Skip to main content
sharethis

ทหารกะเหรี่ยง KNU บุกยึดฐานทหารพม่าตรงข้ามท่าเรือริมแม่น้ำสาละวิน บ้านแม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ชาวบ้านพื้นที่ชายแดน 379 รายอพยพเข้าพื้นที่ปลอดภัย ผวจ.แม่ฮ่องสอน แถลงมีประชาชนบาดเจ็บถูกกระสุน 1 ราย ตอนนี้อาการปลอดภัย พร้อมช่วยเหลือผู้ลี้ภัยจากพม่าตามหลักมนุษยธรรม ด้าน KNU ระบุบุกฐานกองทัพพม่าเพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านรัฐประหาร และตอบโต้หลังทหารพม่ายิงเรือชาวบ้านที่สัญจรในแม่น้ำสาละวิน

ฐานที่มั่นซอแลท่า ถ่ายจากบ้านแม่สามแลบ
 
ภาพแผนที่มุมสูงของฐานที่มั่นซอแลท่า (รอยสีน้ำตาลด้านซ้าย) และบ้านแม่สามแลบ (ด้านขวา)
 

27 เม.ย.64 กรณีทหารกะเหรี่ยง KNU กองพล 5 บุกยึดฐานซอแลท่า ที่มั่นกองทัพพม่าสังกัดกองพันทหารราบเบา 341 ตรงข้ามท่าเรือบ้านแม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ช่วงเช้ามืดวันนี้ (27 เม.ย.64)

ในเวลาต่อมา มีข้อมูลจากแหล่งข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่ไทยได้อพยพประชาชนตามแนวชายแดนมายังสถานที่ปลอดภัยที่โรงเรียนบ้านห้วยกองก้าด ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน อยู่ห่างจากชายแดนไทย-พม่า ด้านบ้านแม่สามแลบ 7 กิโลเมตร

ทั้งนี้ ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานระบุว่า มีการอพยพประชาชนจำนวน 379 คน โดยส่วนใหญ่เป็น ผู้สูงอายุ ผู้หญิง และเด็ก มาที่โรงเรียนบ้านห้วยกองก้าด เพื่อความปลอดภัยของราษฎร อาจถูกกระสุนลูกหลงจากการสู้รบที่ฐานซอแลท่า นอกจากนี้ ยังไม่ทราบว่าสถานการณ์การสู้รบจะสงบลงเมื่อใด เพราะเมื่อช่วงกลางวันมีเครื่องบินทิ้งระเบิดในหมู่บ้านรัฐกะเหรี่ยง บ้านบวาเดอ ในเขตควบคุมของทหารกะเหรี่ยง KNU กองพล 5 คาดว่าเพื่อตอบโต้การโจมตีของทหารกะเหรี่ยง

ด้านผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่าการโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังครบรอบ 1 เดือนที่ทหารกะเหรี่ยง KNU บุกยึดฐานสิมือท่า ริมแม่น้ำสาละวิน ตรงข้ามกับ ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เมื่อ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา ส่วนสถานการณ์ที่บ้านแม่สามแลบหลังเหตุปะทะ พบว่าประชาชนบางส่วน โดยเฉพาะชาวบ้านเชื้อสายมุสลิม ยังขาดแคลนวัตถุดิบทำอาหาร และเครื่องครัว แต่เมื่อช่วงเย็นเวลา 18.00 น. มีประชาชนเดินทางมาบริจาคของเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว

ขณะที่ข้าวสารและน้ำไม่ขาดแคลน เว้นแต่ยาสามัญประจำบ้าน และเวชภัณฑ์ เนื่องจากช่วงนี้มีรายงานจากอุตุนิยมวิทยา ระบุว่า ที่ จ.แม่ฮ่องสอน จะมีฝนตกต่อเนื่องราว 2-3 วัน สภาพอากาศที่แปรปรวนอาจส่งผลให้ประชาชนเจ็บป่วยได้ นอกจากนี้ ฝนที่ตกหนักอาจทำให้ประชาชนที่กางผ้าใบอาศัยหลบภัยอยู่นอกอาคารเรียนของโรงเรียนบ้านห้วยกองก้าด ได้รับผลกระทบจนไม่สามารถพักอาศัยได้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่กำลังเร่งหาวิธีรับมือเพื่อช่วยเหลือ

