Skip to main content
sharethis

ภาคี #SAVEบางกลอยบุกทำเนียบรัฐบาล ยื่นหนังสือจี้ธรรมนัสสั่งชะลอคดี เร่งรัดประชุมอนุกรรมการฯ ด้านคดีบางกลอย หลังชาวบ้าน 28 คนถูกเพิ่มข้อหาหนัก พนักงานสอบสวนเร่งรัดส่งฟ้อง ด้านร้อยเอกธรรมนัสแจง สั่งชะลอคดีไปที่ สภ.แก่งกระจานแล้ว ย้ำขอเวลา 10 วันได้ข้อยุติ

วานนี้ (25 พฤษภาคม 2564) เวลา 11.15 น. ภาคี #SAVEบางกลอย และผู้แทนชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี จัดกิจกรรม ณ ทำเนียบรัฐบาล (ก.พ.ร.) เพื่อยื่นหนังสือถึงร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน รวมทั้งการพัฒนาและฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่บ้านบางกลอย อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี หลังเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอแก่งกระจานเรียกชาวบ้านไปแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม โดยเบื้องต้นมี นายสมพาส นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัด สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรับหนังสือ

การเคลื่อนไหวดังกล่าวสืบเนื่องจากการแก้ปัญหาของชาวบางกลอยที่ไม่คืบหน้า รวมถึงมีสถานการณ์ตึงเครียดในพื้นที่เพิ่มขึ้น สืบเนื่องจากการพยายามแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับชาวบ้าน 28 ราย ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 และ พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 อีกทั้งพนักงานสอนสวนจะเร่งรัดส่งสำนวนฟ้องให้พนักงานงานอัยการในวันที่ 27 พฤษภาคมนี้

พงษ์ศักดิ์ ต้นน้ำเพชร ชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอยกล่าวว่า ตนเป็นหนึ่งในผู้ถูกดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และได้รับทราบข้อมูลจากตำรวจและทนายว่าจะมีการเพิ่มข้อหาให้ชาวบ้าน วันนี้ตนก็อยากจะมายื่นหนังสือถึงท่านธรรมนัส ว่าคณะกรรมการฯ ที่แต่งตั้งขึ้นมามีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว ทำไมต้องสั่งเร่งรัดการดำเนินคดี ตนก็อยากมาถาม รวมถึงมีการเปิดปฏิบัติการของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานที่อาจกระทบต่อการแก้ไขปัญหา

“อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานยังมีการใช้ปฏิบัติการที่เรียกว่า “ใจแผ่นดิน ยอดดวงใจของแก่งกระจาน” หลังปรากฏข่าวว่าเฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถูกยิงด้วยอาวุธปืนเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งอาจถูกนำมาเชื่อมโยงกับชาวบ้านบางกลอยจนเกิดเป็นปฏิบัติการที่สร้างความขัดแย้ง อันไม่เป็นผลดีต่อกระบวนการแก้ไขปัญหาร่วมกับรัฐบาล” พงษ์ศักดิ์กล่าว

นอกจากนั้น ผู้แทนชาวบ้านบางกลอยยังได้อ่านแถลงการณ์เสนอ 3 ข้อเรียกร้องเร่งด่วนสำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ได้แก่ 

ขอให้ประสานงานหรือสั่งการไปยังพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอแก่งกระจาน ให้ชะลอการดำเนินการส่งฟ้องชาวบ้านบางกลอยทั้ง 28 คนไว้ก่อน รวมทั้งให้ยุติการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม 

ขอให้สั่งการ ให้คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหากฎหมายและคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาคดีความ เร่งรัดจัดประชุมโดยเร่งด่วน เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาด้านคดีความของชาวบ้าน ก่อนการดำเนินการใดๆ ของพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการ

ขอให้ประสานงานไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ยุติการดำเนินการใดๆ ในระดับพื้นที่ เนื่องจากมีบันทึกข้อตกลงเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 และขณะที่ยังอยู่ในระหว่างการแก้ไขปัญหาของคณะกรรมการฯ ที่ท่านเป็นประธานอยู่ รวมทั้งให้ชี้แจงข้อเท็จจริงในกรณียิงเฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงฯ และผลการดำเนินการตามปฏิบัติการใจแผ่นดิน “ยอดดวงใจแก่งกระจาน” อย่างเป็นทางการและตรงไปตรงมาต่อสาธารณะ

ด้าน ธัชพงศ์ แกดำ ผู้แทนภาคี #SAVEบางกลอย กล่าวว่า ที่ผ่านมาร้อยเอกธรรมนัสได้เห็นชอบตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาแก้ไขปัญหาอีก 5 ชุด แต่ปรากฏว่าหัวใจสำคัญเรื่องการชะลอการดำเนินคดีกับชาวบ้านทั้ง 28 รายนั้นไม่ถูกนำไปปฏิบัติ ตนยืนยันว่าต้องชะลอคดีเอาไว้ก่อนจนกว่าคณะทำงานที่ตั้งโดยนายกรัฐมนตรี มีท่านธรรมนัสเป็นประธาน จะทำงานเสร็จ แล้วค่อยมาคุยกันใหม่ว่าจะเอายังไง แต่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ทำทุกอย่างย้อนแย้ง สวนทางกับข้อและคณะกรรมการ ไม่ยอมชะลอคดีความ แต่เพิ่มข้อหาหนักให้ชาวบ้านอีก

