Skip to main content
sharethis

ขอให้คิดถึงภาพรวม ‘อำนาจ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล’ ชี้ ระบบเลือกตั้ง ‘บัตรสองใบ’ ของ พปชร. แค่ขนมหลอกล่อแลกสังฆกรรม ‘สืบทอดอำนาจ’ ให้ ‘ประยุทธ์’ ขณะที่ก้าวไกลเตรียมแถลงจุดยืนของ ส.ส. พรรคก้าวไกล ต่อการแก้รัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย พรุ่งนี้

 

14 มิ.ย.2564 ทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงานว่า อำนาจ สถาวรฤทธิ์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ใกล้ถึงวันรำลึก 24 มิถุนายนนี้ หรือการรำลึกถึง 89 ปีของการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตยแล้ว เป็นที่รู้ดีว่าปัจจุบันมรดก คสช. ที่สืบทอดอำนาจผ่านรัฐธรรมนูญ 2560 ยังคงอยู่ และถือเป็นอุปสรรคสำคัญอย่างยิ่งต่อประชาธิปไตยที่ถดถอยมาอย่างต่อเนื่องภายหลังการรัฐประหาร ดังนั้น สิ่งที่ทุกฝ่ายต้องคำนึงถึงให้มากคือการรวบรวมและขยายพลังฝ่ายประชาธิปไตยให้เพิ่มขึ้น ไม่ใช่การหดแคบพลังของพันธมิตรลงโดยมองที่ประโยชน์ของตนเองเป็นที่ตั้ง ทั้งนี้ หัวใจของวิกฤติที่ต้องทำความเข้าใจร่วมกันก็คือ รัฐบาลนี้เข้าสู่อำนาจด้วยการปล้นชิง ต่อมาคือการสืบทอด และในขณะนี้สิ่งที่กำลังทำคือการลากให้ยาวต่อไป พรรคก้าวไกลจึงไม่อาจเห็นด้วยในการสังฆกรรมกับพรรคพลังประชารัฐในการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ว่ากรณีใด รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราที่เสนอมาโดยไพบูลย์ นิติตะวัน 

จากสถานการณ์ปัจจุบันที่ไม่อาจต้านทานเสียงเรียกร้องของประชาชนที่ต้องการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ รัฐบาลจึงจำเป็นต้องเบี่ยงเงื่อนไขสำคัญไปสู่การเลือกแก้ในสาระที่รัฐบาลเชื่อว่าได้เปรียบและเกิดประโยชน์สูงสุดโดยเฉพาะในเวลาเลือกตั้ง เพื่อใช้เป็นเสมือน ‘พิธีกรรมชุบตัว’ ต่อดวงชะตาให้มีอายุยืนยาวขึ้น จึงเป็นที่มาของข้อเสนอแก้ไขระบบเลือกตั้งโดยใช้บัตร 2 ใบแบบรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 เพราะเชื่อว่าจะได้รับการตอบสนองจากพรรคการเมืองใหญ่และพรรคการเมืองเก่าแก่ เพื่อให้เหลือพรรคการเมืองในสนามการเมืองไม่กี่ค่ายพรรคและยังได้ประโยชน์จากการเลือกตั้งในรูปแบบนี้ จึงเริ่มเห็นท่าทีในทำนองขานรับออกมาแล้วจากบุคคลสำคัญของพรรคเพื่อไทย 

“การแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราเพื่อแก้ไขระบบเลือกตั้งโดยกลับไปใช้บัตร 2 ใบแบบรัฐธรรมนูญ 2540 หากขานรับก็หมายถึงการไม่คำนึงถึงภาพรวมของฝ่ายประชาธิปไตยทั้งหมด เอาแต่ฝ่ายของตัวเองเป็นที่ตั้ง กลายเป็นว่ากระทั่งฝ่ายประชาธิปไตยจากพรรคเพื่อไทยเดิมที่แยกออกไปตั้งพรรคใหม่ หรือพรรคร่วมฝ่ายค้านเองที่ยังจับมือกันเดินอย่างเหนียวแน่นในเวลานี้ไม่ได้รับประโยชน์ใดจากการย้อนกลับไปใช้การเลือกตั้งรูปแบบนี้ ซึ่งไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันด้วยเวลาผ่านมา 20 ปีแล้ว โดยที่บริบทต่างๆในสังคมไทยเปลี่ยนไปอย่างมากมายแล้ว จริงอยู่ที่ภายใต้จุดแข็งของการเลือกตั้งระบบนี้ทำให้มีฝ่ายบริหารที่เข้มแข็ง แต่ถ้ามองย้อนกลับไปก็จะเห็นปัญหาเช่นกัน นั่นจึงเป็นที่มาของความพยายามหารูปแบบการเลือกตั้งที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้เสียงของประชาชนจำนวนมากกลายเป็นเสียงทิ้งน้ำ เพราะการเลือกตั้งควรสะท้อนเจตนารณ์ของประชาชนด้วยการทำให้ทุกเสียงมีความหมายอย่างแท้จริง ขณะที่ระบบเลือกตั้งแบบ ปี 60 ก็ยังคงเป็นเพียงการตัดตอนดีเอ็นเอจากระบบเลือกตั้งที่ดีไปสู่การสร้างระบบ ส.ส.ปัดเศษขึ้น ซึ่งก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่จำเป็นต้องล้มเลิกระบบบัตรเลือกตั้งแบบใบเดียวไปเช่นกัน”

ทั้งนี้ อำนาจ กล่าวต่อว่า หากขานรับรูปแบบการเลือกตั้งของพรรคพลังประชารัฐด้วยการรับรองการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราในมาตรานี้ สิ่งที่ต้องตระหนักและคิดให้ดีคือการประเมินความได้เปรียบเสียเปรียบ อย่ามองเฉพาะจากความสำเร็จในอดีตที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เพราะขณะนี้พรรคพลังประชารัฐสามารถคุมได้ทั้งอำนาจรัฐและองค์กรอิสระย่อมใช้ประโยชน์เพื่อเป็นคุณต่อตัวเอง ยังมีทั้งเรื่องอำนาจอิทธิพลและความพยายามเคลื่อนเข้าไปเพิ่มอำนาจทุนด้วยการแก้ไขกฎหมายเพื่อเปิดช่องให้ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลสามารถเบียดบังงบประมาณแผ่นดินและแทรงแซงราชการในอนาคตในพื้นที่ฐานเสียงได้ พวกเขาจึงมีข้อได้เปรียบมาก ขณะที่พรรคเพื่อไทยกำลังละทิ้งพันธมิตรทั้งหมดที่เคยเดินมาด้วยกันโดยไม่อาจประกันได้ว่าจะสามารถกลับมานำการบริหารแบบที่ตั้งใจไว้ได้หรือไม่ หรือจะเป็นเพียงแค่การหลงเดินไปตามเกมต่ออายุให้รัฐบาลประยุทธ์เท่านั้น 

“ผมยังยืนยันว่าระบบการเลือกตั้งที่ดีที่สุดในเวลานี้คือ ระบบที่เจตนารมณ์และเสียงของประชาชนมีความหมาย นั่นคือต้องไม่มีเสียงใดถูกทิ้งน้ำไป เราเห็นด้วยกับระบบเลือกตั้งแบบ ‘บัตร 2 ใบ’ แบบเยอรมัน ที่ใช้การเลือก ส.ส.พึงมีจากบัตรเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งประชาชนสามารถเลือกคนที่ใช่ เลือกพรรคที่ชอบได้ไม่แตกต่างกัน แต่จำนวน ส.ส. จะมีการหักจากจำนวน ส.ส.เขต ที่ได้ไปแล้ว แบบนี้จะทำให้เสียงของประชาชนไม่ถูกทิ้งน้ำ แต่ถูกนำมาสะท้อนคิดผ่านระบบการเลือกตั้ง”

อำนาจ กล่าวทิ้งท้ายว่า หากขานรับเพียงเพราะพึงพอใจกับรูปแบบการเลือกตั้งที่เคยทำให้ประสบความสำเร็จมาแล้วก็เหมือนพอใจกับครีมน้ำตาลที่ฉาบหน้าบนหน้าขนมเค้ก อาจหอมและหวาน แต่นั่นคงเป็นไปดังคำว่า ‘หวานเป็นลม’ ขณะที่ คำขมจากเพื่อนอาจเป็นยารักษาชีวิตและฟื้นฟูกำลังของฝ่ายประชาธิปไตยทั้งหมดไว้ได้ 

“หากมองว่า ทุกวันนี้ภาพที่ประจักษ์ชัดทางการเมือง คือภาพของรัฐบาลที่บริหารไม่เป็น รับมือกับสถานการณ์วิกฤติทางสุขภาพไม่ทั่วถึง ไม่เป็นธรรม และไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจได้ ไม่ว่าในระดับมหภาคหรือระดับปากท้องของคนหาเช้ากินค่ำ แต่ก็ยังจะคว้าเข้าปากประหนึ่งมองไม่ออกว่าขนมก้อนนี้กำลังแลกมาด้วยการช่วยต่ออายุให้รัฐบาลประยุทธ์ผ่านการเลือกตั้งครั้งใหม่ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือการทำให้มรดกการรัฐประหารโดย คสช.ยังคงอยู่ต่อไป ถ้าเป็นแบบนี้แล้วการรำลึกถึงวันที่ 24 มิถุนายน 2564 หรือ 89 ปีของการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตย ยังจะเหลือความหมายใด ในเมื่อมิตรสหายบนถนนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่เดินมาด้วยกันนั้นได้ถูกกันออกไปอยู่ข้างทางเสียหมดแล้ว” อำนาจ กล่าว

นอกจากนี้ทีมสื่อพรรคก้าวไกลยังแจ้งว่า 15 มิ.ย.นี้ เวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา พรรคจะแถลงข่าวถึงจุดยืนของ ส.ส. พรรคก้าวไกล ต่อการแก้รัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย โดยมี ผู้แถลงข่าว พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พิจารณ์ เชาวพัฒนวงษ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล และรังสิมันต์ โรม รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net