'เพื่อนไร้พรมแดน' เผยกองทัพกำลัง 'ผลักดันผู้ลี้ภัย' จากอิตูท่า ให้ข้ามน้ำสาละวินกลับ

เพจ Friends Without Borders Foundation ของ 'มูลนิธิเพื่อนไร้พรมแดน' เผยขณะนี้กองทัพกำลังปฏิบัติการ 'ทำความเข้าใจ' ซึ่งหมายถึงการ 'ผลักดันผู้ลี้ภัย' จากอิตูท่าให้ข้ามน้ำสาละวินกลับ - เครือข่ายประชนลุ่มน้ำสาละวิน ออกแถลงการณ์ด่วน ขอให้ชะลอการผลักดันชาวบ้านผู้หนีภัยสงคราม กลับรัฐกะเหรี่ยง พม่า

 

รัฐไทยจะปฏิเสธจารีตประเพณีระหว่างประเทศและหลักมนุษยธรรมสากลโดยสิ้นเชิงหรือ ? ขณะนี้ กองทัพกำลังปฏิบัติการ "ทำความเข้าใจ...

โพสต์โดย Friends Without Borders Foundation เมื่อ วันศุกร์ที่ 7 พฤษภาคม  2021

 

8 พ.ค. 2564 เพจ Friends Without Borders Foundation ของมูลนิธิเพื่อนไร้พรมแดน เปิดเผยว่าขณะนี้ กองทัพกำลังปฏิบัติการ "ทำความเข้าใจ" ซึ่งหมายถึงการ "ผลักดันผู้ลี้ภัย" จากอิตูท่าให้ข้ามน้ำสาละวินกลับ

จากเมือไม่กี่วันก่อน ชาวบ้านส่วนหนึ่งยินดีกลับไปดูทรัพย์สินของตนเองและคาดว่าจะได้กลับบ้านในเร็ววัน แต่เมื่อวานนี้ กองทัพพม่ากลับเข้ามาใช้เครื่องบิน 4 ลำโจมตีทางอากาศและทิ้งระเบิดถึง 8 ลูกในบริเวณไม่ไกลจากชายแดนมากนัก แม้จะอยู่ตอนเหนือขึ้นไปจากอีตู่ท่า ไม่ห่างจากบ้านแม่หนึท่า พวกเขาจึงรู้ตัวว่า การกลับไปคราวนี้ สุ่มเสี่ยงมากเหลือเกินกับการที่ต้องเตลิดหนีเข้าป่าหรือข้ามน้ำกลับมาใหม่ ขณะที่น้ำมันเรือเหลืออยู่น้อยนิด

ชาวบ้านรายงานว่า เจ้าหน้าที่ไทยเข้ามาออกคำสั่งให้ชาวบ้านอีตู่ท่ากลับไปรัฐกะเหรี่ยงให้หมด ภายในพรุ่งนี้ (9 พ.ค.)

"เขาบอกเราว่า ทหารพม่าจะไม่ทำอะไรแล้ว ถ้าหากเรายังอยู่ที่นี่ ก็จะเหมือนว่ายังมีสงครามอยู่ และมันไม่เป็นผลดีกับเศรษฐกิจ!" 

จากการกดดันด้วยการตัดการเข้าถึงอาหาร ผลในวันนี้คือการผลักดันกลับดังที่หลายฝ่ายคาด แม้จะเพิ่งมีเครื่องบินทิ้งระเบิดอยู่เมื่อวันวาน ผู้ลี้ภัยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะเดินทางกลับ "อย่างไม่สมัครใจ"

มูลนิธิเพื่อนไร้พรมแดนยัง ตั้งคำถามด้วยว่าการปฏิเสธจารีตประเพณีระหว่างประเทศและหลักมนุษยธรรมสากลโดยสิ้นเชิงนี้ เป็นไปเพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนไทยหรือของผู้ใด?

 

เรื่องด่วนๆ ทหารไทยเร่งผลักดันผู้หนีภัยริมสาละวิน ------ เที่ยงๆวันนี้(8...

