Skip to main content
sharethis

รมว.ยุติธรรม แจงผู้ต้องขังติดโควิด-19 เยอะเหตุจากคนเข้าใหม่ "ราชทัณฑ์"ยันไม่มีการปกปิดข้อมูลแต่แค่รอทราบผลตรวจคนทั้งเรือนจำก่อนรายงาน เผยทำเรื่องหายา-วัคซีนให้นักโทษทุกคนแล้วคาดได้เดือนมิถุนายนนี้ เรื่องประกันตัวศาลกำลังประชุมหาแนวทางอยู่

สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม(กลาง)

13 พ.ค.2564 เวลา 14.00 น. ที่กรมราชทัณฑ์ สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย ตัวแทนจากกรมราชทัณฑ์ได้แก่ อายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นพ.วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ แถลงข่าวกรณีมีผู้ต้องขังในเรือนจำติดโควิด-19 จำนวนมากถึง 2,835 รายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพและทัณฑสถานหญิงกลาง

สมศักดิ์ กล่าวว่า การป้องกันโควิดในเรือนจำและผู้ต้องขังทั่วประเทศ ที่ผ่านมาตนได้พยายามลดความแออัดภายในเรือนจำทั่วประเทศจากเดิมที่ช่วงที่ตนรับตำแหน่งใหม่ๆ มีผู้ต้องขัง 390,000 คนทั่วประเทศ ตอนนี้    เหลือไม่ถึง 310,000 คน นอกจากนี้กรมราชทัณฑ์ได้ขอพระราชทานอภัยโทษให้กับผู้ต้องขังประพฤติดี ข้อหาไม่ร้ายแรงอีกหลายหมื่นคน และใช้การพักโทษพิเศษสวมกำไล EM 50,000 คน ซึ่งตอนนี้ได้ติดกำไลแล้ว 20,000 คน ทั้งนี้ยังไม่สามารถลดผู้ต้องขังได้มากกว่านี้เนื่องจากยังไม่สามารถแก้ไขประมวลกฎหมายยาเสพติดเพื่อปรับอัตราโทษผู้ต้องขังยาเสพติดให้เหมาะสม ที่จะทำให้ลดผู้ต้องขังได้เกือบ 50,000 คน 

สมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการตรวจหาเชื้อในเรือนจำทำได้อย่างรวดเร็วเพราะได้รถพระราชทานตรวจโควิด ทำให้ตรวจได้เร็ว และส่งข่าวให้ญาติทั้งหมดทราบแต่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากทำไม่ได้เร็ว เนื่องจากมีบุคลากรน้อยผู้คุม 1 คนต้องดูแลผู้ต้องขังมากถึง 33 คน ซึ่งตามมาตรฐานสากล ผู้คุม 1 คนจะดูแลผู้ต้องขัง 6 คนเท่านั้น อีกทั้ง 2 เรือนจำที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากก็เป็นเรือนจำที่รับผู้ต้องขังใหม่อยู่ตลอด ต่างจากเรือนจำอื่นๆ ส่วนการออกไปศาล เราได้ประสานกับศาลแต่ละจังหวัดแล้ว ขอให้งดไปในระยะนี้ก่อน เชื่อว่าศาลท่านจะเข้าใจ และสถานการจะคลี่คลายได้ 

"ผมขอยืนยัน รัฐบาล โดยท่านนายกฯ สั่งกำชับ ประสานงานมาตลอด ให้ดูแลผู้ต้องขังทุกคนอย่างดี หากยาที่ได้จากสาธารณสุขไม่พอ ทางกรมราชทัณฑ์จะจัดซื้อเองเพื่อรักษาทุกคน ขอให้ญาติผู้ต้องขังทุกคนสบายใจได้ นอกจากนี้ยังมีการประสานจากแพทย์แผนไทย เรื่องการใช้ฟ้าทลายโจรมาใช้ด้วย ยืนยันเราเตรียมพร้อมป้องกันเบื้องต้นมาตลอด" นายสมศักดิ์ กล่าว 

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการปิดข่าวว่ามีผู้ต้องขังติดเชื้อมาก่อนหน้านี้หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เราไม่มีการปิดข่าว เปิดเผยข้อมูลทุกอย่างมาตลอด 

