Skip to main content
sharethis

ผอ.สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) แจงกรณีกระแสข่าวเรื่องการแบ่งวัคซีนแอสตราเซเนกา 1 ขวด จาก 10 เป็น 12 โดส ระบุ WHO สนับสนุนการแบ่งเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงมากขึ้น แต่ต้องดำเนินการโดยบุคลากรทางการแพทย์ที่เชี่ยวชาญ ชี้แต่ละขวดผู้ผลิตวัคซีนสำรองไว้ประมาณ 16-24% 

23 พ.ค. 2564 ทีมสื่อสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) แจ้งข่าวต่อสื่อมวลชนว่าจากกรณีข่าวการแบ่งวัคซีนแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) ใน 1 ขวดให้ได้เพิ่มขึ้นเป็น 12 โดสจากจำนวน 10 โดสนั้น นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ได้อธิบายในเรื่องนี้ว่าเรื่องการแบ่งวัคซีนแอสตราเซเนกาว่าองค์การอนามัยโลก (WHO) สนับสนุนการแบ่งวัคซีนให้สามารถทำได้และเกิดประโยชน์โดยจะทำให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนได้มากขึ้น 

โดยในความเป็นจริงในกระบวนการผลิต ผู้ผลิตจะผลิตและบรรจุวัคซีนโดยมีการสำรองวัคซีนไว้ประมาณ 16-24% สำหรับวัคซีนแอสตราเซเนกาที่ใช้อยู่มีขนาดบรรจุ 5 cc และสำหรับ 10 โดสมีการบรรจุจริง 6.5 cc ซึ่งการฉีดแต่ละโดสต้องใช้ 0.5 cc เพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยของผู้รับวัคซีน ซึ่งเมื่อใช้ครบ 10 โดส ตามข้อบ่งชี้แล้วอาจมีวัคซีนเหลืออยู่จำนวน 1-1.5 cc ต่อขวด

ทั้งนี้ นพ.นพพร ระบุว่าการดูดวัคซีนซึ่งดำเนินการโดยบุคลากรทางการแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญ มีการดำเนินการอย่างระมัดระวังที่ทำให้การดูดวัคซีนเป็นไปอย่างแม่นยำ เพื่อให้ได้ปริมาณที่แน่นอนที่ 0.5 cc ตามข้อบ่งชี้

"ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้ อยู่ที่การนำเอาวัคซีนที่อาจเหลืออยู่ 1-1.5 cc ต่อขวดดังกล่าวมาใช้ ซึ่งอาจใช้ได้อีก 1 หรือ 2 โดสโดยในการบริหารจัดการนั้นมีเหตุผลสำคัญ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการให้วัคซีนกับประชาชน และเพื่อประชาชนเข้าถึงวัคซีนได้มากขึ้น เกิดประโยชน์โดยรวมสำหรับประเทศ และที่สำคัญประชาชนต้องได้รับวัคซีน 0.5 cc ต่อโดสตามมาตรฐานที่กำหนด ภายใต้แนวทางปฏิบัติมาตรฐานความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด" นพ.นพพร กล่าว
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net