Skip to main content
sharethis

'อานนท์' ติดโควิดในเรือนจำ ถูกส่งตัวไปรักษา ร.พ.ราชทัณฑ์ แอมเนสตี้ระบุกว่า 100 ประเทศปล่อยนักโทษกว่า 600,000 รายในปี 63 เพื่อลดความแออัดในเรือนจำ ชี้เป็นหน้าที่รัฐต้องดูแลสุขอนามัยของผู้ต้องขัง

6 พ.ค. 2564 วันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เฟซบุ๊ก 'อานนท์ นำภา' ได้โพสต์ข้อความระบุว่า อานนท์ นำภา ติดเชื้อโควิด-19 ขณะนี้ถูกส่งตัวไปรักษาโรงพยาบาลราชทัณฑ์

ขณะที่ ทวิตเตอร์ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ทวีตข้อความ ระบุว่า อานนท์มีอาการไข้ขึ้น เวียนศีรษะ และคลื่นไส้ มาเป็นเวลา 3 วัน แล้ว

ทั้งนี้ อานนท์ ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ระหว่างดำเนินการพิจารณาคดี ตามมาตรา 112 ตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2564 จนถึงปัจจุบัน รวมเป็นเวลา 86 วัน

ผู้ถูกลืมเบื้องหลังกรงขัง: โควิด-19 และเรือนจำ

จากการเก็บข้อมูลวิจัยโดยแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลใน 69 ประเทศ ระหว่างเดือนพฤษภาคม 2563 - กุมภาพันธ์ 2564 พบว่าเฉพาะในสหรัฐอเมริกา มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในที่คุมขัง เรือนจำ และสถานกักกันต่าง ๆ สูงถึงกว่า 612,000 ราย และมีจำนวนผู้เสียชีวิตที่เป็นทั้งผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่ไม่ต่ำกว่า 2,700 คน  

ปัญหาหลักเกิดจากการขาดความสามารถในการจัดบริการตรวจหาเชื้อ และแนวทางการจัดการเรื่องสาธารณสุขที่ไม่ดีพอ ซึ่งในช่วงแรกของการแพร่ระบาด แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่เรือนจำก็ไม่สามารถข้าถึงบริการการตรวจหาเชื้อ นอกจากนี้ยังมีเรื่องการขาดมาตรการป้องกันและปกป้องคุ้มครองในหลายประเทศ เช่น กัมพูชา ฝรั่งเศส อิหร่าน ปากีสถาน ศรีลังกา ตองโก ตุรกี และสหรัฐอเมริกา 

จากข้อมูลของ UN Office on Drugs and Crime (UNODC) พบว่าในกว่า 100 ประเทศทั่วโลกมีความพยายามปล่อยนักโทษกว่า 600,000 รายในปี 2563 เพื่อลดความแออัดในเรือนจำ ส่วนใหญ่เป็นนักโทษที่มีปัญหาสุขภาพ 

 หน้าที่ของรัฐ 

รัฐมีพันธกรณีในการดูแลผู้ต้องขังในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยจะต้องดูแลทั้งในมิติของสิทธิด้านสุขภาพ สุขภาพของผู้ต้องขัง และสิทธิในการได้รับน้ำและสุขอนามัย ดังนี้  

• รัฐต้องทำให้มั่นใจว่าผู้ต้องขังต้องสามารถเข้าถึงการดูแลและบริการสุขภาพในมาตรฐานเดียวกับบุคคลทั่วไป 

• แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลกใส่ใจกับข้อกังวลเรื่องสถานที่กักขัง การป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งภายในเรือนจำและระหว่างเรือนจำกับสังคมภายนอก เพื่อไม่ให้การระบาดขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น  

• รัฐบาลจำเป็นต้องเก็บข้อมูลสาธารณะสุขที่เกี่ยวเนื่องกับบุคคลในที่คุมขังหรืออยู่ระหว่างการควบคุมตัวอย่างทันท่วงที  ให้บริการหน้ากากอนามัยและสบู่ในปริมาณที่เพียงพอ รวมถึงอุปกรณ์ทำความสะอาดต่าง ๆ โดยไม่มีการเก็บค่าใช้จ่าย การเข้าถึงน้ำใช้ที่สะอาด และการเข้าถึงการตรวจและการรักษาโรคโควิด-19  

• นอกจากนี้รัฐบาลควรเสาะหาทางเลือกอื่นแทนการคุมขังผู้อยู่ระหว่างดำเนินคดี เพื่อลดปัญหาความแออัดในเรือนจำ  

• แม้ว่าการแจกจ่ายวัคซีนโดยรัฐบาลจะทำเป็นห้วงเวลาที่ต่างกันและมีการจัดกลุ่มเป้าหมายที่ซับซ้อน ทั้งนี้ รัฐยังคงต้องทำให้มั่นใจว่านโยบายและแผนการฉีดวัคซีนนั้นไม่เลือกปฏิบัติต่อผู้ที่อยู่ในที่คุมขัง รัฐจะต้องทำทุกวิถีทางให้นักโทษ รวมถึงเจ้าหน้าที่เรือนจำได้เข้าไปอยู่ในแผนเหล่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากสภาพความเป็นอยู่ในเรือนจำที่ไม่อำนวยต่อการรักษาระยะห่างทางกายภาพ  

• แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเรียกร้องให้รัฐบาลใช้วิธีการแยกขังหรือมาตรการกักตัวก็ต่อเมื่อไม่สามารถใช้มาตรการป้องกันอื่นได้ การห้ามเยี่ยมจะต้องเป็นไปเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคเท่าที่จำเป็นและมีสัดส่วนชัดเจน และเรียกร้องให้มีการสืบสวนสอบสวนที่เป็นอิสระและเป็นกลาง ในกรณีต่าง ๆ ที่มีส่วนของการใช้กำลังรุนแรงภายในพื้นที่เรือนจำ  

• แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเรียกร้องให้หน่วยงานต่าง ๆ ภายใต้ UN ได้เพิ่มความพยายาม WHO ควรมีการทบทวนแนวทางการเข้าถึงผลิตภัฑณ์ด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับ โควิด-19 เช่น วัคซีน อย่างสม่ำเสมอ และมีการอ้างอิงที่เชื่อถือได้ในเรื่องเจ้าหน้าที่เรือนจำและผู้คุมขังที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเสียชีวิตหรือการเจ็บป่วยอย่างรุนแรงจากโรคโควิด-19 ให้เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูงและต้องได้รับการให้ความสำคัญอันดับต้น ๆ ในการเข้ารับวัคซีน  

• แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เสนอให้ UNODC ขยายระบบการเก็บข้อมูลอาชญากรรมทั่วทุกรัฐบาล เพื่อให้มีการวิเคราะห์ข้อมูลแยกประเภทที่มีรายละเอียดมากขึ้น ต่อการปรับปรุงยุทธศาสตร์การควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค  

•  แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เสนอให้ OHCHR ได้ให้คำแนะนำเชิงเทคนิคและการสนับสนุนที่จำเป็นต่อคณะทำงานด้านสิทธิมนุษยชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำการติดตามสถานการณ์ภายในเรือนจำในระหว่างการแพร่ระบาดของโควิด-19  

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net