แอมเนสตี้ฯ เรียกร้องประชาคมโลกยุติความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์-กต.กังวลเหตุรุนแรง

14 พ.ค. 2564 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ออกแถลงการณ์เรียกร้องประชาคมโลก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ยอมให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติออกแถลงการณ์ประณามการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ กรณีความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์อย่างรุนแรงทันที ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของไทยแสดงความกังวลต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้น พร้อมแสดงความเสียใจต่อผู้ได้รับผลกระทบ

แอมเนสตี้ฯ ออกแถลงการณ์ให้กองกำลังอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์หยุดละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ

ฝ่ายสื่อสารองค์กร แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย รายงานว่า แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลออกแถลงการณ์ระบุว่า กองกำลังอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ ในฉนวนกาซา ต้องไม่ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศซ้ำ ซึ่งนำไปสู่การสังหารและทำให้พลเรือนได้รับบาดเจ็บ และทำลายบ้านเรือนและโครงสร้างพื้นฐาน แบบเดียวกับสงครามที่เคยเกิดขึ้นหลายครั้งก่อนหน้านี้

นับแต่วันที่ 10 พ.ค. 2564 กลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ยิงจรวดกว่า 1,500 ลูกเข้าไปยังเขตพลเรือนตอนกลางของอิสราเอล และตามเมืองต่างๆ ใกล้กับพรมแดนฉนวนกาซา ส่งผลให้พลเรือนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ กองกำลังอิสราเอลได้โจมตีทางอากาศเพื่อสังหาร และทำให้พลเรือนในฉนวนกาซาได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังสร้างความเสียหายและทำลายตึกซึ่งเป็นอาคารที่พักอาศัยอย่างน้อยสองแห่ง ซึ่งเป็นที่อยู่ของครอบครัวชาวปาเลสไตน์หลายครอบครัว และเป็นตึกสำนักงานอีกตึกหนึ่งในฉนวนกาซา โดยเป็นการโจมตีอย่างมีเป้าหมาย ที่มีลักษณะเป็นการลงโทษแบบกลุ่มต่อประชากรชาวปาเลสไตน์ทั้งหมด ความรุนแรงครั้งนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 53 คน รวมทั้งเด็ก 14 คนในฉนวนกาซา และ 7 คนในอิสราเอล

ซาเลห์ ฮีกาซี รองผู้อำนวยการภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเผยว่า การขัดแย้งกันด้วยอาวุธที่รุนแรงขึ้นระหว่างอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา ทำให้กังวลว่าจะมีการนองเลือดของพลเรือนที่เพิ่มขึ้นอีกมาก รวมทั้งการทำลายบ้านเรือนและโครงสร้างพื้นฐานในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ทุกฝ่ายในความขัดแย้งครั้งนี้ ต่างมีพันธกรณีอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดที่จะต้องคุ้มครองพลเรือน พวกเขาต้องรำลึกว่า ในปัจจุบันศาลอาญาระหว่างประเทศอยู่ระหว่างการสอบสวนข้อมูลอย่างเต็มที่ และพวกเขาต้องไม่คิดเอาเองว่า จะสามารถลอยนวลพ้นผิดจากการละเมิดแบบที่ผ่านๆ มาได้

“ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นครั้งนี้ มีลักษณะคล้ายกับการปะทะกันอย่างน่ากลัวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปี 2551, 2555 และ 2557 อันเป็นเหตุให้พลเรือนต้องเป็นฝ่ายรับเคราะห์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากและการทำลายทรัพย์สินเกิดขึ้นในฉนวนกาซา ซึ่งเป็นดินแดนที่ถูกปิดกั้นอย่างผิดกฎหมาย และมีลักษณะเป็นการลงโทษแบบเหมารวมตั้งแต่ปี 2550

“ทุกฝ่ายในความขัดแย้งครั้งนี้ ต่างมีพันธกรณีอย่างเบ็ดเสร็จที่จะต้องคุ้มคอรงพลเรือน” ซาเลห์ ฮีกาซี แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลกล่าว

“ทั้งกองกำลังอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ ได้ก่ออาชญากรรมสงคราม และการละเมิดอย่างอื่นโดยไม่ต้องรับผิดมาก่อน อิสราเอลมีสถิติที่น่าเศร้าใจจากการโจมตีอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมายในฉนวนกาซา ทั้งการสังหารและทำให้พลเรือนได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งการก่ออาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ กลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ก็ได้ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศโดยไม่ต้องรับผิดเช่นกัน”

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้ประณามกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์อย่างต่อเนื่อง จากการยิงจรวดโดยไม่เลือกเป้าหมาย