ทั้งนี้ สำนักข่าวชายขอบ รายงานเมื่อวันที่ 27 เม.ย. 64 ระบุว่า ฐานซอแลท่า ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ เนื่องจากมีสัญญาณโทรศัพท์ และอินเทอร์เน็ตจากฝั่งไทย และอยู่ตรงข้ามแม่สามแลบ ซึ่งเป็นชุมทางการเดินทาง และคมนาคมในลำน้ำสาละวิน

ทั้งนี้ ทหารพม่าได้เข้ามาตั้งฐานในรัฐกะเหรี่ยง เขตมือตรอ พื้นที่อิทธิพลของกองพลที่ 5 สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU จำนวนอย่างน้อย 81 ฐาน โดยในจำนวนนี้ 14 ฐานตั้งอยู่ริมแม่น้ำสาละวิน และมี 3 ฐานที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับหมู่บ้านในฝั่งไทย ได้แก่ บ้านสบเมย บ้านแม่สามแลบ และบ้านท่าตาฝั่ง

โฆษกกองพล 5 KNU แถลงเหตุผลบุกยึดฐานซอแลท่า 

เมื่อเวลา 18.00 น. สำนักข่าวชายขอบ รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลศูนย์ข้อมูลกะเหรี่ยง (Karen Information Center หรือ KIC) เผยแพร่สัมภาษณ์ พ.อ.เกลอะโด โฆษกของทหารกะเหรี่ยง KNU กองพล 5 ซึ่งระบุสาเหตุที่ทหารกะเหรี่ยงบุกยึดฐานกองทัพพม่าว่า “กระแสข่าวที่มีทั้งคนเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ผมขอชี้แจงว่าที่นี่เป็นแผ่นดินเกิดของเรา เราปฏิบัติการในพื้นที่ของเรา ทำเพื่อปกป้องดินแดน เพื่อที่เราจะได้ปกครองตนเอง และสร้างสหพันธรัฐอย่างแท้จริง KNU ได้เคยแจ้งขอให้กองทัพพม่าถอนกำลังออกไปจากพื้นที่รัฐกะเหรี่ยง เมื่อเราขอดีๆ ไม่ได้ ก็จำเป็นที่ต้องไล่ เราได้พยายามเจรจา และแจ้งเตือนดีๆ แล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้ เราจึงจะเป็นต้องมีปฏิบัติการนี้” 

นอกจากนี้ ทางโฆษกกล่าวเพิ่มว่า การบุกครั้งนี้ เพื่อปกป้องประชาชนที่อาศัยในแม่น้ำสาละวิน 

“การที่กองทัพพม่ายิงเรือของชาวบ้านในแม่น้ำสาละวิน พรมแดนไทย-พม่า เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทหารก็ต้องรบกับทหาร แต่ทหารพม่ากลับทำร้ายข่มขู่ชาวบ้านเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เมื่อทหารพม่ารบกวนชาวบ้านที่สัญจรในแม่น้ำสาละวิน เราจึงมีหน้าที่ที่ต้องขับไล่ทหารพม่าออกไป ทหารพม่าไม่ได้ยิงแค่เรือชาวบ้าน เรือเจ้าหน้าที่ไทยเขาก็ยิง” พ.อ.เกลอะโด กล่าว 

โฆษกกองพล 5 KNU กล่าวด้วยว่า โดยความเห็นส่วนตัว ตั้งแต่ตนเกิดจนเข้าร่วมงานปฏิวัติกะเหรี่ยง ชาวบ้านต้องหนีและต้องยากจนอยู่อย่างลำบากเพราะทหารพม่ามาโดยตลอด พวกเขาไม่เคยทำดีกับเราเลย ชาวบ้านต้องเผชิญปัญหามากมายเพราะ ทหารพม่า พวกเขายึดอำนาจหลายต่อหลายครั้ง ครั้งหนึ่งหลายฝ่ายมองว่าสิ่งที่เราทำเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เป็นพวกสร้างปัญหา แต่วันนี้หลายคนได้รับรู้แล้วว่าทหารพม่าปกครองด้วยความไม่ถูกต้อง ส่วนเราต่อสู้เพื่อสิทธิของตนเอง ตอนนี้ชาวบ้านหลายกลุ่มก็เริ่มเข้าใจแล้ว เราจึงต้องร่วมกันต่อสู้เพื่อสร้างสหพันธรัฐที่แท้จริง สู้เพื่อสิทธิของพวกเรา สามารถปกครองตนเองได้ในแต่ละรัฐ 

“ผมต้องการให้กำลังใจชาวบ้านที่กำลังต่อสู้ เราอยู่เคียงข้างพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านในเมือง หรือชาวบ้านในป่า เรายืนอยู่เคียงข้างประชาชน และเราจะช่วยทุกอย่างเท่าที่เราทำได้ อาจมีที่ต้องบาดเจ็บล้มตาย แต่เลือดที่หลั่งรินนั้นไม่ใช่สิ่งที่สูญเปล่า เลือดนั้นหลั่งเพื่อล้มล้างเผด็จการทหาร เพื่อให้ได้มาซึ่งรัฐบาลที่ชอบธรรม และอำนาจเผด็จการทหารเป็นสิ่งที่ต้องจบลง ณ ตอนนี้” โฆษกกองกำลังกะเหรี่ยง KNU ทิ้งท้าย 

ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอนแถลงถึงการอพยพช่วยเหลือประชาชนแม่สามแลบ มีผู้บาดเจ็บ 1 ราย อาการปลอดภัย

27 เม.ย. 64 สำนักข่าว The Reporters รายงานเมื่อประมาณ 17.22 น. ระบุว่า สิทธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ศูนย์สั่งการชายแดนไทย-พม่าด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน แถลงข่าวสถานการณ์ชายแดนประจำวัน ระบุพร้อมเตรียมมาตรการดูแลสวัสดิภาพประชาชนไทยแนวชายแดน เตรียมพร้อมรับผู้หนีภัยสู้รบตามหลักสิทธิมนุษยชน 

ชาวบ้านแม่สามแลบ ที่โรงเรียนบ้านห้วยกองก้าด

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2564 เวลา 05:00 น. มีกองกำลัง KNU สนธิกำลังร่วมกันกับกองพัน KNLA เข้าโจมตีฐานฯ ซอแลท่าของทหาพม่า บริเวณด้านตรงข้ามหมู่บ้านแม่สามแลบ ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ยังไม่ทราบรายละเอียดและการสูญเสียของทั้งสองฝ่าย 

ต่อมา เมื่อเวลา 09:00 น. หลังกองกำลัง KNU เข้าโจมตีฐานซอแลท่าได้สำเร็จ ได้เคลื่อนย้ายกำลังติดตามทหารพม่า ที่หนีไปที่ฐานฯ อซูท่า ด้านตรงข้ามบ้านแม่แวน ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง ผลการปะทะยังไม่ทราบรายละเอียดและการสูญเสียของทั้งสองฝ่าย 

เมื่อเวลา 12:30 น. เครื่องบินพม่าไม่ทราบแบบเข้าโจมตีทิ้งระเบิดบริเวณ บ.วาเดอ อ. บือโซะ จ.ผาปูน และฐานฯ ดากวิน ตรงข้ามอุทยานแห่งชาติสาละวิน ท่าตาฝั่ง ไม่ทราบความเสียหาย 

ในสถานการณ์ปัจจุบันกองกำลังนเรศวรโดยหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 และหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ 

