ตำรวจจับกุมสมณะดาวดินรอบสอง ข้อหาเดิม-ครูใหญ่ ร้องทุกข์กล่าวโทษสมณะสันติอโศก เพื่อชี้ให้เห็นปัญหาการใช้ กม.

ตำรวจ สน.พหลฯ จับกุม ‘สมณะดาวดิน’ ครั้งที่สอง พร้อมข้อหาเดิม มาตรา 208 แต่งกายคล้ายพระภิกษุ ก่อนที่ต่อมา ศาลแขวงพระนครเหนือจะอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ด้วยวงเงิน 9,000 บาท-ด้านครูใหญ่ ขอนแก่น มาที่ สน.พหลฯ เพื่อร้องทุกข์กับ ตร. เรื่องสมณะสันติอโศกแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ อาจผิดเหมือนสมณะดาวดิน ชี้ไม่ใช่เพื่อกลั่นแกล้ง แต่เพื่อเผยให้เห็นถึงปัญหาการบังคับใช้กฎหมายไทย

ภาพขณะที่ตำรวจ สน.พหลฯ และเทศกิจ แจ้งข้อกล่าวหาแก่ สมณะดาวดิน หน้าศาลอาญา รัชดาฯ เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2564 ภาพจาก ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

22 เม.ย. 2564 ไอลอว์ อ้างรายงานจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ระบุว่า ศาลแขวงพระนครเหนืออนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ‘สมณะดาวดิน’ โดยวางหลักประกันเงินสด จำนวน 9,000 บาท พร้อมตั้งเงื่อนไข ห้ามแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ตามที่ถูกกล่าวหาอีก มิเช่นนั้น จะถือว่าผิดสัญญาประกัน และอาจถูกเพิกถอนประกัน 

เมื่อเวลา 10.50 น. ตำรวจ สน.พหลโยธิน แสดงตัวเข้าจับกุม ‘สมณะดาวดิน’ อดีตสมณะชาวสันติอโศก หรือดาวดิน ชาวหินฟ้า อายุ 58 ปี ที่กลับมาอดอาหารหน้าศาลอาญา ถนนรัชดาฯ โดยแจ้งว่า สมณะดาวดิน แต่งกายเลียนแบบหรือคล้ายพระภิกษุสงฆ์ เพื่อให้คนอื่นเข้าใจว่าเป็นเช่นนั้น ถือมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 208 ซึ่งเป็นข้อหาเดียวกับคดีที่สมณะดาวดินถูกจับกุมเมื่อวานนี้ 

จากนั้น ตำรวจจึงพาตัวไปที่ สน.พหลโยธิน ด้านเทศกิจที่มาพร้อมกับตำรวจได้ตรวจยึดรถมอเตอร์ไซค์ของประชาชนที่มาเฝ้าระวังความปลอดภัย 2 คัน โดยอ้างว่าเป็นการจอดกีดขวางบนทางเท้า 

ตามบันทึกการจับกุมระบุว่า เวลาประมาณ 10.00 น. ตำรวจได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจศาลว่ามีบุคคลแต่งกายคล้ายพระสงฆ์มานั่งที่ทางเท้าหน้าศาลอาญา ตำรวจจึงเข้าตรวจสอบพบว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับที่จับกุมไปเมื่อวานนี้ สมณะดาวดิน แจ้งว่า เป็นนักบวชที่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยของพุทธศาสนา ไม่มีหนังสือสุทธิและไม่มีสังกัด ตำรวจจึงแจ้งว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 208 และเป็นความผิดซึ่งหน้า จับกุมได้ทันที

จากนั้นตำรวจพาตัวสมณะดาวดินไปที่ สน.พหลโยธิน เพื่อสอบปากคำ โดยมีอรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่ และเอกชัย หงส์กังวาน อยู่ร่วมฟังการสอบสวนด้วย 

ต่อมา เวลา 14.45 น. ตำรวจ สน.พหลฯ พาตัวสมณะดาวดินไปที่ศาลแขวงพระนครใต้ไปขออำนาจศาลแขวงพระนครเหนือเพื่อฝากขัง ทนายความแถลงคัดค้านการผลัดฟ้องฝากขังของพนักงานสอบสวนในห้องเวร โดยชี้ว่าคดีนี้มีอัตราโทษไม่สูง พยานหลักฐานอยู่กับพนักงานสอบสวนผู้ต้องหาจึงไม่อาจยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้ หลักประกันของผู้ต้องหาน่าเชื่อถือและไม่มีพฤติการณ์หลบหนี 

สมณะดาวดิน ที่ สน.พหลฯ เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2564 ภาพจาก iLaw

อย่างไรก็ตาม ศาลแขวงพระนครเหนืออนุญาตตามคำร้องของพนักงานสอบสวนโดยไม่ได้ให้เหตุผลใด เมื่อศาลอนุญาตให้ฝากขังทนายความจึงดำเนินการเรื่องการประกันตัวซึ่งศาลอนุญาตให้สมณะดาวดินประกันตัว วางหลักประกันเป็นเงินสด 9,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไข “ห้ามผู้ต้องหากระทำความผิดตามคำร้องขอผัดฟ้องและฝากขังอีก” ซึ่งเงื่อนไขนี้ในทางรูปธรรมอาจหมายถึง หากสมณะดาวดินยังแต่งกายในลักษณะเดียวกับที่ถูกกล่าวหาอีก และถูกจับกุมตัวหรือมีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ ก็อาจถูกยกเลิกสัญญาประกันและถูกคุมขัง 

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2564 สมณะดาวดินเคยถูกตำรวจ สน.พหลโยธิน สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เข้าจับกุมในข้อหามาตรา 208 หรือแต่งกายหรือใช้เครื่องหมายที่แสดงว่าเป็นพระภิกษุ สามเณร โดยมิชอบ และถูกนำตัวฝากขังที่ศาลแขวงพระนครเหนือ ก่อนได้รับการอนุญาตประกันตัวด้วยเงินสด 9,000 บาท และกลับมานั่งอดอาหารหน้าศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษกอีกครั้ง ก่อนที่วันต่อมา ตำรวจ สน.พหลฯ จะมาแจ้งจับสมณะดาวดินเป็นครั้งที่ 2 ด้วยข้อหาเดิม 

ครูใหญ่-อรรถพล แจ้งความสันติอโศก เปลือยปัญหาข้อกฎหมายและการปราบผู้เห็นต่าง

ระหว่างกระบวนการแจ้งข้อกล่าวหาสมณะดาวดิน อรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่ เดินทางมาที่สถานีตำรวจ สน.พหลฯ โดยเขาระบุว่าตั้งใจมาที่ สน.พหลโยธิน เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษสมณะโพธิรักษ์ และสมณะรูปอื่นๆ ของสำนักสันติอโศก ด้วยข้อกล่าวหาเดียวกับที่ใช้ดำเนินคดีสมณะดาวดิน อรรถพลเสร็จสิ้นกระบวนการร้องทุกข์กล่าวโทษในเวลาประมาณ 16.00 น. 

ครูใหญ่ ขอนแก่น หรืออรรถพล บัวพัฒน์ และพระชิษณุพงศ์ ไพรพารี พระภิกษุจากกลุ่มคณะปฏิสังขรณ์การพระศาสนาใหม่ ที่หน้า สน.พหลฯ ภาพจาก iLaw
 

จากนั้น เขาได้ให้สัมภาษณ์กับไอลอว์ ถึงเหตุผลในการมาร้องทุกข์กล่าวโทษวันนี้ว่า ตัวเขาและคณะปฏิสังขรณ์การพระศาสนาใหม่ มาร้องทุกข์กล่าวโทษสมณะโพธิรักษ์ และสมณะรูปอื่นๆ ของสันติอโศก ไม่ใช่เพื่อกลั่นแกล้งสมณะโพธิรักษ์ หรือนักบวชท่านอื่นๆ แต่เพื่อสะท้อนปัญหาของกฎหมายเกี่ยวกับการศาสนาที่บังคับใช้ในประเทศไทย

ครูใหญ่ เน้นย้ำว่า สมณะโพธิรักษ์ สมณะรูปอื่นๆ ในสำนักสันติอโศก ต่างมีความเป็นสมณะตามพระธรรมวินัยโดยสมบูรณ์ แต่อาจกระทำความผิดฐานแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ตามระบบกฎหมายไทยฃ

“ขอย้ำการแจ้งความดำเนินคดีสมณะโพธิรักษ์ และสมณะท่านอื่นๆ ของสำนักสันติอโศกครั้งนี้ไม่ใช่การกลั่นแกล้งทางการเมือง แต่ทำไปเพื่อชี้ให้เห็นว่าเมื่อมีการใช้กฎหมายนี้กับสมณะที่มีความเห็นต่างจากรัฐ ก็ต้องมีการดำเนินคดีกับผู้กระทำการในลักษณะเดียวกันอย่างเท่าเทียม และที่สำคัญการดำเนินคดีครั้งนี้ต้องการสื่อให้เห็นว่า กฎหมายเกี่ยวกับศาสนาของประเทศนี้มีปัญหา ส่วนตัวผมเห็นว่าสมณะของสำนักสันติอโศกมีความเป็นสมณะเต็มเปี่ยมตามพระธรรมวินัย แต่เพราะระบบกฎหมายของประเทศนี้ผิดเพี้ยน ความเป็นสมณะของท่านจึงไม่ได้รับการรับรอง...

และในอนาคตต้องมีการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่ผิดเพี้ยนเหล่านี้เพื่อปกป้องสิทธิและคุ้มครองเสรีภาพทางศาสนาของคนทุกคนอย่างแท้จริง”

เมื่อถามว่าการใช้วิธีดำเนินคดีบุคคลอื่นเพื่อสะท้อนปัญหาของกฎหมายจะเป็นปัญหาในตัวเองหรือไม่ อรรถพล ระบุว่า ถ้าหากไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีสังคมก็จะไม่เห็นปัญหา การแจ้งความที่เกิดขึ้นคือการทำปัญหาให้ปรากฏ ไม่ใช่ปล่อยให้เรื่องเงียบแล้วซุกไว้ใต้พรมว่ากฎหมายไม่มีปัญหา เพราะมีอีกหลายๆ คนที่ไม่ถูกดำเนินคดี การปล่อยปละละเลยทำให้กฎหมายที่มีปัญหาคงอยู่และถูกนำมาใช้เพื่อจัดการกับคนที่เห็นต่างจากอำนาจรัฐ การแจ้งความครั้งนี้จะช่วยสะท้อนความผิดเพี้ยนของกฎหมายออกมา และจะต้องหาแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท