Skip to main content
sharethis

21 พ.ค. 2564 ทนายยื่นประกัน 'อานนท์-ไมค์' เหตุเสี่ยงติดโควิด-19 ซ้ำในเรือนจำ ศาลนัดไต่สวน 1 มิ.ย. ขณะที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม ขอถอนประกันสมยศ-ชินวัตร-ณัฐชนน-ภัทรพงศ์ คดี #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร เหตุร่วมชุมนุนมและถูกออกหมายจับคดีดูหมิ่นศาล เรือนจำติดเชื้อเพิ่ม 842 คน ลามไปทัณฑสถานหญิงธนบุรี

ทนายยื่นประกัน 'อานนท์-ไมค์' ศาลนัดไต่สวน 1 มิ.ย. 2564

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า ทนายความยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว 2 แกนนำราษฎร ได้แก่ อานนท์ นำภา และ 'ไมค์' ภาณุพงศ์ จาดนอก หลังเคยยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวให้อานนท์มาแล้ว 7 ครั้ง และอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่ให้ประกัน 2 ครั้ง กรณีภาณุพงศ์ ครั้งนี้เป็นยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวครั้งที่ 6 โดยศาลสั่งงดไต่สวนคำร้องขอประกันตัวของเขาผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2564 เนื่องจากกรมราชทัณฑ์และสำนักงานศาลยุติธรรมทำหนังสือแจ้งการงดเบิกตัวผู้ต้องขังมาที่ศาล รวมไปถึงการพิจารณาคดีผ่านคอนเฟอเรนซ์ไว้จนถึงวันที่ 27 พ.ค. 2564 เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดให้อยู่ในพื้นที่ที่เรือนจำกำหนด

การยื่นประกันครั้งนี้ เสนอหลักทรัพย์ประกันเป็นเงินสดคนละ 2 แสนบาท โดยมีชลิตา บัณฑุวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นนายประกัน พร้อมทั้งระบุเหตุผลสำคัญคือสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โดยหากการไต่สวนคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวไม่เกิดขึ้นภายในสิ้นเดือน พ.ค. 2564 อานนท์และภาณุพงศ์อาจต้องกลับเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และเสี่ยงต่อการติดเชื้อซ้ำจนอาจได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต และกระทบสิทธิขั้นพื้นฐานในกระบวนการยุติธรรมของจำเลยตามรัฐธรรมนูญ

อย่างไรก็ตาม มุขเมธิน กลั่นนุรักษ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าแผนกคดีค้ามนุษย์ในศาลอาญา มีคำสั่งให้ไต่สวนคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวอานนท์และภาณุพงศ์ในวันที่ 1 มิ.ย. 2564 เวลา 10.30 น. วันเดียวกับที่นัดไต่สวนคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวของชูเกียรติ แสงวงค์ หรือจัสติน ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ซึ่งถูกฝากขังในชั้นสอบสวน คดีแปะกระดาษบนรูปรัชกาลที่ 10 หน้าศาลฎีกา โดยไม่ได้ระบุว่า การไต่สวนคำร้องขอปล่อยตัวครั้งนี้จะทำผ่านวีดิโอคอนเฟอเรนซ์หรือเบิกตัวทั้งสองมาที่ศาล

หลังจากอัยการยื่นฟ้องคดี “19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร” อานนท์ถูกขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ. 2564 รวม 102 วันแล้ว ส่วนภาณุพงศ์ถูกนำตัวไปขังที่เรือนจำพิเศษธนบุรีก่อนย้ายมาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นับถึงวันนี้ 75 วันแล้ว ปัจจุบันทั้งคู่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในระหว่างการถูกขังที่เรือนจำ และกำลังเข้ารับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์

ตำรวจยื่นถอนประกัน 4 จำเลย เหตุร่วมชุมนุม

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนยังรายงานอีกว่า 19 พ.ค. 2564 ศาลอาญานัดไต่สวนคำร้องขอถอนประกันตัวจำเลย 4 ราย ในคดี #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ได้แก่ สมยศ พฤกษาเกษมสุข, 'ไบรท์' ชินวัตร จันทร์กระจ่าง, ณัฐชนน ไพโรจน์ และภัทรพงศ์ น้อยผาง เนื่องจากพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ได้มายื่นคำร้องไว้ 

พนักงานสอบสวนอ้างเหตุที่จำเลยทั้งสี่ละเมิดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราว โดยต่างไปถูกกล่าวหาในคดีที่สืบเนื่องจากเหตุชุมนุมหน้าศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ต้องขังในคดีทางการเมือง เมื่อวันที่ 29-30 เม.ย. 2564 โดยทั้งสี่ถูกศาลอาญาออกหมายจับในข้อหาดูหมิ่นศาล และข้อหาอื่นๆ จากการเข้าร่วมการชุมนุมดังกล่าว 

สมยศ พฤกษาเกษมสุข แถลงต่อศาลว่า เนื่องจากวันนี้เพิ่งได้รับหมายนัดไต่สวน ยังไม่ได้รับสําเนาคําร้อง และทนายความติดเชื้อโควิด-19 ไม่สามารถมาศาลได้ จึงจะขออนุญาตศาลเลื่อนคดีออกไปก่อน

ขณะที่ทนายความได้แถลงว่า ณัฐชนนก็ป่วยและกำลังเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล โดยยื่นสำเนาใบรับรองแพทย์ประกอบต่อศาล ส่วนชินวัตรและภัทรพงศ์ต้องกักตัวเนื่องจากสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งสามคนจึงไม่อาจมาศาลได้ จึงขอเลื่อนการไต่สวนคดีออกไปก่อน 

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่ากรณีมีเหตุจําเป็น จึงให้เลื่อนไปนัดไต่สวนคําร้องขอเพิกถอนคําสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวของทั้งสี่คน ไปเป็นวันที่ 22 มิ.ย. 2564 เวลา 09.00 น.

เรือนจำพบผู้ติดเชื้อใหม่ 842 ราย

ด้านเพจประชาสัมพันธ์ กรมราชทัณฑ์ รายงานว่า อายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ แถลงความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ในเรือนจำว่า มีผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 842 ราย ได้แก่ เรือนจำกลางเชียงใหม่ 4 ราย เรือนจำพิเศษกรุงเทพ 1 ราย ทัณฑสถานหญิงกลาง 17 ราย เรือนจำกลางคลองเปรม 475 ราย เรือนจำกลางฉะเชิงเทรา 20 ราย ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง 38 ราย เรือนจำจังหวัดนนทบุรี 18 ราย เรือนจำกลางบางขวาง 210 ราย และทัณฑสถานหญิงธนบุรี 59 ราย โดยทัณฑสถานหญิงธนบุรีพบเชื้อโควิดเป็นครั้งแรกของการระบาดระลอกใหม่ ทำให้มีผู้ติดเชื้อในเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศรวม 12 แห่ง อยู่ระหว่างการรักษา 14,049 ราย รักษาหายแล้วจำนวน 319 ราย

อธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน มีการตรวจเชื้อในผู้ต้องขังแล้วจำนวน 36,627 ราย ตรวจครบ 100% จำนวน 8 แห่ง คือ 1.เรือนจำกลางเชียงใหม่ 2.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 3.ทัณฑสถานหญิงกลาง 4.เรือนจำกลางคลองเปรม 5.เรือนจำพิเศษธนบุรี 5.ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง 7.เรือนจำจังหวัดนนทบุรี และ 4.ทัณฑสถานหญิงธนบุรี โดยยังอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจหาเชื้อให้ครบ 100% ในเรือนจำกลุ่ม เสี่ยงเพิ่ม รวมถึงการ SWAB หาเชื้อซ้ำทุกๆ 7 วันในกลุ่มที่ยังไม่พบเชื้อ จนกว่าสถานการณ์จะปกติ

ด้านความคืบหน้าในการจัดหาวัคซีน ตามที่ได้รับแจ้งยืนยันจากกระทรวงสาธารณสุขว่า พร้อมฉีดวัคซีนโดยเริ่มจากกลุ่มผู้ต้องขังที่ยังไม่ติดเชื้อ ผู้ต้องขังกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว เพื่อลดความรุนแรงของโรค และลดอัตราการเสียชีวิต ทั้งนี้เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่

อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงเพิ่มว่า ขณะนี้ดำเนินการฉีดวัคซีนในเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ในเรือนจำและทัณฑสถานเขตกรุงเทพมหานครไปแล้ว 95% (1,683 ราย จากทั้งหมด 1,770 ราย) สำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในส่วนภูมิภาค จะเป็นการดำเนินการโดยสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่ในการดำเนินการฉีดวัคซีน

ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์สั่งการให้เรือนจำ/ทัณฑสถาน ดำเนินการป้องกันการติดเชื้อจากบุคคลภายนอก โดยเฉพาะการส่งอาหาร ด้วยการให้ผู้ส่งอาหารสวมชุด PPE พร้อมสวมหน้ากากอนามัย และ Face Shield ให้พร้อม โดยต้องเข้า-ออกเพื่อส่งสินค้าให้เร็วและใช้เวลาน้อยที่สุด สำหรับผู้ต้องขังที่เป็นผู้ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ส่งอาหารไปแดนต่างๆ ก็ต้องสวมชุด PPE เพื่อป้องกันการแพร่เชื้ออีกทาง

อายุตม์กล่าวปิดท้ายว่า กรมราชทัณฑ์ขอขอบคุณความช่วยเหลือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ได้เข้ามาช่วยสนับสนุนการดำเนินการเพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมถึงการสนับสนุนสิ่งของต่างๆ ทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนที่ร่วมบริจาคให้แก่กรมราชทัณฑ์ ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ตลอดจนเรือนจำทัณฑสถานทั่วประเทศ ซึ่งเครื่องมือ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และสิ่งของที่ได้รับมา กรมราชทัณฑ์จะส่งมอบต่อไปยังเรือนจำ/ทัณฑสถานต่างๆ ตามความเหมาะสม และสอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ต้องขังทุกคน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net