[สาระ+ภาพ] ผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในเรือนจำทั่วโลก

ประชากรที่เสี่ยงติดเชื่อโควิด-19 ไม่ได้มีเฉพาะกลุ่มคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่ ทำงานบริษัท ทำงานโรงงาน ธุรกิจค้าขาย และงานบริการ แต่ยังมีประชากรอีก 1 กลุ่ม ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 ค่อนข้างสูงไม่ต่างอะไรกับคนที่ใช้ชีวิตอยู่ข้างนอก

จากการเก็บข้อมูลวิจัยโดยแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลใน 69 ประเทศ ระหว่างเดือนพฤษภาคม 2563 - กุมภาพันธ์ 2564 พบว่าเฉพาะในสหรัฐอเมริกา มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในที่คุมขัง เรือนจำ และสถานกักกันต่าง ๆ สูงถึงกว่า 612,000 ราย และมีจำนวนผู้เสียชีวิตที่เป็นทั้งผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่ไม่ต่ำกว่า 2,700 คน และข้อมูลจาก ThaiPBS Online รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อในเรือนจำเชียงใหม่ 224 คน พบเป็นผู้ต้องขัง 189 คน เจ้าหน้าที่เรือนจำ 2 คน เรือนจำพิเศษกรุงเทพ 6 คนซึ่งรวมกรีนายชูเกียรติ แสงวงค์ หรือจัสติน และ อานนท์ นำภา เรือนจำนราธิวาส พบผู้ติดเชื้อ 127 คน พบเป็นผู้ต้องขัง 101 คน เจ้าหน้าที่เรื่อนจำ 24 คน เจ้าหน้าที่เรือนจำ 2 คน พยาบาลประจำเรือนจำ 1 คน และพบผู้เสียชีวิต 1 คน

ปัญหาหลักเกิดจากการขาดความสามารถในการจัดบริการตรวจหาเชื้อ และแนวทางการจัดการเรื่องสาธารณสุขที่ไม่ดีพอ ซึ่งในช่วงแรกของการแพร่ระบาด แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่เรือนจำก็ไม่สามารถข้าถึงบริการการตรวจหาเชื้อ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการขาดมาตรการป้องกันและปกป้องคุ้มครองในหลายประเทศ เช่น กัมพูชา ฝรั่งเศส อิหร่าน ปากีสถาน ศรีลังกา คองโก ตุรกี และสหรัฐอเมริกา

จากข้อมูลของ UN Office on Drugs and Crime (UNODC) พบว่าในกว่า 100 ประเทศทั่วโลกมีความพยายามปล่อยนักโทษกว่า 600,000 รายในปี 2563 เพื่อลดความแออัดในเรือนจำ ส่วนใหญ่เป็นนักโทษที่มีปัญหาสุขภาพ