โพสต์โดย Paskorn Jumlongrach เมื่อ วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม  2021

 

ภาสกร จำลองราช ผู้ก่อตั้งและบรรณาธิการสำนักข่าวชายขอบ โพสต์​ข้อความผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว Paskorn Jumlongrach ระบุว่า "เที่ยง ๆ วันนี้ (8 พค.64) ชาวบ้านที่อพยพหนีภัยสงครามมาพักพิงริมแม่น้ำสาละวินส่งข่าวมาว่า พวกตนกำลังถูกทหารไทยผลักดันกลับฝั่งกะเหรี่ยง ทั้งๆ ที่เครื่องบินรบของกองทัพพม่ายังบินว่อนอยู่เป็นระยะๆ ทำให้ชาวบ้านรู้สึกไม่ปลอดภัย"

"ตอนนี้มีชาวบ้านหลบภัยอยู่ฝั่งไทยนับพันคน ทั้งเด็ก คนแก่และคนป่วย แต่ทั้งหมดได้รับคำสั่งให้กลับไป ซึ่งเป็นสิ่งที่เลวร้ายมาก"

"ที่ผ่านมาทหารไทยพยายามปิดกั้นพื้นที่เพื่อไม่ให้นักข่าวเข้าไป แม้แต่ความช่วยเหลือต่างๆ เพื่อมนุษยธรรมก็เข้าไม่ถึง เพราะเขามองว่าหากมีความช่วยเหลือเยอะ อาจทำให้ชาวบ้านเหล่านี้ไม่ยอมกลับ ซึ่งเป็นวิธีคิดที่เชยมาก เพราะไม่ได้ดูบริบทของผู้อพยพชุดนี้เลยว่าแตกต่างจากอดีตอย่างไร"

"ชาวบ้านที่อพยพหนีตายส่วนใหญ่มีบ้านและไร่นาอยู่ในป่าสาละวินของรัฐกะเหรี่ยง ทุกคนหายใจเข้า-ออกคือการกลับบ้านเพียงแต่สถานการณ์สู้รบยังน่าห่วงจึงต้องมาหาที่ปลอดภัยพักพิง ให้เด็กๆและคนแก่ไม่ต้องอยู่อย่างหวาดผวาเมื่อยามได้ยินเสียงเครื่องบินพม่าเข้ามารุกราน"

"การผลักดันชาวบ้านกลับฝั่งกะเหรี่ยงในวันนี้ไม่น่าจะเป็นผลดีกับประเทศไทย เพราะต้องมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความบกพร่องด้านมนุษยธรรมแน่ ที่สำคัญชาวบ้านที่เข้ามาพักก็ไม่ได้ไปรบกวนงบประมาณหลวงแต่อย่างใด เพราะพึ่งพาข้าวของบริจาคทั้งหมด"

"ถ้ากองทัพไทยเจรจากับกองทัพพม่าให้เพลาๆการโจมตีทางอากาศด้วยการทิ้งระเบิดเพราะส่งผลกระทบต่อไปเทศไทย ก็จะไม่มีใครว่า หากจะผลักดันชาวบ้านกลับไปอยู่เพราะปลอดภัยแล้ว แต่เสียดายที่กองทัพไทยตั้งท่าสนิทสนมกับกองทัพพม่าจนเกินเหตุ ทำให้เลือกที่จะเงียบมาโดยตลอด"

"เสียดายที่บ้านเมืองไทยยามนี้ไม่มีใครคานอำนาจทหารได้เลย แม้แต่องค์กรของ UN ที่ทำลับๆล่อๆอยู่แม่ฮ่องสอน ก็ไม่กล้าพูดกับรัฐบาลไทยอย่างตรงไปตรงมา"

"ยามนี้ไม่รู้ว่าชาวบ้านจะหันหน้าไปหาใครหรือองค์กรใดได้ วังเวงใจและเดียวดายจริง ๆ"

แถลงการณ์ด่วน เรื่องขอให้ชะลอการผลักดันชาวบ้านผู้หนีภัยสงคราม กลับรัฐกะเหรี่ยง พม่า

"แถลงการณ์ด่วน เรื่องขอให้ชะลอการผลักดันชาวบ้านผู้หนีภัยสงคราม กลับรัฐกะเหรี่ยง พม่า" 8 พฤษภาคม 2564  ณ เวลานี้...

โพสต์โดย The Mekong Butterfly เมื่อ วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม  2021

 

ด้านเพจ The Mekong Butterfly ได้เผยแพร่ แถลงการณ์ด่วน เรื่องขอให้ชะลอการผลักดันชาวบ้านผู้หนีภัยสงคราม กลับรัฐกะเหรี่ยง พม่า โดยเครือข่ายประชนลุ่มน้ำสาละวิน ระบุว่าณ เวลานี้ ผู้หนีภัยจากการสู้รบชายแดนไทย-พม่า ริมฝั่งแม่น้ำสาละวิน ที่ได้ข้ามมายังฝั่งไทย ที่ จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อขอพักพิงชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยในฝั่งไทย แต่หลายจุดในเวลานี้ชาวบ้านเหล่านี้ได้ถูกทางการไทย พยายามเจรจากดดันให้กลับไป โดยอ้างเหตุผลว่าสถานการณ์ดีขึ้นแล้ว แต่ทั้ง ๆ ที่ชาวบ้านยังมีความกังวล และหวาดกลัว เรื่องความปลอดภัย เพราะมีทั้งเด็ก ผู้หญิง คนชรา คนพิการ แต่เจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานในพื้นที่แจ้งกับชาวบ้านว่าข้างบนสั่งมาให้กลับแล้ว หากยังอยู่ก็จะกระทบต่อไทย กระทบต่อการค้าชายแดน และเศรษฐกิจ ทั้ง ๆ ที่ในเวลานี้ยังมีเครื่องบินรบของพม่า เข้ามาบินยิงทิ้งระบิดโจมตีฐานกองกำลังกะเหรี่ยง ใกล้บริเวณพรมแดนไทยพม่า ใกล้หมู่บ้านของประชาชน และหมู่บ้านข้างในกองทัพพม่าก็ใช้โดรนตรวจการณ์ และส่งเครื่องบินรบมาอยู่ตลอดทุกวัน

จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดน ทางการไทย ต้องประเมินสถานการณ์ให้รอบด้าน บนฐานข้อมูลที่ถูกต้อง การข่าวที่เชื่อถือได้ และควรจะมีมาตรการผ่อนปรน ในการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้หนีภัยจากการสู้รบตามหลักมนุษยธรรมเป็นการด่วน ควบคู่ไปกับการติดตาม ประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และต่อเนื่อง บนหลักการความมั่นคงของชาติ และหลักมนุษยธรรม 

เครือข่ายฯ จึงขอเรียกร้องต่อทางการไทย รัฐบาลไทย และฝ่ายความมั่นคงไทย ดังนี้

1. ขอให้รัฐบาลไทย กระทรวงกลาโหม ในฐานะฝ่ายความมั่นคงไทย ให้ประสานแจ้งเตือนไปยังกองทัพพม่า ให้ยุติการโจมตีทางอากาศ ตามแนวชายแดนไทย-พม่า ทันที กองทัพพม่าต้องยุติการโจมตีบ้านเรือน ที่อยู่อาศัยของประชาชน เพราะปฏิบัติการโจมตีโดยโดยเครื่องบินของทหารพม่าที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนพลเรือนได้รับผลกระทบ เครื่องบินรบทิ้งระเบิด จึงส่งผลให้ประชาชนในรัฐกะเหรี่ยงต้องลี้ภัยข้ามมายังฝั่งไทยเพื่อความปลอดภัย ยังส่งผลกระทบต่อชุมชนไทยตามชายแดนอีกด้วย

2. ขอให้ฝ่ายความมั่นคงไทย ผ่อนปรนให้ที่อาศัยพักพิงชั่วคราวแก่ผู้หนีภัยสงคราม เพื่อความปลอดภัย ตามหลักมนุษยธรรม และเปิดช่องทางในการเข้าให้ความช่วยเหลือเยียวยาด้านมนุษยธรรม เป็นการด่วน ไม่ควรประวิงเวลาปล่อยให้เวลาล่วงเลยกับการประเมินสถานการณ์ช้าไปกว่านี้ เนื่องจากกลุ่มผู้หนีภัยที่พักพิงชั่วคราวเวลานี้ มีทั้งเด็กแรกเกิด เด็กเล็ก ผู้ป่วย สตรีมีครรภ์ มีอาการเจ็บป่วย ท้องเสีย มาลาเรีย ฯลฯ

3. ขอให้มีมาตรการผ่อนปรน เปิดพื้นในการบริหารจัดการบูรณาการหลายฝ่าย ในการควบคุม ช่วยเหลือดูแลผู้ลี้ภัยตามหลักมนุษยธรรม ให้สาธารณะรับรู้กระบวนการบริหารจัดการแก้ไขปัญหา และสร้างความเข้าใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่อสาธารณะอย่างถูกต้อง มากกว่าการสกัดกั้น ปิดช่องทางในการสื่อสารและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม

4. ขอให้จัดที่พักพิงชั่วคราวที่เหมาะปลอดภัยแก่ผู้หนีภัยจากการสู้รบ ตามหลักมนุษยธรรม เนื่องจากชาวบ้านเหล่านี้ล้วนเป็นกลุ่มเปราะบาง เด็ก คนแก่ ฯลฯ

5. ขอให้ยุติการผลักดันกลับไปสู่ความตาย การผลักดันผู้หนีภัยกลับสู่อันตราย ผิดจารีตระหว่างประเทศ หลักการ ไม่ส่งกลับ ถือเป็นจารีตประเพณีระหว่างประเทศ ที่จำเป็นต้องเคารพ และปฏิบัติตาม ควรพิจารณาให้ชาวบ้านตัดสินใจกลับเอง ในห้วงเวลาที่เหมาะสม และปลอดภัย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท