนซ่อง รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยแก้ปัญหาได้เลย เพราะทำเอง

"การระบาดของโควิดรอบใหม่เป็นระฆังพักยกช่วยรัฐบาลไปในตัว เพราะภาคประชาชนให้ความร่วมมือเพื่อเอาประโยชน์ของสังคมเป็นตัวตั้ง ดังนั้น รัฐบาลต้องทำเป็นตัวอย่างบ้าง ต้องปรับคณะรัฐมนตรีใหม่ เอาคนที่ติดโควิดออกไปเพราะไม่รับผิดชอบต่อชาติบ้านเมือง ประมาทขาดจริยธรรมร้ายแรงทำให้คนอื่นได้รับผลกระทบวงกว้าง" เมธากล่าว

ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย ยังเปิดเผยด้วยว่า ระหว่างที่การระบาดของโควิดยังไม่คลี่คลาย ขบวนการไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย จะจัดกิจกรรมการเคลื่อนไหวแบบ New Normal Movement เพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ และพวก โดยจัดเวทีและสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์อย่างเป็นระบบ เน้นข้อมูลการทุจริตประพฤติมิชอบและเนื้อหาเชิงวิชาการ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net