การติดเชื้อในเรือนจำจากต่างประเทศ

  • เรือนจำเป็นศูนย์กลาง ของการแพร่ระบาดไวรัส เนื่องจากความแออัด การขาดสุขอนามัยและระบบการระบายอากาศ 
  • ไม่สามารถมีการรักษาระยะห่างทางกายภาพ ส่งผลให้เกิดการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในเรือนจำทั่วโลกกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ประเทศสหรัฐอเมริกามีรายงานการติดเชื้อกว่า 612,000 กรณีในเรือนจำและสถานกักกัน นอกจากนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตของผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่ไม่น้อยกว่า 2,700 ราย ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าการแพร่ระบาดและเสียชีวิตภายนอกที่คุมขังและเรือนจำกว่า 4 เท่าตัว
  • เดือนกันยายน 2563 ประเทศอินเดียมีรายงานการติดเชื้อใน เรือนจำ 351 แห่ง จาก 1,350 แห่ง ประมาณ 18,157 คน หรือหนึ่งในส่วนสี่แห่งของเรือนจำใน 25 รัฐทั่วประเทศ
  • เดือนกันยายน 2563 ประเทศปากีสถานมีจำนวนนักโทษติดเชื้อไม่น้อยกว่า 2,313 ราย
  • ในเดือนธันวาคม 2563 ประเทศเกาหลีใต้พบว่ามีผู้ต้องขัง 771 คน และเจ้าหน้าที่ 21 คน ติดเชื้อภายในระยะเวลาไม่กี่วัน ในศูนย์กักกันกรุงโซลตะวันออก และในวันที่ 4 มกราคม 2564 มียอดจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 1,041 คน ซึ่งถือเป็น 1 ใน 3 ของจำนวนผู้ต้องขังทั้งหมด
  • แอฟริกาใต้ เป็นหนึ่งในประเทศทวีปแอฟริกาที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 มีรายงานผู้ติดเชื้อกว่า 10,000 คนในเรือนจำหลายแห่ง กว่า 65% เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลเรือนจำ จนทำให้เรือนจำต้องทำการล็อคดาวน์เต็มรูปแบบ
  • ในยุโรป แม้ว่าจะมีความพยายามลดความแออัดในเรือนจำตั้งแต่การเริ่มระบาดของโควิด-19 แต่ในวันที่ 15 กันยายน 2563 ใน 38 เรือนจำที่มีการรายงานข้อมูล พบผู้ต้องขังไม่น้อยกว่า 3,300 คนและเจ้าหน้าที่เรือนจำ 5,100 คนติดเชื้อโควิด-19 จำนวนนี้ได้เพิ่มขึ้นอย่างน่ากังวล ในวันที่ 31 มกราคม 2564 ผู้ต้องขังและเด็กติดเชื้อจำนวน 19,354 คนในเรือนจำและสถานกักกันเยาวชน 126 แห่ง ในอังกฤษและเวลส์ และมีเจ้าหน้าที่ 12,184 คนติดเชื้อตั้งแต่การเริ่มแพร่ระบาดในช่วงแรก

ความแออัด

สถานที่คุมขังต่าง ๆ เผชิญปัญหานี้เหมือนกันทั่วโลก กว่า 102 ประเทศทั่วโลกมีรายงานเรื่องอัตราความหนาแน่นในเรือนจำมากกว่าร้อยละ 110 ผู้ต้องขังจำนวนมากเป็นผู้ต้องขังที่ถูกแจ้งข้อหาหรือกระทำความผิดที่ไม่ร้ายแรง รวมถึงจำนวนผู้ต้องขังที่ถูกจำคุกในระหว่างการพิจารณาคดีหรือการกักขังโดยพลการ เป็นส่วนหนึ่งของตัวเลขที่เกินสัดส่วน และมีจำนวนมากกว่าผู้ที่ถูกตัดสินคดีแล้วในกว่า 46 ประเทศ ยิ่งไปกว่านั้น กว่า 12 ประเทศในแอฟริกามีจำนวนนักโทษมากกว่าปริมาณที่รับได้กว่าร้อยละ 200 ในบุรุนดี ยูกันดา และแซมเบีย ร้อยละ 300 และในสาธารณรัฐคองโก สูงถึงร้อยละ 600

ผลกระทบด้านสุขภาพ

กลุ่มคนในสถานที่คุมขังมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 จากปัจจัยต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกัน คือ

1. บุคคลที่ถูกพรากเสรีภาพไปมักมีสภาพร่างกาย สุขภาพ และโรคภัยที่ซ่อนอยู่มากกว่าเมื่อเทียบกับประชากรทั่วไป เพราะการอยู่ในสภาพที่มีสุขอนามัยที่แย่กว่า สภาวะความเครียด โภชนาการที่ไม่ดี  ทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้ไม่ดี รวมถึงการระบาดของเชื้อไวรัสที่ติดต่อทางเลือด วัณโรค และสภาวะข้างเคียงจากการใช้ยาเสพติด

