Skip to main content
sharethis

นักปกป้องสิทธิฯ กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่ผาจันได ผุดแคมเปญ 'เปลี่ยนเหมืองหินเป็นป่าชุมชน SEED เลยคนละต้นฟื้นฟูเหมืองหินดงมะไฟ' พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการระดมทุนเพียงคนละ 27 บาท เพื่อ 27 ปี แห่งการต่อสู้สู่การปลูกป่าฟื้นฟูเหมืองหินดงมะไฟ ตั้งเป้าปลูกเมล็ดพันธุ์ลงบนเหมืองหินให้ได้กว่า 15,000 ต้น

13 พ.ค. 2564 กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได รายงานว่า ทางกลุ่มได้จัดทำแคมเปญ "เปลี่ยนเหมืองหินเป็นป่าชุมชน SEED เลยคนละต้นฟื้นฟูเหมืองหินดงมะไฟ" ระดมทุน 27 บาท เพื่อ 27 ปี แห่งการต่อสู้สู่การฟื้นฟูเหมืองหินดงมะไฟ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้มีส่วนร่วมในการฟื้นฟูป่าไม้ที่ถูกทำลายจากเหมืองหินในพื้นที่ ต.ดงมะไฟ จ.หนองบัวลำภู

กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่ผ่าจันได
 

ทั้งนี้ เป็นเวลากว่า 27 ปีแล้ว ที่นักปกป้องสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและสิ่งแวดล้อมกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได ยืนหยัดต่อสู้คัดค้านการทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง) และโรงโม่หิน ประทานบัตรที่ 27221/15393 ของบริษัท ธ.ศิลาสิทธิ จำกัดที่ชุมชนได้รับผลกระทบทางด้านสุขภาพ สิทธิชุมชนและสิทธิมนุษยชนและมีนักปกป้องสิทธิมนุษยชนถูกสังหารไปแล้ว 4 คน

จนเมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2563 ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ ได้ทำการปักหลักชุมนุมปิดบริเวณทางเข้า-ออกเหมืองหินและโรงโม่ด้วยตัวเอง พร้อมเรียกร้อง 3 ข้อ คือ ปิดเหมืองหินและโรงโม่ ฟื้นฟูภูผาป่าไม้ และพัฒนาดงมะไฟเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศวัฒนธรรมและอารยธรรมโบราณคดี และวันที่ 4 ก.ย. 2563 ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ ได้จัดกิจกรรม ทวงคืนภูผาป่าไม้ "เปลี่ยนเขตเหมืองหินให้เป็นเขตป่าชุมชน" หลังใบอนุญาตเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเก่ากลอยและป่านากลางหมดอายุลง ต่อมาในวันที่ 25 ก.ย. 2563 ได้จัดกิจกรรม 26 ปี การต่อสู้สู่ชัยชนะ "เปลี่ยนโรงโม่หินเป็นป่าชุมชน หยุดเหมืองหินถาวร" เนื่องจากใบประทานบัตรเพื่อทำเหมืองหินหมดอายุลง นับว่าเป็นการปิดเหมืองหินและโรงโม่ได้สำเร็จตามข้อเรียกร้องที่ 1 และกำลังก้าวเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูภูผาป่าไม้ตามข้อเรียกร้องที่ 2 ซึ่งปัจจุบันชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ ยังคงปักหลักชุมนุมปิดทางเข้า-ออกเหมืองหินและโรงโม่อย่างต่อเนื่อง

ลำดาน วงค์คำจันทร์ ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนจากกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันไดกล่าวถึงที่มาที่ไปของการจัดทำแคมเปญในครั้วงนี้ว่า "เราได้ทำการปิดเหมืองหินปูนและโรงโม่ด้วยตัวเองสำเร็จแล้ว และกำลังก้าวเข้าสู่การฟื้นฟูตามข้อเรียกร้องที่ 2 ซึ่งเราได้วางแผนว่าจะสร้างเรือนเพาะชำและเพาะเมล็ดพันธ์กล้าไม้ เพื่อนำกล้าไม้ที่ได้ไปปลูกฟื้นฟูบนพื้นที่ที่เคยทำเหมืองในฤดูฝนที่จะมาถึงนี้ โดยเรามีเป้าหมายในการเพาะพันธุ์กล้าไม้ในครั้งนี้จำนวน 15,000 ต้นขึ้นไป ซึ่งตอนนี้เราได้สร้างเรือนเพาะชำและเพาะเมล็ดพันธ์กล้าไม้ไปแล้วบางส่วนและต้องการที่จะสร้างเรือนเพาะชำและเพาะเมล็ดพันธุ์กล้าไม้ต่อให้ครบตามเป้าที่วางไว้ ซึ่งจำเป็นต้องใช้ทุนจำนวนมากในการนำไปซื้ออุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็น ตะปู ผ้าสแลน ตาข่ายพลาสติก แกลบดำ ดิน ถุงดำ ฯลฯ"

ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิจากกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่ผาจันไดกำลังช่วยกันเพาะพันธุ์เมล็ดกล้า
 

"เราเองก็ไม่มีทุนจึงได้จัดทำแคมเปญนี้ขึ้นเพื่อต้องการให้ประชาชนทุกคนได้มีส่วนร่วมในการฟื้นฟูเหมืองหินให้กลับมาเป็นป่าชุมชนด้วยกันกับพวกเรา โดยประชาชน สามารถร่วมสมทบทุนได้คนละ 27 บาท โดยตัวเลข 27 บาทนั้นเราอยากให้เป็นสัญลักษณ์ของชาวบ้านที่ต่อสู้คัดค้านเหมืองหินปูนและโรงโม่หินกว่า 27 ปี และเราจะเปลี่ยนเหมืองหินปูนเป็นป่าชุมชนที่อุดมสมบูรณ์ เป็นป่าชุมชนที่ชาวบ้านทุกคนสามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ได้ ฟื้นฟูทุกอย่างให้กลับคืนมาแบบเดิม และเตรียมพื้นที่สำหรับพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวในอนาคตตามข้อเรียกร้องที่ 3 ด้วย"

สำหรับประชาชนที่สนใจสามารถบริจาคได้ที่ ธนาคารออมสินสาขาสุวรรณคูหา เลขบัญชี 020317684940 ชื่อบัญชี นางสุนี อนุเวช และนางสาวดวงฤทัย ทองคำแสน หรือสามารถส่งเมล็ดพันธุ์มาร่วมปลูกฟื้นฟูป่าได้ที่ กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได บ้านเลขที่ 81 หมู่ 11 บ้านนาเจริญ ตำบลดงมะไฟ อำเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลำภู 39270 พร้อมติดตามรายละเอียดแคมเปญเพิ่มเติมได้ที่เพจเฟซบุ๊ก 'เหมืองแร่หนองบัว' และเพจ 'The story of แม่หญิงไฟ้ท์'

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net