Skip to main content
sharethis

ประธานาธิบดีอิสราเอลโทรศัพท์แสดงความเสียใจกับครอบครัวแรงงานไทยที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล รับปากดูแลให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตได้รับเงินชดเชยตามสิทธิประโยชน์จากอิสราเอลด้วย

นาย Reuven Rivlin ประธานาธิบดีอิสราเอล
นาย Reuven Rivlin ประธานาธิบดีอิสราเอล | แฟ้มภาพ: Israel Ministry of Foreign Affairs

22 พ.ค. 2564 นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่าเมื่อวันศุกร์ที่ 21 พ.ค. 2564 เวลา 14.30 น.หรือ เวลา 10.30 น. ตามเวลาอิสราเอล นาย Reuven Rivlin ประธานาธิบดีอิสราเอล ได้สนทนาทางโทรศัพท์ ผ่านล่ามของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ กับนางสาวเรือนรัตน์ แซ่ลี้ ภรรยานายวีรวัฒน์ การุณบริรักษ์ ซึ่งพำนักอยู่ที่ จ.เพชรบูรณ์ และกับนางสาวอรทัย กองมะเริง ภรรยานายสิขรินทร์ สงำรัมย์ ซึ่งพำนักอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็น 2 แรงงานไทยที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2564 ที่ผ่านมา

โดยประธานาธิบดี Rivlin ได้กล่าวแสดงความเสียใจกับความสูญเสียในครั้งนี้ของทั้งสองครอบครัว ขอให้ดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตทั้งสองรายไปสู่สุขคติ รวมทั้งขอนำส่งการแสดงความเสียใจและความปรารถนาดีของตน รัฐบาลอิสราเอล และประชาชนชาวอิสราเอลไปยังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัฐบาลไทย และประชาชนชาวไทย ซึ่งเป็นมิตรที่ดีของอิสราเอล ในโอกาสนี้ ประธานาธิบดี Rivlin ได้ให้คำมั่นจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทางการอิสราเอลประสานกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ โดยเฉพาะประเด็นเรื่อง การส่งศพแรงงานไทยทั้ง 2 ราย และการดูแลให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตได้รับเงินชดเชยตามสิทธิประโยชน์จากอิสราเอลด้วย ​ในโอกาสนี้ ครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้งสองได้แสดงความขอบคุณและซาบซึ่งต่อประธานาธิบดี Rivlin ที่ได้สละเวลาพูดคุยและแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต

ในการนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้มอบหมายให้กรมการกงสุล โดยหัวหน้าสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว จ. พิษณุโลก (ดูแล จ. เพชรบูรณ์) และหัวหน้าสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว จ.บุรีรมย์ เดินทางไปเยี่ยมญาติของแรงงานที่เสียชีวิต รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการสนทนากับประธานาธิบดีของอิสราเอลด้วย

เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องคนไทยในอิสราเอลทุกคน กระทรวงการต่างประเทศขอให้คนไทยในอิสราเอลโปรดติดตามข้อมูล ข่าวสาร และปฏิบัติตามมาตรการของทางการอิสราเอลอย่างเคร่งครัด และในกรณีฉุกเฉินต้องการความช่วยเหลือ ขอให้ติดต่อสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ทันที กระทรวงการต่างประเทศยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และได้เตรียมแผนดูแลคนไทยในอิสราเอลไว้แล้วในทุกสถานการณ์

อนึ่งจากสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศอิสราเอลในช่วงเดือน พ.ค. 2564 ได้ทำให้มีแรงงานไทยเสียชีวิต 2 คนคือ นายวีรวัฒน์ การันบริรักษ์ อายุ 44 ปี ภูมิลำเนาจังหวัดเพชรบูรณ์ และนายสิขรินทร์ สงำรัมย์ อายุ 24 ปี ภูมิลำเนาจังหวัดบุรีรัมย์ และมีแรงงานบาดเจ็บสาหัส เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล 1 คน และบาดเจ็บเล็กน้อย 7 คน

เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ระบุถึงการช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอลที่บาดเจ็บหรือเสียชีวิตว่า จะได้รับค่าเงินทดแทนจากสำนักงานประกันสังคมแห่งชาติของอิสราเอล

กรณีเสียชีวิต ภรรยาและบุตรของผู้เสียชีวิตทุกคน จะได้รับเงินช่วยเหลือทุกเดือน จนกว่าภรรยาจะแต่งงานใหม่ หรือบุตรมีอายุครบ 18 ปี โดยภรรยาจะได้รับเงินประมาณ 36,000 บาท ส่วนบุตรประมาณ 6,000 - 12,000 บาททุกเดือน

กรณีบาดเจ็บหรือพิการเกินร้อยละ 20 ขึ้นไป สำนักงานประกันสังคมแห่งชาติของอิสราเอล จะจ่ายค่าทดแทนเป็นรายเดือนทุกเดือนจนกว่าจะเสียชีวิต โดยคำนวณจากเปอร์เซ็นต์สูญเสียหากบาดเจ็บหรือพิการร้อยละ 100 จะได้รับเดือนละประมาณ 60,000 บาท

ทั้งนี้ สิทธิประโยชน์จากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ กรณีได้รับบาดเจ็บ จ่ายค่ารักษาพยาบาลตามจริงไม่เกินคนละ 30,000 บาท กรณีเสียชีวิตจะได้เงินช่วยเหลือ 80,000 บาท แบ่งออกเป็นเงินช่วยเหลือเบื้องต้น 40,000 บาท และค่าใช้จ่ายในการจัดการศพเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 40,000 บาท

นายสมชาย มรกตศรีวรรณ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่าหน่วยงานของไทยในอิสราเอล พร้อมดูแลความปลอดภัยแรงงานไทย ซึ่งทางกระทรวงเคยมีประสบการณ์มาแล้ว แต่จากการสอบถามพบว่าแรงงานไทยส่วนใหญ่ในขณะนี้ยังไม่ต้องการกลับประเทศไทย

“ถ้ามีผลกระทบต่อความปลอดภัยกับพี่น้องแรงงานของเรา กระทรวงแรงงานพร้อมอพยพแรงงานกลับมาไทย ซึ่งเราเคยมีประสบการณ์อพยพแรงงานกลับมาแล้วหนึ่งครั้ง ครั้งนี้คงไม่มีปัญหา”
ขณะที่ กระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่าหลังเกิดเหตุรุนแรงจนทำให้แรงงานไทยเสียชีวิต 2 คน รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศของอิสราเอล ได้โทรศัพท์ถึงเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทล อาวีฟ แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว โดยทางการอิสราเอลพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ และย้ำว่าทางการอิสราเอลใช้มาตรฐานในการรักษาความปลอดภัยให้กับชาวต่างชาติเช่นเดียวกับชาวอิสราเอล

แม้ครอบครัวของแรงงานไทยที่เสียชีวิตจากสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศอิสราเอล จะได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ความสูญเสียในครั้งนี้ จะฝังใจครอบครัวไปอีกนาน โดยเฉพาะครอบครัวของนายสิขรินทร์ สงำรัมย์ ที่ภรรยาบอกว่าแทบจะอยู่ในเหตุการณ์ที่สามีเสียชีวิต เพราะตอนที่เกิดเหตุระเบิด ทั้งคู่กำลังวิดีโอคอลคุยกัน

ภรรยาแรงงานไทย เล่าวินาทีสูญเสียเสาหลักครอบครัว

นางสาวอรทัย กองมะเริง ภรรยานายสิขรินทร์ สงำรัมย์ ชาวบ้านกระทิง ตำบลหินโคน อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ 1 ใน 2 แรงงานไทยที่เสียชีวิต เธอเล่าถึงวินาทีสูญเสียสามีให้กับเจ้าหน้าที่แรงงานจังหวัดบุรีรัมย์ที่เดินทางไปให้กำลังใจและแจ้งข้อมูลการช่วยเหลือที่จะได้รับ

ขณะเกิดเหตุกำลังวิดีโอคอลคุยกับสามี เพื่อสอบถามความเป็นอยู่ แต่ระหว่างนั้นได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น และได้ยินเหมือนสามีล้มลง และมีเสียงคนตะโกนขอความช่วยเหลือ จึงตะโกนสอบถามไปในสายด้วยความเป็นห่วง จากนั้นเพื่อนคนไทยก็มารับสาย และบอกว่าสามีถูกสะเก็ดระเบิดใต้ราวนม อาการสาหัส สามีของเธอเพิ่งกลับไปทำงานได้เพียง 3 วัน หลังพ้นมาตรการกักตัว

นางเรือนลักษ์ แซ่ลี้ อายุ 41 ปี ภรรยานายวีรวัฒน์ การุณบริรักษ์ แรงงานที่เสียชีวิตอีกคน วันนี้เจ้าหน้าที่จากสำนักงานแรงงานจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้เข้าไปชี้แจงสิทธิประโยชน์และการจัดการส่งศพกลับประเทศไทย คาดว่าต้องใช้เวลานับเดือน เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่สงบ

นางเรือนลักษ์เล่าว่า สามีเดินทางไปทำงานด้านการเกษตรที่อิสราเอล ตั้งแต่ปี 2561 เป็นเสาหลักของครอบครัว ทุกเดือนจะส่งเงินกลับมาให้ครอบครัวใช้จ่าย ตอนนี้ยังทำใจไม่ได้กับการสูญเสียที่เกิดขึ้น

 

ที่มาเรียบเรียงจาก สำนักข่าวไทย | Thai PBS
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net