Skip to main content
sharethis

22 เม.ย. 2564 จ.เชียงใหม่ ยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 กลับมาพุ่งอีกครั้ง 237 ราย หลังวานนี้เพิ่งต่ำกว่าหลักร้อย ดันยอดสะสมการระบาดรอบใหม่ 2,819 รายแล้ว เผยยอดผู้ติดเชื้อกลับมาสูงขึ้นอีกจาก 3 คลัสเตอร์ 'เรือนจำแม่แตง-ศูนย์เด็กเล็กเทศบาลตำบลแม่คือ-สถานปฏิบัติธรรมป่าแดด'

สถานการณ์โควิด-19 จังหวัดเชียงใหม่ ประจำวันที่  22 เมษายน 2564

โพสต์โดย ประชาสัมพันธ์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อ วันพุธที่ 21 เมษายน  2021

22 เม.ย. 2564 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ รายงานว่าวันนี้ (22 เม.ย.) จังหวัดเชียงใหม่ตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มอีก 237 ราย นับรวมเป็น 2,819 รายของการระบาดรอบใหม่แล้ว โดยขณะนี้มีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทั้งสิ้น 2,597 ราย และรักษาหายพร้อมให้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว 222 ราย ขณะที่กลุ่มเสี่ยงที่ได้รับการตรวจไปแล้วมีทั้งสิ้นกว่า 36,000 ราย และยังอยู่ระหว่างการตรวจ รวมทั้งรอผลตรวจอีกจำนวนมาก ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เน้นย้ำขอความร่วมมือระหว่างรอผลให้กักตัวอยู่ตลอด และแม้ทราบผลแล้วยังให้สังเกตอาการต่อไปจนครบระยะ 14 วัน พร้อมกันนี้ ขอความร่วมมือประชาชนให้จำกัดการเดินทางและกิจกรรมรวมกลุ่ม เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของเชื้อ

เชียงใหม่ เร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 รอบ 3 ให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทั่วจังหวัด อีก 10,000 ราย

ด้านนายแพทย์ธีรวัฒน์ วงค์ตัน หัวหน้าภารกิจด้านบริการปฐมภูมิ โรงพยาบาลนครพิงค์ เปิดเผยว่าขณะนี้ ทางจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับวัคซีนโควิด-19 ของซิโนแวค จากประเทศจีน เข้ามาในรอบที่ 3 ตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 เม.ย. 2564 ที่ผ่านมา จำนวนทั้งสิ้น 20,000 โดส สำหรับรองรับผู้ฉีดวัคซีน จำนวน 10,000 ราย (รายละ 2 โดส) ซึ่งทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการจัดสรรวัคซีนให้กับโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วทั้งจังหวัดตามความเหมาะสม เพื่อนำไปฉีดวัคซีนให้กับผู้ที่จำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีนในรอบนี้ และยังคงเน้นหนักในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ทั้งหมอ แพทย์ พยาบาล รวมถึงเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานอื่นที่มีความเสี่ยงต่อโรคในขณะปฏิบัติหน้าที่ เช่น อสม. เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร และยังรวมไปถึงผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว โดยในรอบนี้ได้มีการตั้งเป้าจัดสรรวัคซีน เพื่อที่จะให้ครอบคลุมบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขให้ได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 75 ของบุคลากรสาธารณสุขทั้งหมดจังหวัด

สำหรับในส่วนของโรงพยาบาลนครพิงค์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการฉีดวัคซีนที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับวัคซีนในรอบนี้มาจำนวน 4,000 โดส สำหรับรองรับผู้ที่ต้องการฉีดวัคซีน จำนวน 2,000 ราย และได้เริ่มทยอยฉีดตั้งแต่วันอังคารที่ 20 เมษายน เป็นต้นมา ซึ่งศักยภาพของโรงพยาบาลนครพิงค์ สามารถทำการฉีดวัคซีนได้เฉลี่ยวันละประมาณ 300 ราย ดังนั้น จะสามารถฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แล้วเสร็จภายในวันอาทิตย์ที่ 25 เม.ย. 2564 ที่จะถึงนี้

ทั้งนี้ จากการสำรวจ พบว่าที่ผ่านมาบุคลากรทางการแพทย์ในจังหวัดเชียงใหม่ ต่างกระตือรือร้นที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ค่อนข้างมาก เช่นเดียวกับในส่วนของประชาชน และ อสม. เมื่อรับรู้ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดที่รุนแรงมากขึ้น ต่างก็เริ่มตระหนักถึงความสำคัญและให้ความสนใจที่จะรับการฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งตั้งแต่ที่จังหวัดเชียงใหม่เริ่มฉีดวัคซีนรอบแรกในช่วงต้นเดือนมีนาคม และรอบที่ 2 ช่วงต้นเดือน เม.ย. มาจนกระทั่งถึงรอบที่ 3 ในครั้งนี้ ยังไม่พบผู้ที่มีอาการจากผลข้างเคียงที่รุนแรง จะมีเพียงแต่ผู้ที่มีอาการจากผลข้างเคียงเล็กน้อยเฉพาะที่ เช่น มีอาการปวดบวมแดงบริเวณจุดที่ฉีดยา หรือมีอาการวิเวียนศีรษะเล็กน้อย เท่านั้น ยังไม่มีอาการแทรกซ้อนที่รุนแรงแต่อย่างใด

นายแพทย์ธีรวัฒน์ วงค์ตัน เปิดเผยอีกว่าการฉีดวัคซีนโควิด-19 นั้น ถือเป็นประวัติศาสตร์ที่ได้มีการระดมฉีดวัคซีนครั้งใหญ่ที่สุดให้กับประชากรทั่วโลก โดยจะต้องเร่งฉีดวัคซีนให้ได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของประชากรทั่วโลก เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่และเป็นการยับยั้งไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขึ้นอีก โดยวัคซีนที่ใช้ฉีดนั้น ก็ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลทั้งหมด ประชาชนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้น จึงขอความร่วมมือให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข รวมถึงพี่น้องประชาชน ให้มาฉีดวัคซีนตามที่รัฐบาลได้กำหนด เพื่อที่จะได้ควบคุมการแพร่ระบาดของโรคให้ได้เร็วที่สุด

เผยยอดผู้ติดเชื้อกลับมาสูงขึ้นอีกครั้งจาก 3 คลัสเตอร์ 'เรือนจำแม่แตง-ศูนย์เด็กเล็กเทศบาลตำบลแม่คือ-สถานปฏิบัติธรรมป่าแดด'

ที่ศูนย์บัญชาการสถานการณ์การระบาดโรค Covid-19 จังหวัดเชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และนายแพทย์อำพร เอี่ยมศรี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแม่วาง ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสนามเชียงใหม่ ร่วมแถลงถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จังหวัดเชียงใหม่ 

นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ชี้แจงถึงสาเหตุที่ตัวเลขของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของจังหวัดเชียงใหม่ ได้สูงขึ้นแบบก้าวกระโดดว่า เกิดจากการตรวจเชิงรุก ทำให้พบการระบาดใน 3 คลัสเตอร์ใหม่ คือเรือนจำ ศูนย์เด็กเล็ก และสถานปฏิบัติธรรม โดยลักษณะของการติดเชื้อในระลอกนี้พบว่าส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการรวมกลุ่มในการทำกิจกรรม การสังสรรค์ และการพบปะกันในโอกาสต่าง ๆ โดยละเลยมาตรการควบคุมโรค โดยเฉพาะการไม่สวมหน้ากากอยามัย และเว้นระยะห่าง ขณะทำกิจกรรมร่วมกัน จึงขอให้ประชาชนตระหนักถึงสุขอนามัยส่วนบุคคลเป็นสำคัญ และปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดสถานการณ์ซ้ำรอย

ด้าน ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า วันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงถึง 237 ราย ทำให้ผู้ติดเชื้อสะสมในระลอกเดือนเมษายนของจังหวัดเชียงใหม่ อยู่ที่ 2,819 ราย ยังคงรักษาตัวในโรงพยาบาล 2,597 ราย โดยยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มในวันนี้มาจาก 3 คลัสเตอร์ ได้แก่ 

1. คลัสเตอร์เรือนจำกลาง อำเภอแม่แตง จำนวน 37 ราย ซึ่งไม่ได้เป็นการระบาดในแดนผู้ต้องขัง แต่เป็นผู้ต้องขังแรกรับ ที่พบจากการตรวจในระหว่างกักตัวตามมาตรการ 14 วัน ซึ่งผู้ติดเชื้อทั้ง 37 ราย ได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสนามเรือนจำกลางเชียงใหม่

2. คลัสเตอร์ศูนย์เด็กเล็กเทศบาลตำบลแม่คือ พบว่าเกิดจากคุณครูที่ติดเชื้อโดยไม่แสดงอาการ ทำให้เกิดการแพร่ระบาดในกลุ่มเด็กเล็ก ซึ่งจากการตรวจกลุ่มเสี่ยงสูงทั้งหมด 120 ราย พบว่ามีเด็กในศูนย์เด็กเล็กอายุ 4-6 ปี ติดเชื้อทั้งหมด 14 ราย และอีก 2 ราย เป็นผู้ใหญ่ ทั้งนี้ ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ได้มอบหมายให้โรงพยาบาลนครพิงค์และโรงพยาบาลดอยสะเก็ด ร่วมกับทางอำเภอดอยละเก็ด จัดตั้งโรงพยาบาลสนามเฉพาะกิจขึ้น เพื่อดูแลรักษาผู้ติดเชื้อกลุ่มนี้

3. คลัสเตอร์สถานปฏิบัติธรรมที่ตำบลป่าแดด อำเภอเมืองเชียงใหม่ พบว่าเกิดขึ้นจากการร่วมกิจกรรมปฏิบัติธรรมและทานอาหารร่วมกันในช่วงเทศกาลสงกรานต์จำนวน 44 คน ซึ่งจากการตรวจหาเชื้อในกลุ่มดังกล่าวพบว่ามีผู้ร่วมกิจกรรมตืดเชื้อจำนวน 23 ราย โดยเป็นผู้ติดเชื้อของจังหวัดเชียงใหม่จำนวนทั้งสิ้น 21 ราย และอีก 2 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัดลำพูน โดยผู้ติดเชื้อทั้ง 21 ราย ได้ถูกนำเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสนาม มหาวิทยาลัยแม่โจ้แล้ว 

สำหรับมาตรการการค้นหาเชิงรุกด้วยการสุ่มตรวจกลุ่มตัวอย่างตามสถานที่สาธารณะสำคัญ ขณะนี้ทำการตรวจแล้วทั้งหมด 2,133 ราย พบว่ามีผู้ติดเชื้อจำนวน 34 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.59 จากจำนวนทั้งหมดที่สุ่มตรวจ 

แนวโน้มสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 จังหวัดเชียงใหม่พบว่ามีการแพร่กระจายไปยังพื้นที่ต่างอำเภอมากขึ้น เห็นได้จากยอดผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้นของเขตต่างอำเภอ และจากสถิติพบว่ามีการแพร่ระบาดในกลุ่มครอบครัวเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 15.1 ในขณะที่การระบาดกลุ่มสถานบันเทิงลดน้อยลงจากมาตรการปิดสถานบันเทิงและสถานบริการ ซึ่งจะเห็นได้ว่าการแพร่ระบาดนั้นอยู่ใกล้ตัวทุกคนมากขึ้น จึงขอเน้นย้ำให้ประชาชนรักษามาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด และต้องสวมหน้ากากอนามัย 100% รักษาระยะห่าง ล้างมือให้บ่อยครั้ง สแกนแอปพลิเคชันไทยชนะ และงดงานเลี้ยงสังสรรค์ การรวมกลุ่ม เพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการระบาดในคลัสเตอร์ล่าสุด ทั้งนี้หากมีอาการไข้ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ เดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง เข้ารับการตรวจหาเชื้อได้ที่ รพ.ประจำอำเภอ โรงพยาบาลรัฐและเอกชน รวมถึงศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ

นายแพทย์อำพร เอี่ยมศรี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแม่วาง ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสนามเชียงใหม่ เปิดเผยถึงสถานการณ์การรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลสนามที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฯ ว่าขณะนี้มียอดผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ 1,016 ราย โดยในวันนี้ได้รับเข้ามาจำนวน 33 ราย และมีผู้ป่วยที่ได้จำหน่ายออกไปจำนวน 171 ราย โดยผู้ป่วยที่ผ่านการรักษาและแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้จะได้รับใบรับรองแพทย์ พร้อมเอกสารคำแนะนำในการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยเมื่อต้องกลับไปอยู่ร่วมกับครอบครัวและชุมชน ทั้งนี้ทางการแพทย์ถือว่าบุคคลที่ผ่านการรักษาแล้ว เป็นผู้ที่ปลอดเชื้อและสามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้ตามปกติ สำหรับเสื้อผ้าของใช้ของผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว จะมีการทำความสะอาดฆ่าเชื้อก่อนที่จะให้นำออกจากโรงพยาบาลสนาม และเมื่อกลับถึงบ้านจะมีการทำการซักอีกครั้ง และสามารถนำกลับใช้ใหม่ได้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net