“การยิงจรวดที่ขาดเป้าหมายอันแม่นยำไปยังเขตที่ประชาชนอาศัยอยู่ อาจถือเป็นอาชญากรรมสงคราม และทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตพลเรือนทั้งสองฝ่าย ทั้งในอิสราเอล/ พรมแดนฉนวนกาซา” ซาเลห์ ฮีกาซีกล่าว

ในอิสราเอล ชาวปาเลสไตน์วัย 50 ปี ซึ่งเป็นพลเมืองของอิสราเอล กับลูกสาววัย 15 ปี ถูกจรวดยิงใส่จนเสียชีวิตในหมู่บ้านโดห์มอชซึ่งไม่มีสถานะตามกฎหมาย โดยตั้งอยู่ด้านนอกของเมืองลิดดา ทางตอนกลางของอิสราเอล ชุมชนแห่งนี้ไม่มีทางเชื่อมต่อไปยังอาคารหลบภัย และไม่มีการติดตั้งสัญญาณเตือนผ่านระบบไซเรน กรณีที่มีการยิงจรวดมาจากฉนวนกาซา

การลงโทษแบบเหมารวมหรือ collective punishment

ในฉนวนกาซา กองกำลังอิสราเอลได้โจมตีอาคารที่พักอาศัยหลายแห่ง ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดของวันที่ 11 พ.ค. 2564 โดยอาคารฮานาดี เรสซิเดนเชียล ทาวเวอร์ ซึ่งเป็นที่พักอาศัย 13 ชั้น ถูกทำลายจนราบเป็นหน้ากลอง โดยมีการเตือนให้พลเรือนย้ายออกก่อนจะมีการยิงระเบิดใส่ ตึกอัล-จอฮารา ซึ่งเป็นอาคารสำนักงาน ก็ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ในขณะที่ตึกอัล-ชูรุค ก็ถูกทำลายจนราบเป็นหน้ากลองเช่นกันในวันที่ 12 พ.ค. 2564 อาคารอื่นๆ ได้รับความเสียหายบางส่วน เนื่องจากมีการเล็งเป้าหมายที่อาคารบางแห่ง

“การพุ่งเป้าโจมตีวัตถุของพลเรือน และการทำลายทรัพย์สินอย่างกว้างขวางและปราศจากความชอบธรรม ถือเป็นอาชญากรรมสงคราม การทำลายตึกหลายชั้นซึ่งเป็นที่พักอาศัยทั้งหลัง ส่งผลให้หลายสิบครอบครัวไม่มีที่อยู่อาศัย ย่อมถือเป็นการลงโทษแบบกลุ่มต่อประชากรชาวปาเลสไตน์ และละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ”

“แม้ว่าบางส่วนของอาคารจะถูกใช้เพื่อจุดประสงค์ทางการทหาร แต่ทางการอิสราเอลมีพันธกรณีต้องเลือกแนวทางและวิธีการโจมตี ที่ทำให้เกิดความเสี่ยงน้อยสุดต่อพลเรือนและทรัพย์สินของพวกเขา”

“การทำลายตึกหลายชั้นซึ่งเป็นที่พักอาศัยทั้งหลัง ส่งผลให้หลายสิบครอบครัวไม่มีที่อยู่อาศัย ย่อมถือเป็นการลงโทษแบบกลุ่มต่อประชากรชาวปาเลสไตน์ และละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ” ซาเลห์ ฮีกาซี กล่าว

การโจมตีที่มีเป้าหมายเป็นห้องพักอาศัยที่อยู่ชั้นบนสุดของตึกเจ็ดชั้นชื่อ 'ทีบา อพาร์ตเมนต์' ส่งผลให้ผู้หญิงคนหนึ่งและลูกชายวัย 19 ปีที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาเสียชีวิต โดยทั้งสองคนอาศัยอยู่ในชั้นล่างถัดลงมา

การโจมตีอาคารที่พักอาศัย 14 ชั้นที่ชื่อ 'อัล-จันดี อัล-มาจฮูล' ส่งผลให้สมาชิกชาวปาเลสไตน์สามคนของกลุ่มอิสลามิกญีฮัดเสียชีวิต พลเรือนคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในอาคารดังกล่าว และตื่นขึ้นจากเสียงระเบิดบอกว่า

“อาคารสั่นไหวทั้งหลังอย่างน่ากลัว....เมื่อพวกเราไปดูที่หน้าต่าง....พวกเราต่างมองหน้ากันเลิกลัก และพากันตะโกนร้อง ‘ออกไปจากอาคารทันที’ เพราะกำลังถูกโจมตี....อีกไม่กี่นาทีต่อมา ดิฉันออกไปข้างนอก และมีคนมาดึงดิฉันไปพ้นจากอันตราย....ซึ่งเป็นเรื่องน่าตลกที่พูดเช่นนี้ เพราะความจริงแถวนั้นไม่มีพื้นที่ใดที่ปลอดภัยและเหมาะแก่การหลบภัยได้เลย

“จนถึงตอนนี้ [อาคาร] ยังไม่ [ถล่มลงมา] แต่ความหวาดกลัวในใจก็ทำให้เราแย่มากพอแล้ว เราไม่สามารถหลับได้เลย เสียงระเบิดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดิฉันมีลูกสาวอายุสองขวบครึ่ง และครั้งนี้เป็นสงครามครั้งแรกสำหรับเธอ ดิฉันกลัวมาก และไม่รู้จะปลอบเธอได้อย่างไร” เธอกล่าว และเสริมว่า “ที่มันน่าตกใจเพราะพวกเขาสามารถเล็งเป้าหมายบุคคลที่ต้องการสังหารได้อย่างแม่นยำแบบที่เขาทำกับตึกของเรา แต่แทนที่จะทำเช่นนั้น พวกเขากลับเลือกที่จะทำลายตึกทั้งหลังจนราบเป็นหน้ากลอง มันหมายความว่าอย่างไร? ดิฉันเชื่อว่าอาคารทั้งหลังไม่ได้เป็นภัยต่อความมั่นคงอย่างแน่นอน”

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเรียกร้องประชาคมระหว่างประเทศ สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ รวมทั้งสหรัฐอเมริกา ให้ประณามอย่างเปิดเผยต่อการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และกดดันคู่กรณีของความขัดแย้งทุกฝ่ายให้คุ้มครองพลเรือน สหรัฐฯ ต้องหยุดเตะถ่วง และยอมให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติออกแถลงการณ์ประณามอย่างรุนแรงทันที

“ประชาคมระหว่างประเทศยังต้องกดดันอิสราเอลให้แก้ไขสาเหตุที่รากเหง้า โดยความรุนแรงที่เกิดขึ้นรอบนี้ เป็นผลมาจากการลอยนวลพ้นผิดอย่างยาวนานจากอาชญากรรมสงคราม และการละเมิดอย่างร้ายแรงอื่นๆ ต่อกฎหมายระหว่างประเทศ”

“สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ต้องแสดงจุดยืนที่หนักแน่นและเปิดเผย และประกาศใช้มาตรการห้ามซื้อขายอาวุธที่รอบด้านต่ออิสราเอล กลุ่มฮามาส และกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์อื่น ๆ โดยทันที โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันการละเมิดอย่างร้ายแรงต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และการละเมิดสิทธิมนุษยชนของคู่กรณีในความขัดแย้งนี้อีก”

“ประชาคมระหว่างประเทศยังต้องกดดันอิสราเอลให้แก้ไขสาเหตุที่รากเหง้า โดยความรุนแรงที่เกิดขึ้นรอบนี้ เป็นผลมาจากการลอยนวลพ้นผิดอย่างยาวนานจากอาชญากรรมสงคราม และการละเมิดอย่างร้ายแรงอื่น ๆ ต่อกฎหมายระหว่างประเทศ รวมทั้งการขยายการพัฒนาพื้นที่อาศัยอย่างผิดกฎหมาย การปิดกั้นการเข้าออกของฉนวนกาซา และการบังคับขับไล่และยึดครองพื้นที่ของชาวปาเลสไตน์ อย่างที่เกิดขึ้นกับคนที่อาศัยอยู่ในเขตชีค จาร์ราห์ (Sheikh Jarrah)” ซาเลห์ ฮีกาซีกล่าว

กต. กังวลสถานการณ์รุนแรง และแสดงความเสียใจต่อผู้ได้รับผลกระทบ

ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของไทย เผยแพร่ถ้อยแถลงของไทยต่อสถานการณ์ความรุนแรงในอิสราเอลและปาเลสไตน์ ระบุว่า ไทยมีความห่วงกังวลอย่างยิ่งต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นในอิสราเอลและปาเลสไตน์ในขณะนี้ และขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องใช้ความยับยั้งชั่งใจอย่างสูงสุด และหลีกเลี่ยงการกระทำยั่วยุใด ๆ ที่จะทำให้สถานการณ์ทวีความรุนแรง และส่งผลให้พลเรือนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บและสร้างความเสียหายต่อสถานที่ทางประวัติศาสตร์ไปมากกว่านี้ ไทยขอแสดงความเสียใจและความเห็นใจต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้น

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท