ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหา 'พล.อ.ปรีชา' คดียื่นทรัพย์สินเท็จ พร้อมชี้มูล ส.ส.ภท.-พปชร. ปม เสียบบัตรแทนกัน ฟัน อาญา-จริยธรรมร้ายแรง
9 มิ.ย.2564 สื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่า เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 แจ้งข้อกล่าวหา พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา สมาชิกวุฒิสภา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติ (สนช.) และกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ที่ถูกกล่าวหาจงใจแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ สมัยดำรงตำแหน่ง สนช.
คณะกรรมการ ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหา พล.อ.ปรีชา ในส่วนของการมิได้แจ้งถือครองบ้านใน จ.พิษณุโลก รวมถึงข้อมูลบัญชีเงินฝากของ ผ่องพรรณ จันทร์โอชา ภริยา
ด้าน พล.อ.ปรีชา น้องชาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดเผยหลังป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาว่า ตนชี้แจงรายละเอียด ป.ป.ช.ไปหมดแล้ว ตั้งแต่เดือนม.ค.- ก.พ. ส่วนมติที่ออกมาเป็นเอกฉันท์ ก็แล้วแต่เขาจะมีมติอย่างไร ตนไม่ทราบว่าเขามีเหตุผลอย่างไรก็แล้วแต่ หากข่าวออกมาอย่างนี้ ตนก็จะชี้แจงต่อไป และปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม โดยขอรอดูท่าทีก่อนว่าเขาจะทำอย่างไรต่อ ตนตอบไม่ได้ว่า จะพร้อมสู้ในชั้นต่อไปหรือไม่ เพราะเป็นขั้นตอนของเขา ไม่ใช่เรื่องของตน
นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีการพิจารณากรณี ส.ส. 8 ราย ได้แก่ พรรคภูมิใจไทย 4 ราย คือ ฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง นาที รัชกิจประการ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ สมบูรณ์ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ ภูมิศิษฐ์ คงมี ส.ส.พัทลุง พรรคพลังประชารัฐ 3 ราย คือ ภริม พูลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ ธนิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. และทวิรัฐ รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังท้องถิ่นไท 1 ราย คือ โกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์เสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน
โดย มีมติชี้มูลความผิด ฉลอง, ภูมิศิษฐ์ และนาที กรณีเสียบบัตรแทนกันระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ในความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ที่บัญญัติไว้ว่าเจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-20 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาท-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยคดีอาญา ป.ป.ช.จะส่งให้อัยการเพื่อส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นอกจากนี้ ยังมีความผิดจริยธรรมร้ายแรง ซึ่ง ป.ป.ช.จะส่งให้ศาลฎีกาโดยตรงเลย
ภริม และทวิรัฐ ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่ปรากฏหลักฐานที่ชัดเจน ไม่มีพฤติการณ์ เนื่องจากพยานระบุว่า เห็นแค่ถือบัตร 2 ใบแต่ไม่เห็นว่ามีการเสียบบัตรแทนกัน จึงไม่ผิดทั้งอาญาและไม่ผิดจริยธรรม แต่ผิดเฉพาะข้อบังคับที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร จึงส่งเรื่องไปยังประธานรัฐสภาดำเนินการ ส่วนอีก 2 รายคือสมบูรณ์ และโกวิทย์ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้ข้อกล่าวหาตกไป เนื่องจากพยานหลักฐานไม่ชัดเจน
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังมีมติชี้มูล ธนิกานต์ กรณีฝากบัตรให้ผู้อื่นเสียบแทนระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 แม้ธนิกานต์จะอ้างว่า เหตุที่ไม่อยู่ในห้องประชุมเพราะไปร่วมงานเสวนารายการหนึ่งที่สถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง แต่เหตุผลไม่สามารถหักล้างข้อกล่าวหาได้ จึงมีมติชี้มูลในความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ที่บัญญัติไว้ว่าเจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-20 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาท-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยคดีอาญา ป.ป.ช.จะส่งให้อัยการเพื่อส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นอกจากนี้ ยังมีความผิดจริยธรรมร้ายแรง ซึ่ง ป.ป.ช.จะส่งให้ศาลฎีกาโดยตรงเลย
วันนี้ (9 มิ.ย.64) ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า สำหรับกรณีที่มีคำวินิจฉัยว่าผิดก็จะรอคำสั่ง กรณีที่จะต้องส่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.จะดำเนินการเอง ส่วนกรณีที่เกี่ยวกับจริยธรรมเป็นเรื่องที่จะส่งมาสภา แต่ทั้งหมดนี้ต้องรอดูรายละเอียดของคำวินิจฉัยอีกครั้ง เมื่อวานได้สอบถามแล้วพบว่าเรื่องยังส่งมาไม่ถึงสภา
ที่มา : สำนักข่าวอิศรา โพสต์ทูเดย์และมติชนออนไลน์