Skip to main content
sharethis

มหาวิทยาลัยขอนแก่นยกเลิกสัญญาจ้างงานเดวิด สเตรคฟัส นักวิชาการอิสระ ผู้อำนวยการโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษา ระบุมูลเหตุ ไม่สามารถทำงานตามที่มอบหมาย ทำให้หมดสภาพวีซ่าทำงาน แต่มีรายงานของความผิดปกติว่ามีตำรวจไปพบกับอธิการบดีและคณบดีก่อนมีคำสั่งดังกล่าว ซึ่งเกิดขึ้นหลังเจ้าตัวไปร่วมกิจกรรมประชุมเรื่องอัตลักษณ์อีสานที่นักกิจกรรมเข้าร่วม และมีการพูดถึงการกระจายอำนาจ

หนังสือยกเลิกการจ้างงาน (ดูภาพขนาดใหญ่ คลิก)

16 เม.ย. 2564 ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า เมื่อ 18 ก.พ. 2564 มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) มีหนังสือยกเลิกสัญญาจ้างของเดวิด สเตร็คฟัส (Mr.David Eirich Streckfuss) ที่ปฏิบัติงาน ณ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มข. ในตำแหน่งผู้อำนวยการโครงการ คณะสาธารณสุขศาสตร์ ตั้งแต่ 15 ส.ค. 2563 - 15 ส.ค. 2564 โดยยกเลิกสัญญาจ้างก่อนกำหนดด้วยเหตุผลว่าไม่สามารถปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมายได้ และแจ้งต่อตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ขอนแก่นว่าเดวิดจะปฏิบัติงานจนถึงวันที่  19 มี.ค. 2564 ส่งผลให้วีซ่าทำงานของเดวิดสิ้นสุดลงไปตามสัญญาจ้างงาน

ทั้งนี้ มีรายงานความผิดปกติของการยกเลิกสัญญาจ้าง โดยหทัยรัตน์ พหลทัพ บรรณาธิการสำนักข่าวเดอะอีสาน เรคคอร์ด ให้ข้อมูลว่าการยกเลิกสัญญาจ้างเกิดขึ้นหลังจากเดวิดไปร่วมกิจกรรมการอบรมเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์และต่อยอดอัตลักษณ์ท้องถิ่นอีสาน จัดขึ้นที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น ระหว่างวันที่ 12-14 ก.พ. 2564 โดยในงานมีการเชิญนักวิชาการ ภาคประชาสังคมและนักกิจกรรมมาร่วมงาน และมีผู้พบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาติดตามดูนักกิจกรรมด้วย การยกเลิกสัญญาจ้างของเดวิดอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้

หทัยรัตน์ยังระบุด้วยว่า มีการโทรศัพท์แจ้งมาจากผู้ช่วยคณบดีคณะหนึ่งว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นายเข้าพบอธิการบดี มข. และคณบดีคณะหนึ่ง ก่อนที่จะมีการตัดสินในยกเลิกสัญญาจ้าง

เดวิดยืนยันเรื่องเหตุการณ์ที่ตำรวจเข้าพบอธิการบดี โดยได้รับข้อมูลว่ามีตำรวจไปคุยกับอธิการบดีก่อน และได้ความว่าหนังสือขอวีซ่ามาจากคณะสาธารณสุข จึงมีการไปคุยกับคณบดีคณะสาธารณสุขต่อ ก่อนที่จะมีการยกเลิกสัญญาจ้างดังกล่าว

นอกจากหน้าที่ผู้อำนวยการโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษา CIEE แล้ว ขณะที่อยู่ในเมืองไทย เดวิดยังทำงานเป็นผู้ประสานบริษัทบัฟฟาโล่ เบิร์ด โปรดักชั่นส์ จำกัด บริษัทจัดทำงานอีเวนท์และสารคดี และยังเป็นบริษัทของสำนักข่าวเดอะอีสานเรคคอร์ดด้วย 

เดวิดเล่าว่าเพิ่งเคยถูก มข. ยกเลิกสัญญาจ้างแบบนี้เป็นครั้งแรกหลังจากใช้ชีวิตในประเทศไทยมานานกว่า 20 ปี ขณะนี้เขากำลังพยายามต่อวีซ่าด้วยฐานะการทำงานในบริษัทบัฟฟาโล่ เบิร์ด ขณะนี้เขาอยู่ในประเทศไทยด้วยวีซ่าประเภท 30 วันที่กำลังจะหมดอายุในวันจันทร์นี้ (19 เม.ย.) 

ในวันที่ 16 เม.ย. เจ้าหน้าที่ ตม. จากขอนแก่น และ ตม. ภาคได้เดินทางมาดูบริษัท สัมภาษณ์เดวิดและบุคลากรบริษัทบัฟฟาโล่ เบิร์ดถึงสำนักงาน โดยครั้งล่าสุดนับว่าเป็นครั้งที่สาม โดยเจ้าหน้าที่ให้ผู้ถูกสัมภาษณ์เซ็นรับเอกสารบันทึกการสัมภาษณ์ด้วย

ภาพบรรยากาศการซักถามของทาง ตม. ที่สำนักงานบัฟฟาโล่ เบิร์ด

ด้าน พล.ต.ต. กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ ผู้บังคับการ ตม. 4 ให้ข้อมูลกับประชาไทว่า กระบวนการสัมภาษณ์ที่เกิดขึ้นโดย ตม. นั้นเกิดขึ้นหลังจากมีการยื่นขอกับ ตม. เพื่ออยู่อาศัยต่อ เป็นกระบวนการในการตรวจสอบตามปกติ โดยกระบวนการต่อไปนั้น ตม. ภาคจะต้องรอดูการพิจารณาจาก ตม. ขอนแก่น 

ส่วนกรณีกระแสว่าได้มีการเพิกถอนวีซ่าของเดวิดนั้น ผู้บังคับการ ตม. 4 ระบุว่าไม่เป็นความจริง

ณัฐาศิริ เบิร์กแมน ทนายความจากสำนักงานกฎหมาย NSP ทนายความที่ช่วยเหลือทางกฎหมายในกรณีของเดวิดให้ความเห็นว่า กระบวนการสอบที่เกิดขึ้นนั้นเป็นกระบวนการปกติที่เมื่อชาวต่างชาติจะขอต่อวีซ่ากับบริษัทที่ทำงาน ก็จะมีการไปสัมภาษณ์และดูบริษัทว่ามีลักษณะอย่างไร ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

ณัฐาศิริกล่าวด้วยว่า ชาวต่างชาติในประเทศไทยแทบจะทำกิจกรรมทางการเมืองไม่ได้เลย เพราะถูกกำหนดโดยประเภทของวีซ่า เช่น หากเป็นวีซ่าทำงานก็ต้องทำงานตามลักษณะงานที่ระบุ หากเป็นวีซ่าท่องเที่ยวก็ไปเที่ยวได้ แต่ถ้าไปทำกิจกรรม หรือแสดงความเห็นทางการเมืองก็จะถูกเพ่งเล็ง ทั้งนี้จะต้องดูความอ่อนไหวของรัฐบาลด้วย หากเป็นรัฐบาลในประเทศที่เคารพสิทธิและเสรีภาพอย่างแท้จริง เขาจะไม่คาดหวังว่าคนที่มาประเทศเขาจะพูดเฉพาะเรื่องที่ดี เพราะแต่ละที่ก็มีเรื่องที่ดีหรือไม่ดี

อนึ่ง เดวิดเป็นนักวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของไทย เมื่อปี 2553 เขาเคยเขียนหนังสือวิชาการชื่อ "การนำความจริงขึ้นพิจารณาคดีในประเทศไทย: การหมิ่นประมาท ล้มล้างการปกครอง และกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (Truth on Trial in Thailand: Defamation, treason and lèse-majesté)"  

ในอดีตอันใกล้ ชาวต่างชาติในประเทศไทยเคยได้รับผลกระทบในการอาศัย หรือเดินทางเข้า-ออกประเทศไทยจากการแสดงออกทางการเมืองมาแล้ว เมื่อ 2 พ.ย. 2563 ยัน มาร์ฉัล (Yan Marchal) ชาวฝรั่งเศส ซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศไทย เคยโด่งดังในโลกออนไลน์จากการแต่งเพลงล้อเลียนเพลงของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ถูกกักตัวอยู่ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพราะถูกยกเลิกวีซ่า และเตรียมถูกส่งกลับประเทศ ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้อ้างว่าเป็นความเข้าใจผิดของยัน

ในปี 2019 ยันเคยทำวิดีโอล้อเลียนเพลงเราจะทำตามสัญญา เนื้อหาล้อเลียน คสช. วิจารณ์ความพยายามในการอยู่ในอำนาจให้ยาวนาน จนได้รับการแชร์ต่อในโซเชียลมีเดียมียอดวิวนับล้านชั่วข้ามคืน วิดีโอความยาว 34 วินาที ซึ่งเป็นภาพเขาร้องเพลงซึ่งมีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า “เราจะทำผิดสัญญา ขอเวลาอีกนาน ๆ แล้วระบบเผด็จการจะอยู่ค้ำฟ้า…” ก่อนมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปพบที่บ้านพัก และขอให้ลบวิดีโอดังกล่าวออกจากโลกออนไลน์ พร้อมให้ลงลายเซ็นว่าจะไม่ทำการวิจารณ์ คสช.อีก

เมื่อ ส.ค. 2563 ริชาร์ด บาร์โรว์ ชายชาวอังกฤษที่เป็นที่รู้จักจากการนำเสนอเรื่องการท่องเที่ยวในประเทศไทย ถูกเจ้าหน้าที่ ตม. เดินทางมาแจ้งว่าอาจไม่ได้รับการอนุมัติการต่อวีซ่า โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากที่ริชาร์ดมีการแปลข่าวการชุมนุมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อ 10 ส.ค. 2563 โดยหลังจากกรณีนี้ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง ริชาร์ดได้ทวีตว่าเจ้าหน้าที่ ตม. ได้รับแบบฟอร์มการยื่นขอต่อวีซ่าไปแล้ว (ที่มา: Kapook)

สำนักข่าวอีสานเรคคอร์ดก่อตั้งเมื่อปี 2554 โดย Lizzie Presser และ Glenn Brown ชาวอเมริกันที่มาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ณ ขณะนั้น ภายใต้โปรแกรม Princeton in Asia ของมหาวิทยาลัย Princeton ในยุคเริ่มต้นของอีสานเรคคอร์ด จะมี Lizzie เป็นนักข่าวสัมภาษณ์ Glenn เป็นช่างภาพ และล่ามชาวไทยอีสานอีกหนึ่งคน ไปตระเวนทำข่าวต่างๆ ในหลายพื้นที่ในอีสาน

อีสานเรคคอร์ดก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นแหล่งข่าวออนไลน์ที่มุ่งนำเสนอข่าวด้านประเด็นสังคม การเมืองและเพื่อเสนอมุมมองใหม่เกี่ยวกับประเทศไทยและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สถานภาพการเป็นสมบัติสาธารณะ คือหนึ่งในเจตนารมย์ตั้งต้นของอีสานเรคคอร์ด 

หมายเหตุ: ประชาไทเพิ่มเนื้อหาในส่วนของการก่อตั้งสำนักข่าวอีสานเรคคอร์ด แก้ไขเมื่อ 20 เม.ย. 2564 เวลา 16.04 น.

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net