จากเหตุการณ์กองกำลัง KNU เข้าโจมตีฐานฯ ซอแลท่า มีพลเรือนในพื้นที่ บ้านแม่สามแลบ ได้รับผลกระทบ 1 รายคือนางเคมี (ถือบัตรบุคคลผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน) ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนเล็กจำนวน 1 นัด ฝังเหนือหัวเข่าด้านซ้าย ปัจจุบันได้เดินทางเข้ารับการรักษาตัว ณ โรงพยาบาลแม่สะเรียงแล้ว หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 ได้จัดกำลังพลเข้าไปติดตามผลการรักษา ขณะนี้ผู้ป่วยอาการปลอดภัยแล้ว และจะส่งตัวไปผ่าตัดเอากระสุนออก ณ รพ.ศรีสังวาลย์ ต่อไป 

จากเหตุการณ์กองกำลัง KNU เข้าโจมตีฐานฯ ซอแลท่า มีราษฎรไทยในพื้นที่บ้านแม่สามแลบได้อพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัย บ้านห้วยกองก้าด ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 450 คนโดยหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 จัดกำลังร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอสบเมย สถานีตำรวจภูธรสบเมย และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอสบเมย ช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้กับราษฎรดังกล่าวแล้ว 

ในขณะนี้ทางจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีคำสั่งปิดจุดผ่อนปรนทางการค้า บ้านแม่สามแลบ และงดการเดินเรือในลำน้ำสาละวินตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (28 เม.ย.64) เป็นต้นไป และห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าในพื้นที่ เพื่อความปลอดภัยและการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด กรณีการสู้รบมีผลกระทบต่อราษฎรไทย ได้มีการจัดทำแผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลังไว้แล้ว เพื่ออพยพราษฎรไทยไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยตามแผนดังกล่าว 

และหากว่าผู้หนีภัยความไม่สงบจากพม่าหลบหนีข้ามฝั่งมายังฝั่งไทย จะได้ดำเนินการตามแผนบริหารจัดการดังนี้ 

ดำเนินการนำผู้หนีภัยความไม่สงบจากพม่าพักรอในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว (พื้นที่แรกรับ) ซึ่งอยู่ในการกำกับดูแลของทางทหารบริเวณชายแดน โดยมีการคัดกรอง COVID-19 และแยกพื้นที่กรณีมีผู้ติดเชื้อตามมาตรการสาธารณสุขต่อไป และในส่วนกระบวนการทางสาธารณสุขอื่นๆ ได้มีมาตรการในการเตรียมความพร้อมรองรับไว้ครบถ้วนแล้วตามหลักมนุษยธรรม 

กรณีการสู้รบมีความรุนแรงและยืดเยื้อ มีแผนดำเนินการเคลื่อนย้ายผู้หนีภัยความไม่สงบชาวพม่าเข้าไปพักรอในพื้นที่พักรอที่จัดเตรียมไว้ ซึ่งห่างจากชายแดนประมาณ 9 กิโลเมตร โดยจะดูแลตามหลักมนุษยธรรม ได้แก่ อาหาร น้ำ ยารักษาโรค โดยมีหน่วยงานภาครัฐ องค์กรการกุศล เอกชนที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนช่วยเหลือ 

ขณะนี้จังหวัดยังไม่มีประกาศรับบริจาค แต่อย่างใด การช่วยเหลือราษฎรไทยที่ได้รับผลกระทบ เบื้องต้นอยู่ในความดูแลช่วยเหลือจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานภาครัฐ หากเกินขีดความสามารถจะได้ประกาศขอรับบริจาคต่อไป 

หากมีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวพม่าหลบหนีข้ามฝั่งมายังฝั่งไทย ในเบื้องต้นจะกำกับดูแลโดยฝ่ายทหาร หากเกินขีดความสามารถจะประสานจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อประกาศขอรับบริจาคช่วยเหลือต่อไป 

โดยในสถานการณ์ครั้งนี้ ประเทศไทยไม่สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง มุ่งเน้นให้ประชาชนชาวไทยที่อยู่ใกล้กับพื้นที่ที่เกิดเหตุการณ์ได้รับความปลอดภัยสูงสุด และทั้งนี้จะดูแลช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมกับทั้ง 2 ฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net