"สมาคมเอเชียศึกษา" เรียกร้องให้ยุติการคุกคามเสรีภาพวิชาการต่อผู้เขียน “ขุนศึก ศักดินาและพญาอินทรี”

สมาคมเอเชียศึกษาออกแถลงการณ์ต่อกรณีคุกคามเสรีภาพทางวิชาการของณัฐพล ใจจริงผู้เขียน “ขุนศึก ศักดินาและพญาอินทรี” โดยขอให้ทางจุฬาฯ ยุติการสอบสวนเรื่องนี้รวมถึงขอให้ศาลแพ่งมีคำตัดสินยกฟ้อง

13 เม.ย.2564 แฟนเพจเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง - คนส. เผยแพร่คำแถลงของสมาคมเอเชียศึกษา (AAS)ที่ออกเมื่อวันที่ 7 มี.ค.2564 แสดงความกังวลต่อกรณีการคุกคามเสรีภาพทางวิชาการต่อณัฐพล ใจจริงในช่วงที่ผ่านมาที่สืบเนื่องมาจากการออกหนังสือวิชาการ “ขุนศึก ศักดินาและพญาอินทรี”ที่กล่าวถึงบทบาทของสถาบันกษัตริย์และความสัมพันธ์ทางการทูตกับสหรัฐอเมริกาช่วงสงครามเย็น

จากเนื้อหาในหนังสือ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ผู้เป็นหลานของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาชัยนาทนเรนทร (2428-2494) ได้ยื่นฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทเรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาทจากณัฐพลและกุลลดา เกษบุญชู-มีด ซึ่งเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของเขา

อีกทั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยการยังตั้งคณะกรรมการสอบสวนซ้ำอีกครั้งหลังจากมีแรงกดดัน ทั้งที่เคยมีผลการวินิจฉัยของคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นเมื่อ 2561 ไปแล้วว่าจุดที่มีข้อผิดพลาดไม่ได้กระทบเนื้อหาหลักแต่อย่างใด

แถลงการณ์ของสมาคมฯ ได้เรียกร้องให้ทางมหาวิทยาลัยยุติการสอบสวนครั้งนี้รวมถึงขอให้ศาลแพ่งมีคำตัดสินยกฟ้องในคดีฟ้องหมิ่นประมาทด้วย

นิธิ เอียวศรีวงศ์: สามเกลอ กรุงเดียว

คำแถลงของสมาคมเอเชียศึกษา (AAS) เกี่ยวกับเสรีภาพทางวิชาการในประเทศไทย

7 เมษายน 2564

สมาคมเอเชียศึกษา (The Association for Asian Studies - AAS) ห่วงกังวลเป็นอย่างยิ่งต่อการข่มเหง หางปัญญาที่เพิ่มมากขึ้นในประเทศไทย นับแต่การรัฐประหารเมื่อปี 2557 มีการคุกคามต่อเสรีภาพทาง วิชาการเพิ่มมากขึ้น คดีหมิ่นประมาทและการเลือกบังคับเลือกตีความกฎหมายหมิ่นพระมหากษัตริย์ถูกใช้ เพื่อกีดกันความรู้ เพื่อจํากัดการถกเถียงทางวิชาการ และเพื่อปิดปากนักวิชาการ การตัดสินใจของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลับให้ปิดกันวิทยานิพนธ์ของ ดร.ณัฐพล ใจจริง และคดีความที่มีการฟ้องร้องต่อเขา และผู้จัดพิมพ์หนังสือของเขายังอยู่ในชั้นศาล ณ เวลานี้ เป็นตัวอย่างล่าสุดของแนวโน้มที่น่าตกกังวล ดังกล่าว ดังนั้น เพื่อปกป้องเสรีภาพทางวิชาการ เราจึงใคร่ขอให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยุติการสอบสวน ดร.นัฐพล และเลิกการห้ามเข้าถึงวิทยานิพนธ์ของเขาเสีย เรายังใคร่ขอร้องให้ศาลแพ่งยกฟ้องคดีดังกล่าวอีก ด้วย

ภูมิหลัง

เมื่อปี 2563 สํานักพิมพ์ฟ้าเดียวกันได้ตีพิมพ์หนังสือของ ดร. ณัฐพล ใจจริง ชื่อ ขุนศึก ศักดินาและพญาอินทรี ซึ่งปรับปรุงมาจากวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกที่เขานําเสนอต่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเมื่อปี 2552 หนังสือเล่มนี้เป็นการประเมินและวิเคราะห์ทางวิชาการอย่างเข้มข้นถึงความร่วมมือระหว่างสหรัฐอเมริกากับ กองกำลังเพื่อความมั่นคงของฝ่ายไทยในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1950 รวมถึงบทบาทของสถาบัน พระมหากษัตริย์ในช่วงนั้น การศึกษานี้เกิดขึ้นจากการค้นคว้าวิจัยหาความรู้ใหม่และวิเคราะห์เอกสารชั้นต้น อย่างพิถีพิถัน ภายใต้บรรยากาศการเคลื่อนไหวของขบวนการเยาวชนในประเทศไทยทุกวันนี้ การวิจัย ประวัติศาสตร์การเมืองอย่างเข้มข้นจึงเป็นที่ต้องการอย่างมาก นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทําให้ ขุนศึก ศักดินาและพญาอินทรีกลายเป็นหนังสือวิชาการที่ขายดีที่สุดในประเทศไทยในปีที่ผ่านมา

ความสําเร็จของหนังสือจึงประสบกับปฏิกิริยาโต้กลับ เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2564 ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ผู้เป็นหลานของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาชัยนาทนเรนทร (2428-2494) ได้ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาทจาก ดร. นัฐพล ซึ่งปัจจุบันเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา และจาก ดร.กุลลดา เกษบุญชูมีด ซึ่งเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของเขา และจากสํานักพิมพ์ฟ้า เดียวกัน คดีดังกล่าวฟ้องร้องว่า ดร.ณัฐพลจงใจก่อให้เกิดความเสียหายต่อกรมพระยาชัยนาทฯ ในประเด็นซึ่งเคยมีการรับรู้กันไปแล้วว่าเป็นการอ่านเอกสารประวัติศาสตร์ผิดพลาดเกี่ยวกับบทบาทของกรมพระยา ชัยนาทฯ กับการประชุมคณะรัฐมนตรี อนึ่ง ความผิดพลาดดังกล่าวปรากฏเป็นข้อความในวิทยานิพนธ์เมื่อปี 2552 แต่ไม่ปรากฏในหนังสือขุนศึกฯ แต่อย่างใด

คดีดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ยอมตามแรงกดดันและตั้งคณะกรรมการสอบสวน งานของ ดร. ณัฐพล มาแล้วเมื่อปี 2561 คณะกรรมการสรุปผลสอบโดยรับทราบว่าความผิดพลาดไม่ได้มีเจตนาและไม่ส่งผลกระทบต่อประเด็นใหญ่ของวิทยานิพนธ์แต่อย่างใด แต่แม้จะมีข้อสรุปเช่นนั้น จุฬาฯ ยังสั่งห้ามการเข้าถึงวิทยานิพนธ์ดังกล่าว จากนั้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ในบริบทความสําเร็จของหนังสือและการโต้แย้งกันทางการเมืองว่าด้วยสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เพิ่มมากขึ้น จุฬาฯ ก็ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นใหม่อีกชุดหนึ่งเพื่อสอบสวน ดร.ณัฐพลอีกครั้ง

ผลกระทบ

การสอบสวนอีกครั้งโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและคดีฟ้องร้องต่อ ดร. ณัฐพล ดร.กุลลดา และสํานักพิมพ์ ฟ้าเดียวกัน เป็นส่วนหนึ่งของการข่มเหงปราบปรามที่กําลังเกิดขึ้นเป็นแบบแผนในวงกว้างต่อการคิดต่าง กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในประเทศไทยถูกใช้อย่างกว้างขวางเพื่อขัดขวางการถกเถียงอภิปราย อย่างเปิดเผยเกี่ยวกับเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ ทั้งๆที่การถกเถียงเช่นนี้เป็นกระบวนการสําคัญสําหรับ ประชาสังคมและสําหรับอนาคตของประเทศ ในฐานะองค์กรทางวิชาการ สมาคมเอเชียศึกษาเห็นว่าการการ กระทําเหล่านี้ ขัดแย้งโดยตรงต่อค่านิยมที่เป็นแกนกลางของเสรีภาพทางวิชาการ และต่อการถกเถียงโต้แย้ง อย่างเปิดเผยทางวิชากา

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกว่าเป็นสถาบันอุดมศึกษาชั้นนําของประเทศไทย เราขอให้ท่านยืนหยัดบนหลักการเสรีภาพทางวิชาการ อันเป็นสิ่งจําเป็นต่อความเป็นเลิศทางวิชาการต่อไปของ มหาวิทยาลัย และต่อเกียรติคุณที่มหาวิทยาลัยจะพึงได้รับ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท