Skip to main content
sharethis

โควิด-19 รายวันตัวเลขไม่ลดลง แม้หักผู้ติดเชื้อในเรือนจำ ยังขึ้น ๆลง ๆ ระดับสองพัน ต่างจากที่คาดการณ์ไว้ว่าถ้าควบคุมเต็มที่ ประชาชนช่วยกันระมัดระวัง น่าจะลดลงทุก 14-21 วัน

โควิด-19 ยังระบาดเป็นคลัสเตอร์ โรงงาน แคมป์คนงาน ตลาด ซึ่งมีแรงงานต่างด้าวแออัด แต่รัฐรู้แล้วทำไมไม่กำหนดมาตรการ เช่นเคลียร์พื้นที่ จัดระยะห่าง ดูแลสุขอนามัยทุกแคมป์ ทุกโรงงาน ไม่งั้นก็ตามรักษาไม่หวาดไม่ไหว

สิระ เจนจาคะ เอาแต่ด่าอิตัลไทย ละเลยแคมป์คนงาน แต่เจ้าหน้าที่รัฐทำอะไรบ้าง ตลาดสะพานใหม่ก็มีข่าว รพ.สนามไม่พอ เลยรับไปแค่คนไทย ทิ้งให้ต่างด้าวกักตัวเอง

ถ้ายังเป็นอย่างนี้ก็คุมไม่อยู่ แถมจะบานปลาย เพราะมาเกือบครบทั้งสายพันธุ์อังกฤษ สายพันธุ์อินเดีย แอฟริกาใต้ ความหวังอย่างเดียวคือฉีดวัคซีนปูพรม แต่วัคซีนหลัก แอสตราเซเนกายังไม่มา ตามสัญญาจะส่งมอบ 6.3 ล้านโดสให้เริ่มฉีด 7 มิถุนายน (ยังไม่รู้ส่งมอบทันไหม) รัฐบาลระดมสั่งซิโนแวคไว้ก่อน 9 ล้านโดส

ทั้งที่องค์การอนามัยโลกยังไม่รับรอง ดาราไทยฉีดซิโนแวคเข้ายุโรปไม่ได้นะ เรตติ้งในสายตาประชาชนก็ย่ำแย่ ไม่ติดอันดับดุสิตโพล แต่เอาเถอะ ถ้ามันมี ประชาชนยอมฉีดกันตาย

ความไม่เชื่อมั่นวัคซีน เกิดจากความไม่เชื่อถือรัฐบาล รัฐบาลก็มุ่งเอาชนะทางการเมือง จะให้ยอมรับวัคซีนจีนให้ได้ ถ้าประชาชนยอมฉีดก็ตีขลุมว่ารัฐบาลชนะ ทั้งที่ไม่ใช่เลย แค่ฉีดกันตาย แล้วก็ด่ารัฐบาลต่อไป

วิกฤตโควิดเปิดให้เห็นความสับสนของระบบราชการ ที่ตะกั่วป่ามีข่าวน่าชื่นชม หมอเดินฉีดให้คนมารับวัคซีน (เป็นวิธีการที่ดีมากควรใช้ทุกแห่ง) แต่ที่พัทยา ให้ชาวบ้านเข้าคิวตั้งแต่ตีสี่ แล้วข้าราชการมาจัดใหม่โวยวายจนต้องเข้าคิวใหม่บ่ายสาม

สาธารณสุขจะจัดวอล์คอิน ประยุทธ์สั่งระงับ แล้วจัดใหม่เป็น “ออนไซต์” ต่างกันแค่ไหนหว่า โฆษกพรรคภูมิใจไทยเลยด่าจนได้ใจคน เลขาอนุทินก็โวย ปล่อยแรงงานต่างด้าวเข้าจนสาธารณสุขรับมือไม่ไหว “ใครช่วยบอกผู้จัดการทีมหน่อย”

แล้วผู้จัดการทีมทำอะไร เสาร์อาทิตย์หยุดราชการ อยู่บ้านไม่ไปทำงาน แค่ให้โฆษกรัฐบาลออกมาแถลงข่าว “ประยุทธ์ห่วงใยประชาชน” หรือ “นายกฯ ปลื้ม ต่างชาติยกไทยที่ 1 ประเทศฟื้นตัว-รับมือระบาดโควิดดีที่สุด” รัฐบาลไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง รัฐบาลประสบความสำเร็จในการปลดธงแดง ฯลฯ

จันทร์ถึงศุกร์ก็ไปนั่งหัวโต๊ะประชุม เคาะมาตรการตามราชการเสนอ โดยตัวเองก็ไม่เข้าใจ ชื่อวัคซีนยังเรียกผิด ๆ ถูก ๆ แต่ผูกขาดอำนาจไว้หมด

นี่สมมติประยุทธ์ยกอำนาจ ศบค.ให้ปลัดสาธารณสุขสั่งการ ตัวเองนอนอยู่บ้าน ยังน่าจะดีกว่านี้เยอะเลย แต่ระดับปฏิบัติการก็ไปยกอำนาจให้เลขา สมช. ซึ่งไม่รู้เรื่องโรคระบาด

ภาวะอย่างนี้ ประเทศต้องการนักบริหารสถานการณ์วิกฤต ตัดสินใจฉับไว มีความสามารถในการประสาน คิดเร็ว สมองเร็ว ทำเร็วและทำงานหนัก

“พี่โทนี่” จึงกลับมาข่มกระจุย แม้บางคนเทียบยิ่งลักษณ์สมัยน้ำท่วม แต่ยิ่งลักษณ์ก็ไม่มีอำนาจเท่าประยุทธ์วันนี้ และถ้ายิ่งลักษณ์นอนอยู่บ้านวันหยุด คงถูกไล่เปิงก่อนรัฐประหาร

ประเทศไทยในภาวะวิกฤต มีผู้นำก็เสมือนไม่มี หรือไม่มีเสียยังดีกว่า องคาพยพยังอาจเดินไปได้บ้าง ไม่มัวงมโข่งล่าช้า

ซ้ำร้ายยังมีปัญหาความชอบธรรม ไม่ยอมรับที่มาของอำนาจ โลกออนไลน์ขึ้นแฮชแท็ก #7ปีแล้วไอ้สัส

รัฐประหารอาจไม่ได้ผู้นำโง่เสมอไป รสช.ก็ตั้งนายกฯ อานันท์ (จนได้ความนิยมเกินหน้าทหาร) แต่รัฐประหารที่เน้นความมั่นคง ปกป้องโครงสร้างดั้งเดิม เลือกผู้นำที่ถนัดใช้อำนาจไว้ก่อน (ความสามารถอันดับหนึ่งคือฝึกทหารเกณฑ์)

ผลพวงรัฐประหารเห็นชัดขึ้นเรื่อย ๆ แต่ยังไม่ยอมถอยทั้งโครงสร้างและตัวประยุทธ์เอง

 

ที่มา: ข่าวหุ้นธุรกิจ www.kaohoon.com/content/448485

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net