ด้าน นพ.วีระกิตติ์ กล่าวว่า ไม่เคยมีการปิดบังข้อมูล รพ.ราชทัณฑ์มีการตรวจตลอด ซึ่งต้องกรอกเลขบัตรประชาชนสามารถเข้าระบบโดยในเดือนเม.ย. ตรวจพบเพียงหลักร้อยเท่านั้น โดยรพ.ราชทัณฑ์สามารถรองรับการตรวจเชื้อได้ทั้ง 2 เรือนจำแต่อาจจะตรวจได้ช้าวันละประมาณ 300 ราย แต่เมื่อเราได้รถตรวจพระราชทาน จึงตรวจได้เร็วขึ้น และดำเนินการตามหลักการตรวจเชิงรุก 100% เพื่อแยกคนติดเชื้อออก และได้มีการตั้งโรงพยาบาลสนามตั้งแต่พบผู้ติดเชื้อหลักร้อยโดยเป็นการประสานกันระหว่างกรมราชทัณฑ์กับกระทรวงสาธารณสุขในการเตรียมความพร้อม

ในประเด็นผู้ติดเชื้อในเรือนจำจังหวัดอื่นๆ นพ.วีระกิตติ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีที่เรือนจำนราธิวาสที่มีผู้ติดเชื้อ 400 กว่าคน แต่ตอนนี้ควบคุมได้แล้ว ส่วนที่อื่นๆ ดำเนินการตามสาธารณสุขยังไม่พบ ซึ่งเราได้มีการปรับเพิ่มการกักตัวใหม่เป็น 21 วันตามลักษณะเชื้อไวรัสที่และตรวจเชื้อ 2 ช่วง คือตอนเข้า 3 วันแรกและหลังกักตัวช่วงวันที่ 12-14  และใช้ชุดตรวจ Rapid Test ตรวจทันทีที่ออกจากศาลจะได้รวดเร็วในการคัดกรองมากขึ้น

นพ.วีระกิตติ์ตอบประเด็นเรื่องแผนการจัดหาวัคซีนให้กับผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่เรือนจำว่า ต้องขัง ขณะนี้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้ลงนามอนุมัติไปยังกระทรวงจัดหาวัคซีนฉีดให้ผู้ต้องขังทั่วประเทศแล้ว คาดว่าจะได้วัคซีนในล็อตถัดมาภายในเดือนมิถุนายนนี้ โดยจะฉีดให้กับกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่น มีน้ำหนักมาก อายุมาก ผู้ที่มีโรคประจำตัวก่อน โดยตอนนี้ฉีดให้ข้าราชการที่ต้องทำงานในกลุ่มเสี่ยงไปบ้างแล้ว เรื่องเหล่านี้เราได้เตรียมความพร้อมไปแล้ว 

นพ.วีระกิตติ์ตอบในประเด็นที่ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการแยกจำนวนผู้ติดเชื้อที่เป็นเจ้าหน้าที่เรือนจำหรือไม่ว่า มีเจ้าหน้าที่ติดเชื้อในทัณฑสถานหญิงกลาง 1 ราย และในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ 5 ราย ซึ่งน้อยกว่าในเรือนจำกลางนราธิวาสที่มีเจ้าหน้าที่เรือนจำติดเชื้อมากกว่า ส่วนประเด็นผู้ต้องขังที่ติดเชื้อและเข้าไปในระบบของโรงพยาบาลราชทัณฑ์จำนวน 1,295 คน เป็นผู้ติดเชื้อที่เป็นกลุ่มสีเขียว 1,146 คน สีเหลือง 145 คน เป็นสีแดง 4 คน มี 1 รายที่ใช้เครื่องช่วยหายใจเนื่องจากโรคเส้นเลือดอุดตันในสมองและตอนนี้ไม่รู้สึกตัว นอกจากนั้นยังมีการเตรียมยาที่อยู่นอกบัญชียาหลักคือยาเรมเดซิเวียร์มาสำรองไว้

ในด้านการป้องกัน รองอธิบดีราชทัณฑ์ตอบว่า ทางเรือนจำก็มีการตรวจคัดกรองและมีการเอกซเรย์ปอดทุกคนและใช้แนวทางบับเบิ้ลแอนด์ซีลคือคนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้าทั้งเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังแต่ก็อาจจะมีอุปสรรคบ้างเนื่องจากมีการรับผู้ต้องขังรายใหม่เข้า และประสานกับทางศาลยุติธรรมในการตัดสินคดีต่างๆ และใช้อำนาจของอธิบดีในการย้ายผู้ต้องขังที่ตรวจโควิด-19 แล้วผลเป็นลบให้ย้ายไปยังเรือนจำที่สถานการณ์ยังสงบอยู่ 