“ความผิดที่ชาวบ้านโดนเมื่อวานนี้หนักมาก คือติดคุกหัวโต มันย้อนแย้งกับคณะทำงานตาม MOU ที่กำลังดำเนินการแก้ไขปัญหากันอยู่ หลักการการทำงานมันควรจะเป็นการให้ชาวบ้านมามีส่วนร่วม แต่เจ้าหน้าที่กลับเร่งรัดคดี เรียกชาวบ้านไปรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมโดยแจ้งชาวบ้านก่อนไม่กี่วัน วันที่ 27 นี้จะสั่งฟ้องชาวบ้านทั้งหมด แสดงว่าเจ้าพนักงานในพื้นที่ทำลายทุกอย่าง ทั้ง MOU ทั้งคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาที่ยังไม่ได้ดำเนินการทำงานไปซักเท่าไหร่เลย แต่เจ้าพนักงานจะเอาชาวบ้านติดคุกให้ได้” นายธัชพงศ์กล่าว 

ต่อมาเวลา 12.30 น. ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ได้มารับหนังสือจากผู้แทนชาวบ้านบางกลอยด้วยตนเอง ชี้พร้อมแจงว่าได้ประสานงานไปยังสถานีตำรวจภูธรอำเภอแก่งกระจาน พนักงานอัยการเจ้าของสำนวนคดี รวมทั้งนายชัยพร เกริกกุลธร อธิบดีอัยการ สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน ในนามประธานคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาคดีความ กรณีกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ให้เกิดการแก้ไขปัญหาด้านคดีได้ข้อยุติภายใน 10 วัน

“เรื่องแรกผมได้รับการประสานจากทางพีมูฟแล้ว ผมประสานไปยังผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรเรียบร้อยแล้ว การประชุมครั้งแรกที่ผมเป็นประธานได้มีข้อตกลงว่าเราจะชะลอการดำเนินคดีของพี่น้องบางกลอย อันนี้เรื่องแรกเรื่องที่สองวันนี้ผมจะเกษียณหนังสือไปยังท่านอธิบดีอัยการในบ่ายนี้ เพื่อให้ท่านที่เป็นประธานอนุกรรมการด้านคดี เกษียณหนังสือไปยังอัยการจังหวัดเพชรบุรี เจ้าของสำนวน ให้ชะลอคดี รวมทั้งไม่เพิ่มคดีให้พี่น้องบางกลอย เรื่องที่สามคือ การประชุมของคณะอนุกรรมการเรื่องคดีความ จะแล้วประชุมให้แล้วเสร็จภายใน 10 วัน” ร้อยเอกธรรมนัสกล่าว

ธัชพงศ์ แกดำ ผู้แทนภาคี #SAVEบางกลอย ยืนยันจะยังปักหลักอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล (ก.พ.ร.) ต่อไป จนกว่าจะมีหลักประกันเป็นลายลักษณ์อักษร


ชญาธนุส ศรทัตต์ หรือ เฌอเอม

ในช่วงบ่าย ชญาธนุส ศรทัตต์ หรือ เฌอเอม อดีตผู้เข้าร่วมประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 กล่าวสนับสนุนการชะลอการดำเนินคดีความชาวบ้านบางกลอย ชี้ว่าภาครัฐและชาวบ้านตระหนักดีว่าทั้งสองฝ่ายมีต้นทุนทางกฎหมายไม่เท่ากัน รัฐไม่สามารถลงมาถกเถียงกับกลุ่มคนที่ถูกผลักติดชายขอบซ้ำซ้อนกันหลายวง เช่น ชาวปกาเกอะญอ ได้ วิธีที่ทั้งสองฝ่ายจะสามารถเจรจาแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องให้มีคณะกรรมการช่วยเหลือชาวบ้านในด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชน เพื่อให้พวกเขาขจัดปัญหาเดิมในการเป็นพลเมืองชั้นรองในโครงสร้างทางกฎหมายออกไปก่อน

“คือเราจำเป็นต้องมองกฎหมายด้วยเลนส์ของมนุษยธรรมด้วย ไม่เพียงแค่บทลงโทษและช่องโหว่ที่มีโอกาสหยิบฉวยมาใช้เท่านั้น ว่ากฎหมายดังกล่าวเป็นกฎหมายนิติธรรมต่อบุคคลทุกกลุ่ม ตั้งแต่ผู้มีอำนาจไปจนถึงบุคคลยากไร้หรือไม่ ปัญหาตั้งต้นในกรณีบางกลอย-ใจแผ่นดินก็มาจากมุมมองของรัฐในการถือครองทรัพยากร ที่ไม่ให้ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาและบริหารพื้นที่ทำกิน” เฌอเอมกล่าว

นอกจากนั้น ตนยังมองว่าการกระทำความรุนต่อชาวกะเหรี่ยงบางกลอย สะท้อนอคติทางชาติพันธุ์ที่ถูกผลิตซ้ำจากสื่อและการเขียนข่าวที่มุ่งโจมตีชาวกะเหรี่ยง ผสานกับมุมมองของคนเมืองที่มีฐานะในระดับหนึ่งซึ่งมักจะเห็นชนพื้นเมืองเป็นแค่ 2 แบบเท่านั้น หากไม่ใช่ความโรแมนติกของชีวิตชนบทที่ไม่มีใครต้องการความสะดวกสบาย และไม่มีความยากลำบาก ทุกคนอยู่อย่างพอเพียง โดยไม่มีอัตลักษณ์ในปัจเจกนอกจากภาพจำของชนเผ่านั้นๆ ก็คือกลุ่มคนที่สร้างแต่ปัญหา ไม่มีคุณค่าในฐานะมนุษย์ ไม่มีความพยายาม ไม่สมควรได้รับความช่วยเหลือ เป็นศัตรูของคนไทยและนิยมแต่ความรุนแรง

“ทำไมเราถึงต้องจงเกลียดจงชังกับกลุ่มชาติพันธุ์หนึ่งถึงขนาดปล่อยให้พวกเขาตกระกำลำบากและยังสมน้ำหน้าอีกด้วย เรายอมให้มีคนทำร้ายคนพื้นเมืองได้ ยอมให้พวกเขาถูกไล่ที่ได้ ข่มขู่คุกคามทางวาจาและการแสดงออก สนับสนุนให้คนบางส่วนต้องกลายเป็นผู้ลี้ภัย ทั้งยังยอมรับการถูกอุ้มหายของชาวกะเหรี่ยงและชาวมุสลิม พฤติกรรมที่มาจากความคิดอคติเหล่านี้เรียกโดยกว้างๆ ว่าอาชญากรรมจากความเกลียดชัง ซึ่งเกิดจากความเกลียดที่ผู้กระทำมีต่อศาสนา เพศ เชื้อชาติ ชาติพันธุ์ กลุ่มก้อน หรือการเหมารวมอื่นๆ” เฌอเอมย้ำ

เวลาประมาณ 17.00 น. ผู้แทนรัฐบาลได้นำหนังสือที่ลงนามโดยร้อยเอกธรรมนัส 3 ฉบับ เรื่อง “ขอให้พิจารณาแก้ไขปัญหากรณีราษฎรได้รับผลกระทบจากการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่บ้านบางกลอย อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี” มาให้กลุ่มจัดกิจกรรม โดยเป็นหนังสือขอความร่วมมือไปยัง 3 หน่วยงาน ได้แก่ (1) ชัยพร เกริกกุลธร อธิบดีอัยการ ในนามประธานอนุกรรมการแก้ไขปัญหาด้านคดีความ และให้ความช่วยเหลือในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ของชาวกะเหรี่ยงบางกลอย (2) อัยการจังหวัดเพชรบุรี และ (3) ผู้กำกับการตำรวจภูธรแก่งกระจาน ตามข้อเรียกร้องด้านคดีความโดยกลุ่มภาคี #SAVEบางกลอย 2 ข้อ ได้แก่ (1) ขอให้ประสานงานหรือสั่งการไปยังพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอแก่งกระจาน ให้ชะลอการดำเนินการส่งฟ้องชาวบ้านบางกลอยทั้ง 28 คนไว้ก่อน รวมทั้งให้ยุติการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม และ (2) ขอให้สั่งการ ให้คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหากฎหมายและคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาคดีความ เร่งรัดจัดประชุมโดยเร่งด่วน เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาด้านคดีความของชาวบ้าน ก่อนการดำเนินการใดๆ ของพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการ

พงษ์ศักดิ์ ต้นน้ำเพชร ผู้แทนชาวบ้านบางกลอย กล่าวหลังรับสำเนาหนังสือทั้ง 3 ฉบับว่า เราหวังว่าคำสั่งนี้จะมีผลต่อพนักงานอัยการเพชรบุรีและพนักงานสอบสวน สภ.แก่งกระจาน เราไม่รู้จะพูดอะไรดี ก็เพียงอยากจะบอกว่า สิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ควรอยู่ร่วมกันได้โดยไม่เบียดเบียน แม้จะมีวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน แต่เราอยู่ร่วมกันได้

หลังจากนั้น ธัชพงศ์ แกดำ ผู้แทนภาคี #SAVEบางกลอย ได้กล่าวขอบคุณร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่เห็นถึงความเดือดร้อนของชาวกะเหรี่ยงบางกลอยและแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที รวมทั้งขอบคุณประชาชนที่ร่วมสนับสนุนการเคลื่อนไหว และยืนยันจะติดตามกระบวนการแก้ไขปัญหาให้ถึงที่สุด ก่อนจะประกาศยุติกิจกรรมในเวลาประมาณ 17.30 น.

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net