2. ในเรือนจำมักมีการแพร่ระบาดของโรคต่าง ๆ การอักเสบ และเชื้อโรคอันเนื่องมาจากสภาพความเป็นอยู่ที่เลวร้าย มีเหตุจากความแออัดและขาดการรักษาสุขอนามัย จากข้อมูลของผู้รายงานพิเศษเรื่องการสังหารนอกกระบวนการบุติธรรม อย่างรวบรัด และโดยพลการ (UN Special Rapporteur on Extrajudicial, Summary or Arbitrary Executions) พบว่า นักโทษมักมีปัญหาสุขภาพ เช่น เบาหวาน หัวใจ หอบหืด ความดันโลหิตสูง และการติดเชื้อในปอด เช่น โรคปอดบวมและวัณโรค

3. ผู้คนในเรือนจำมักไม่สามารถรักษาระยะห่างทางร่างกายได้

4. การดูแลและให้บริการด้านสุขภาพอาจมีอย่างจำกัด

หน่วยงานสหประชาชาติต่าง ๆ ได้เรียกร้องให้เห็นข้อเท็จจริงว่า นักโทษมักมีภาวะการกดภูมิคุ้มกัน การติดสารเสพติด และโรคติดต่อ เช่น เอชไอวี วัณโรค และ ไวรัสตับอักเสบ ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตจากการติดเชื้อ โควิด-19

มาตรฐานสากล 

ข้อกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำแห่งองค์การสหประชาชาติในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง หรือ ข้อกำหนดแมนเดลา (Nelson Mandela Rules) กล่าวถึงการรักษาความสะอาดและสุขอนามัย ดังนี้

  • ข้อกำหนด 15: มีเครื่องสุขภัณฑ์เพียงพอแก่ความจำเป็้นกับผู้ต้องขังทุกคน ทั้งต้องสะอาดและเหมาะสม
  • ข้อกำหนด 16: ที่อาบน้ำและฝักบัวต้องติดตั้งให้เพียงพอกับจำนวนผู้ต้องขังทุกคนที่จะอาบน้ำโดยมีอุณหภูมิที่เหมาะสมกับดินฟ้าอากาศ และให้สามารถอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดได้บ่อยตามความจำเป็นตามฤดูกาลและตามสภาพของแต่ละภูมิภาค โดยอย่างน้อยควรให้ผู้ต้องขังได้อาบน้ำสัปดาห์ละครั้งหากอยู่ในอุณหภูมิเขตอบอุ่น
  • ข้อกำหนด 17: ให้มีการดูแลรักษาอย่างเหมาะสมเป็นประจำสำหรับทุกส่วนภายในเรือนจำ ที่ใช้เป็นที่คุมขังโดยจะต้องทำความสะอาดอยู่ตลอดเวลา
  • ข้อกำหนด 18 (1): ผู้ต้องขังจะต้องรักษาร่างกายให้สะอาด ฉะนั้นจะต้องจัดหาน้ำและอุปกรณ์เครื่องใช้สำหรับห้องน้ำที่จำเป็นเพื่อสุขภาพและความสะอาดของผู้ต้องขังให้ด้วย
  • ข้อกำหนด 22 (2): น้ำต้องจัดไว้เพื่อให้ผู้ต้องขังทุกคนได้ดื่มเมื่อต้องการ

ข้อกำหนดสหประชาชาติว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำและมาตรการที่มิใช่การคุมขังสำหรับผู้กระทำผิดหญิง (ข้อกำหนดกรุงเทพ) มีความเกี่ยวข้องในบริบทนี้ด้วยเช่นกัน คือ

  • เรือนจำและห้องขังของผู้ต้องขังหญิงต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกและสิ่งของซึ่งตรงต่อความต้องการด้านสุขอนามัยของหญิงโดยเฉพาะ โดยอย่างน้อยรวมถึงผ้าเช็ดตัวที่สะอาด และการจัดส่งน้ำดื่มอย่างสม่ำเสนอให้เพียงพอต่อการดูแลเด็กและผู้หญิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงซึ่งทำอาหารตั้งครรภ์ ให้นมบุตรหรือมีประจำเดือน

สำหรับ จุลวรรณ เกิดแย้ม ผู้จัดทำกราฟิกนี้ ปัจจุบันเป็นนักศึกษาฝึกงานประจำกองบรรณาธิการประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท