Skip to main content
sharethis

ชาวบ้านจากสิกอท่า รัฐกะเหรี่ยง ราว 20 คน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง เด็ก และคนชรา พากันวิ่งหนีออกจากหมู่บ้าน หลังได้ข่าวเครื่องบินรบของกองทัพพม่า ด้านของบริจาคที่ประชาชนนำมาให้ผู้ลี้ภัย ยังกองอยู่ที่หอประชุมอำเภอแม่สะเรียง รอคำสั่งผู้ว่าฯ จะนำส่งเมื่อใด

ชาวบ้านจากหมู่บ้านสิกอท่า ขณะอพยพ หลังทราบข่าวว่ามีเครื่อนบินรบพม่ากำลังมาที่หมู่บ้าน (ขอบคุณภาพจากเครือข่าย)

วันที่ 11 เม.ย. 2564 เวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากเครือข่ายวันนี้ (11 เม.ย.64) ระบุว่ามีรายงานว่าชาวบ้านโดยเฉพาะคนชรา ผู้หญิง และเด็ก จากหมู่บ้านสิกอท่า รัฐกะเหรี่ยง ต้องรีบอพยพหนีออกจากหมู่บ้านอย่างหวาดกลัว โดยใช้เส้นทางที่เชื่อว่าใกล้และปลอดภัยที่สุดเพื่อข้ามแม่น้ำสาละวินมาฝั่งไทย หลังมีรายงานแจ้งว่ามีเครื่องบินรบกองทัพพม่ากำลังบินมา ขณะที่ผู้ชายจะหลบภัยอยู่บริเวณใกล้ ๆ เพื่อดูแลหมู่บ้าน เมื่อเครื่องบินรบบินผ่านไปแล้ว 

ก่อนหน้านี้ กองทัพพม่าเคยใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศที่หมู่บ้านสิกอท่ามาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 64 เวลาประมาณ 14.00 น. โดยครั้งนั้น ชาวบ้านระบุว่ามีเครื่องบินรบจำนวน 2 ลำ บินมาจากภูเขามุ่งหน้าไปทางแม่น้ำสาละวิน ซึ่งอยู่ห่างไปไม่ไกลมาก โดยเครื่องบินรบใช้ปืนยิงใส่บ้านหลายหลัง แล้วบินวกกลับทิ้งระเบิด จำนวน 3 ลูก ลูกหนึ่งโดนหอประชุมหมู่บ้าน อีกลูกตกใกล้บ้านชาวบ้าน ทำให้บ้านเรือนพังพินาศ และเกิดไฟไหม้ที่ต้นไม้ ลูกสุดท้าย ตกที่กลางถนนของหมู่บ้าน ซึ่งใกล้กับบ้านเรือนที่มีผู้พักอาศัย มีรายงานผู้เสียชีวิตจากการโจมตี 1 ราย บาดเจ็บจำนวนมาก และบ้านเรือนเสียหายอีกหลายหลัง 

“ครั้งก่อน คนไม่รู้ ก็อยู่บ้าน พอได้ยินก็หนี แต่บางคนก็หนีไม่ทัน ทำให้บาดเจ็บ มีตาย 1 คน ระเบิดรุนแรงมาก ทำให้บ้านพัง หอประชุมหมู่บ้านพังหมด และเกิดไฟไหม้บ้านหลายหลัง วันนั้นมีระเบิดทั้งหมด 3 ลูก ยิงปืนใส่อีกเยอะ ทำให้ทุกคนกลัวมากๆ”  ชาวบ้านคนหนึ่งเล่าให้ฟัง

ร่องรอยอาคารที่เสียหายจากการทิ้งระเบิดครั้งแรก ที่หมู่บ้านสิกอท่า รัฐกะเหรี่ยง ประเทศพม่า (ขอบคุณภาพจากเครือข่าย)
 

บ้านสิกอท่า เป็นหมู่บ้านในรัฐกะเหรี่ยง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำสาละวิน ห่างจาก ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 2 ชั่วโมง มีประชากรราว 150 คน หลังจากโจมตีโดยเครื่องบินรบกองทัพพม่าครั้งแรก ทำให้ชาวบ้านส่วนใหญ่หลบซ่อนอยู่ในป่า แต่บางส่วนอยากจะกลับมาที่หมู่บ้าน เพื่อกลับมาเก็บของ และดูแลหมู่บ้าน โดยในวันนี้มีประมาณ 30 คน รวมทั้ง ผู้ชาย ที่เข้ามาดูแลหมู่บ้าน ผู้หญิง เด็ก ๆ 

“ทุกวันนี้ก็ต้องวิ่งกันตลอด เวลามีแจ้งข่าวว่าเครื่องบินจะมา เก็บข้าวของ หยิบกระเป๋าที่เตรียมไว้ วิ่งเลย มีลูกมีหลานก็พากันวิ่ง ใกล้ที่ไหน วิ่งไปที่นั่น ปกติวิ่งเข้าป่า ถ้ารู้ว่ามีเรืออยู่ก็วิ่งมาที่เรือข้ามมาฝั่งไทย แต่ก็กลัวถูกทหารไทยไล่กลับเหมือนกัน เขาว่าไม่ให้ข้ามไป” หญิงชรารายหนึ่งกล่าว 

เมื่อถามถึงอาหารการกิน ชาวบ้านแจ้งว่า ตอนนี้พอมีแล้ว น่าจะอยู่ได้อีกระยะหนึ่ง ต้องขอบคุณคนไทยที่ช่วยเหลือ “เราอยู่ง่ายกินง่าย มีข้าวกับเกลือก็อยู่ได้แล้ว” หญิงคนเดียวกันกล่าว

แฟ้มภาพสิ่งของบริจาคที่รวบรวมไว้ที่หอประชุมอำเภอแม่สะเรียง (ขอบคุณภาพจากเครือข่าย)
 

ทั้งนี้ สถานการณ์การช่วยเหลือผู้ลี้ภัยจากฝั่งไทย มีการตรวจสอบไปที่กิ่งกาชาด อ.แม่สะเรียง ปรากฏว่าสิ่งของที่บริจาคทั้งหมดยังคงถูกเก็บรักษาไว้ที่หอประชุมอำเภอแม่สะเรียง เนื่องจากยังรอคำสั่งจากผู้ว่าราชการจังหวัด ว่าจะอนุญาตให้มีการส่งของไปหรือไม่ โดยอำเภอได้ทำหนังสือแจ้งไปยังจังหวัดตั้งแต่วันที่ 7 และ 8 เมษายน แต่ยังไม่มีคำตอบลงมา 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net