Skip to main content
sharethis

รายงานพิเศษโดย ศรายุทธ ฤทธิพิณ สำนักข่าวปฎิรูปที่ดินภาคอีสาน "สงกรานต์นี้ยังมีอีกหลายชีวิตไม่ได้กลับบ้าน ทั้งถูกรัฐกดดันออกจากที่ดินทำกิน บางคนสูญหายตัว หลายชีวิตชุมนุมเรียกร้องรัฐธรรมนูญ แต่กลับสูญสิ้นอิสรภาพถูกกักขัง ไม่ได้รับประกันตัว"

สงกรานต์เป็นวันขึ้นปีใหม่ หลายชีวิตที่จากบ้านเกิดไปอยู่ต่างถิ่น ต่างรอคอยช่วงโอกาสนี้ เดินทางกลับถิ่นฐานไปอยู่พร้อมหน้ากับครอบครัว

ทว่ายังมีอีกหลายชีวิต ที่ไม่มีสิทธิ และไม่มีแม้โอกาสได้กลับบ้าน เช่น กรณีชาวบ้านบางกลอย-ใจแผ่นดิน แม้ล่าสุด หลังจากชาวบ้านบางกลอย ภาคี #บางกลอย และขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(พีมูฟ)เข้ามาปักหลักชุมนุมอยู่หน้าทำเนียบฯ นับแต่วันที่ 10 มี.ค. 2564 จนถึงวันที่ 16 มี.ค.นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ผู้แทนรัฐบาล ลงมาทำบันทึกข้อตกลงร่วมกับผู้ชุมนุม ซึ่งรัฐบาลรับข้อเรียกร้องทุกข้อ และจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน คือไม่เกินวันที่ 16 เม.ย.นี้ เพื่อให้ชาวบ้านกลับคืนสู่ที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยถิ่นฐานเดิม ที่บ้านบางกลอย-ใจแผ่นดิน

คงต้องติดตามต่อไปว่ารัฐบาลจะมีความจริงใจเพียงใดกับในสิ่งที่ชาวบ้านรอคอยการจะได้กลับบ้านในวันที่ 16 เม.ย.นี้

มีกรณีตัวอย่างอีก 2 ราย เป็นนักปกป้องสิทธิมนุษยชน และนักต่อสู้ในสิทธิที่ทำกิน ซึ่งไม่มีโอกาสได้กลับบ้าน เพื่อมาร่วมประเพณีด้วยความอบอุ่นอย่างพร้อมหน้ากับครอบครัวไม่ว่าจะเป็นการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แด่บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ รวมทั้งการรดน้ำดำหัวขอพรผู้สูงอายุได้อีก เพราะได้สูญหายตัวไปในช่วงเทศกาลสงกรานต์ นั่นคือ บิลลี่ และพ่อเด่น คำแหล้ 

พอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ นักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง เป็นแกนนำร่วมกับชาวบ้านบางกลอยบนใจแผ่นดิน จ.เพชรบุรี ที่ต่อสู้ในสิทธิที่ดิน สูญหายตัววันที่ 17 เม.ย. 2557 ขณะที่อยู่ในระหว่างฟ้องคดีต่อเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่นกระจาน กรณีที่เข้ามาไล่รื้อ เผาบ้านเรือนและทำลายทรัพย์สินของชาวกะเหรี่ยง (ช่วงปี 2554)

เช้าวันที่ 17 เม.ย. 2557 บิลลี่เดินทางออกจากบ้านโป่งลึก-บางกลอย ซึ่งมีคนที่เห็นเป็นครั้งสุดท้ายบอกว่า บิลลี่ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานฯ จับกุมตัวที่ด่านมะเร็ว ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี หลังจากนั้นไม่มีใครพบเห็นบิลลี่อีก

ต่อมาเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2562 เจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ พบกระดูกมนุษย์ใกล้ถังน้ำมัน โดยกระดูกส่วนที่เป็นกะโหลกมีรอยไหม้และรอยแตกร้าว (คาดว่าถูกเผาเพื่ออำพรางคดี) หลังจากตรวจสอบสารพันธุกรรม หรือ ดีเอ็นเอ จากกระดูกตรงกับมารดาของบิลลี่

ส่วนกรณีนายเด่น คำแหล้ แกนนำนักต่อสู้ในสิทธิที่ดินทำกินชุมชนโคกยาว ต.ทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ (สมาชิกเครือข่ายปฎิรูปที่ดินภาคอีสาน คปอ.)

ภายใต้บรรยากาศที่สุ่มเสี่ยง จากการที่เจ้าหน้าที่พยายามผลักดันชาวบ้านออกจากพื้นที่ด้วยสารพัดวิธีมาตลอดระยะเวลา นับจากเกิดการรัฐประหาร โดยคณะ คสช. ซึ่งในวันที่ 25 ส.ค. 2557 เจ้าหน้าที่ทหาร ป่าไม้กว่า 100 นาย เข้ามาปิดประกาศคำสั่ง คสช.ที่ 64/57 ตามนโยบายทวงคืนผืนป่า และวันที่ 6 ก.พ.58 เจ้าหน้าที่เข้ามาอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้ชาวบ้านออกจากพื้นที่ให้ได้ ซึ่งหลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พ่อเด่นเป็นแกนนำขึ้นมาปกป้องชุมชน และเข้ายื่นหนังสือเจรจากับหน่วยงานรัฐเพื่อให้ชะลอการไล่รื้อ จนกว่าจะมีกระบวนการแก้ไขปัญหา

จนกระทั่ง พ่อเด่น หายตัวไปในวันที่ 16 เม.ย. 2559 หลังจากเข้าไปหาเก็บเห็ด หน่อไม้ในบริเวณสวนป่าโคกยาวรอยต่อระหว่างป่าสงวนแห่งชาติภูซำผักหนามกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว

การระดมค้นหาอย่างต่อเนื่อง ยังไม่พบเบาะแสที่จะเชื่อมโยงได้ว่า “พ่อเด่นหายไปไหน” 

กระทั่งวันที่ 24 มี.ค. 2560 พบวัตถุพยานจำนวน 14 รายการ เช่น กางเกง รองเท้า และสิ่งของใช้ ที่แม่สุภาพ (ภรรยา) ยืนยันว่าเป็นของพ่อเด่น

ต่อมาวันที่ 25 มี.ค. 2560 พิสูจน์หลักฐานตำรวจชัยภูมิ ลงพื้นที่เพื่อค้นหาเพิ่มเติม ปรากกฎว่าได้พบหัวกะโหลกมนุษย์วางอยู่ไม่ไกลจากจุดเดิมมากนัก หลังจากส่งมอบสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ตรวจสอบหัวกะโหลก มีสารพันธุกรรม (ดีเอ็นเอ) เดียวกันกับน้องสาวของพ่อเด่น

ผ่านมาถึงวันที่ 16 ก.ย. 2562 เจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ พร้อมด้วยสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ลงพื้นที่เพื่อค้นหาหลักฐานตรงจุดที่เคยพบหัวกะโหลก ปรากกฎว่า พบกระดูกฝ่าเท้าจำนวน 8 ชื้น สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจพิสูจน์ ก็พบว่ามีสารพันธุธรรมเดียวกันกับน้องสาวพ่อเด่น

สรุป การสูญหายอย่างไร้ร่องรอย แม้จะพบวัตถุพยานที่ตรวจพิสูจน์ได้ว่า แกนนำนักต่อสู้เพื่อสิทธิที่ดินทั้ง 2 ราย เสียชีวิตแล้วนั้น แต่ยังคงต้องตามหาความยุติธรรมต่อไป เพราะยังไม่สามารถนำตัวผู้ที่กระทำความผิดมาลงโทษได้

นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายชีวิตที่ถูกจองจำอยู่แดนตะราง ทั้งที่การชุมนุมของพวกเขาดำเนินไปตามกลไกรที่ประชาชนมีอำนาจเรียกร้องในสิทธิที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมใหม่เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีและก้าวหน้ากว่า ซึ่งตามสิทธิของพวกเขานั้นหาได้กระทำความผิดอันใด แต่ในทางตรงกันข้าม พวกเขากลับไม่ได้รับการพิจารณาให้ประกันตัว ถูกกักขังจนสูญสิ้นอิสรภาพ แม้แต่การเดินทางกลับไปร่วมประเพณีสงกรานต์กับครอบครัวที่ถิ่นฐานบ้านเกิด

ในการนี้ สำนักข่าวปฎิรูปที่ดินภาคอีสาน ซึ่งเป็นแผนงานสื่อ/รณรงค์ของเครือข่ายปฎิรูปที่ดินภาคอีสาน ซึ่งมีความชัดเจน เห็นความสำคัญในหลักการที่ทุกคนต้องการมีส่วนร่วมฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตยกลับมาสู่สังคมไทยอย่างสมบูรณ์

ดังนั้น เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ จึงขออวยพรและเป็นกำลังใจให้ประชาชนที่ร่วมกันผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อไปสู่หลักประกันในด้านสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค ภราดรภาพ และความเเป็นคนเท่ากัน

ขอให้พี่น้องประชาชนจงมีชัยในการต่อสู้ เพื่อความปกติสุขในการดำเนินชีวิตที่ดีขึ้น และยั่งยืนไปตลอดกาล
ม่วนชื่นสงกรานต์ สุขสันต์วันปีใหม่

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net