นพ.วีระกิตติ์กล่าวอีกว่ามีการตรวจผู้ต้องขังทั้ง 100% และแยกผู้ติดเชื้อออกทั้งหมดโดยส่วนใหญ่ไปอยู่ที่โรงพยาบาลสนามเกือบทั้งหมด ซึ่งมีการเตรียมเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่พบผู้ติดเชื้อหลักร้อยเพราะประเมินแล้วว่าน่าจะมีผู้ติดเชื้อในเรือนจำเป็นจำนวนมาก 

ผู้สื่อข่าวถามว่าต้นตอจากการติดเชื้อมาจากไหน มีการสืบสวนโรคอย่างไรบ้าง อายุตม์ กล่าวว่า ในส่วนของทัณฑสถานหญิงกลาง มาจากผู้ต้องขังเข้าใหม่ ส่วนเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มาจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งทุกคนที่ตรวจพบเชื้อได้ส่งรักษาแล้ว  และกักโรคแยกไปเฉพาะเมื่อพบว่ามีอาการหรือมาจากพื้นที่เสี่ยงก็จะมีห้องกักโรคเสี่ยงสูงที่แยกออกไปต่างหากจากกลุ่มผู้ต้องขังรายใหม่ที่มีความเสี่ยงต่ำซึ่งเป็นนโยบายที่ใช้กับเรือนจำทั่วประเทศ 

ส่วนเรื่องวัคซีน อายุตม์กล่าวว่าตนได้ประสานกับทางอธิบดีกรมควบคุมโรคเพื่อจัดหาวัคซีนแล้วเบื้องต้นก้จะมีการฉีดให้กับคนที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพและทัณฑสถานหญิงกลางก่อนส่วนในต่างจังหวัดก็จะให้ผู้บัญชาการเรือนจำแต่ละแห่งไปประสานกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อจัดหาวัคซีนต่อไปและทราบว่าในบางจังหวัดผู้ต้องขังได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วทั้งเรือนจำ และให้มีการจัดซื้อฟ้าทลายโจรมาใหสำหรับผู้ต้องขังที่ติดเชื้อแต่ยังไม่แสดงอาการ

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการประสานกับทางศาลยุติธรรมไว้อย่างไรบ้างเรื่องการให้ประกันตัวผู้ต้องขังทั้งการกำหนดหลักทรัพย์ประกันหรือการใช้มาตรการอื่นแทนเช่นติดกำไล EM อธิบดีราชทัณฑ์ตอบในประเด็นนี้ว่า กรมราชทัณฑ์มีหนังสือถึงผู้บัญชาการเรือนจำทั่วประเทศให้ขอความอนุเคราะห์ทางศาลจังหวัดลดการเบิกผู้ต้องขังไปศาล หากจำเป็นให้ใช้วิดีโอคอนเฟอเรนซ์แทนการไปศาล และขอศาลจังหวัดใช้มาตรการอื่นแทนการส่งตัวเข้าเรือนจำอาทิการปล่อยตัวชั่วคราวหรือการใช้กำไลติดซึ่งเป็นอำนาจของศาลในการพิจารณาอยู่แล้ว ส่วนของเรือนจำในกรุงเทพว่า จากการประสานกับศาลยุติธรรม ประธานศาลฎีกาก็ได้หาแนวทางเพื่อจัดการแล้ว

นพ.วีระกิตติ์ตอบเสริมว่า ทางศาลอาญาก็ได้ประสานมาว่าทางศาลเห็นสถานการณ์ของเรือนจำพิเศษกรุงเทพและทัณฑสถานหญิงกลางแล้วว่ามีการติดเชื้อกว่า 50% ทางศาลก็เลยได้ให้แนวทางว่าใช้ระบบคอนเฟอเรนซ์แต่เมื่อต้องย้ายตัวผู้ต้องขังออกมาจากโรงพยาบาลสนามมีความเสี่ยงก็ให้มีหนังสือถึงศาลขอเลื่อนการพิจารณาคดีไปก่อนได้

รองอธิบดีราชทัณฑ์กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการพิจารณาหลักทรัพย์ประกันตัวว่า ทางศาลกำลังประชุมเพื่อหาแนวทางอยู่ แต่ก็มีข้อกฎหมายเรื่องอื่นเรื่องการระบาดของโรคร้ายแรงที่ศาลเอาไปพิจารณาด้วย แต่ตนก็ยังไม่ทราบคำตอบ แต่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ในการให้ประกันตัว

นพ.วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าจะมีการตรวจซ้ำในเรือนจำหรือไม่เพราะอาจมีผู้ติดเชื้อเพิ่มอีกและจะมีการรายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อในเรือนจำทุกวันหลังจากนี้หรือไม่ นพ.วีระกิตติ์ตอบว่าจากการประชุมมีข้อสรุปว่าทุกวัน 10.00 น.จะมีรายงานสถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อออกเผยแพร่ทุกวันและจะมีการตรวจซ้ำผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อทุกวันอีก 7 วันว่ามีการติดเชื้อเพิ่ม และเมื่อเข้าสู่สภาวะปกติที่

รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมกล่าวว่า เรามีการสืบสวนโรคอยู่แล้ว หากผลออกมาเป็นอย่างไรจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง ส่วนกรณีที่มีภาพหน้ากากที่บางมากในเฟซบุ๊ก ตนได้ให้สอบข้อเท็จจริงแล้ว หากอะไรที่เปิดเผยออกมาได้เผยปัญหาจะจบ ในส่วนของญาติผู้ต้องขังที่ไม่สบายใจ ยืนยันดูแลอย่างดี และจะส่งข่าวกับญาติผู้ต้องขังให้รับรู้ และมีช่องทางให้ญาติติดต่อได้กับกรมราชทัณฑ์ 

“เมื่อญาติผู้ต้องขังไม่สบายใจ ก็อยากให้คิดว่าเป็นอนาคตที่ดี เพราะการติดซ้ำมันยาก สำหรับคนที่ยังไม่ติดก็จะดูแลอย่างดีเยี่ยม” สมศักดิ์กล่าวก่อนจบการแถลง

การแถลงข่าวครั้งนี้มีขึ้นหลังจากเมื่อวานนี้(12 พ.ค.2564) กรมราชทัณฑ์เปิดเผยยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เฉพาะภายในพื้นที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพและทัณฑสถานหญิงกลางที่พบจากการตรวจเชิงรุกทั้งเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังพบผู้ติดเชื้อรวม 2,835 คน แบ่งเป็นเรือนจำพิเศษกรุงเทพ 1,795 คน (ยอดผู้ต้องทั้งหมด ณ วันที่ 2 พ.ค.64 จำนวน 3,275 คน) และทัณฑสถานหญิงกลาง 1,040 คน(ยอดผู้ต้องทั้งหมด ณ วันที่ 2 พ.ค.64 จำนวน 4,485 คน)

นอกจากนั้นยังปรากฏว่านักโทษการเมืองทั้งที่ยังอยู่ในเรือนจำโดยที่ยังไม่ได้รับสิทธิประกันตัวและที่ได้รับการประกันตัวออกมาแล้วหลายรายที่ปรากฏว่ามีการติดเชื้อโควิด-19 ได้แก่ อานนท์ นำภา, ชูเกียรติ แสงวงค์, ธวัช สุขประเสริฐ, ศักดิ์ชัย ตั้งจิตสดุดี, สมคิด โตสอย, ฉลวย เอกศักดิ์, ปริญญา ชีวินปฐมกุล หรือ "พอร์ท ไฟเย็น", ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และพรชัย (สงวนนามสกุล)

ล่าสุด เช้าวันนี้ยังมีรายงานอีกว่าภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ที่ยังถูกขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพก็ติดเชื้อโควิด-19 ด้วยเช่นกันและ สันติ บุตรดี ผู้พิพากษาศาลอาญา มีคำสั่งงดไต่สวนคำร้องขอประกันตัวของภาณุพงศ์โดยอ้างหนังสือกรมราชทัณฑ์ และสำนักงานศาลที่ระบุให้งดการเบิกตัวผู้ต้องขังมายังศาล และงดพิจารณาคดีผ่านคอนเฟอเรนซ์ไว้ก่อน จนถึงวันที่ 27 พ.ค. 2564 เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้อยู่ในพื้นที่ที่เรือนจำกำหนด ซึ่งก่อนหน้านี้ ในวันที่ 11 พ.ค. 2564 ทนายความและมารดาของภาณุพงศ์ ได้เข้ายื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนการประกันตัวแบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ หรือไต่สวนจำเลยในห้องอื่นที่ไม่ใช่ห้องพิจารณาคดี แต่ศาลปฏิเสธและส่งตัวภาณุพงศ์กลับเรือนจำ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net