Skip to main content
sharethis

มีงานวิจัยเผยมุมกลับของ 'การทำงานจากบ้าน' (Working From Home) ในยุค COVID-19 แม้หลายคนจะมีสมดุลในชีวิตการทำงานที่ดีขึ้น แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น - ด้านพนักงานเมื่อต้องทำงานที่บ้าน พวกเขาจดจ่อให้กับงานเหมือนเดิมหรือไม่?

มีการศึกษาของสำนักงานวิจัย National Bureau of Economic Research ที่เปิดเผยเมื่อช่วงเดือน เม.ย. 2564 ระบุว่าแม้การทำงานจากที่บ้านมีประโยชน์ต่อคนทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการที่ไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทางเป็นระยะเวลานาน ตลอดจนการมีสมดุลในชีวิตการทำงานที่ดีขึ้น แต่ก็พบว่าคนทำงานจำนวนไม่น้อยต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเพื่อแลกกับความสะดวกสบายเหล่านี้

คริสโตเฟอร์ สแตนตัน รองศาสตราจารย์ของ Harvard Business School ผู้ร่วมเขียนรายงานนี้กล่าวว่าผู้คนจะต้องสละพื้นที่ให้กับการทำงานจากที่บ้าน และสำหรับหลาย ๆ คนที่อาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนต์ขนาดเล็กนั้น ก่อน COVID-19 จะระบาดใหญ่ การทำงานจากบ้านในระยะยาวเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องหาที่อยู่ใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อให้เอื้อกับกิจวัตรในการทำงานที่บ้าน

หลายคนแม้จะมีสมดุลในชีวิตการทำงานที่ดีขึ้น แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

จากสถิติในสหรัฐฯ พบครอบครัวที่มีคนทำงานที่บ้านอย่างน้อยหนึ่งคนต้องเสียค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นในการจ่ายค่าเช่าหรือค่าผ่อนบ้าน

จากการวิเคราะห์ข้อมูลจากสำนักงานสำมะโนประชากรสหรัฐฯ พบว่าระหว่างปี 2556-2560 ครอบครัวที่มีคนทำงานที่บ้านอย่างน้อยหนึ่งคนต้องเสียค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นในการจ่ายค่าเช่าหรือค่าผ่อนบ้าน เพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการทำงานจากที่บ้าน ตัวอย่างเช่น ครอบครัวที่เคยจ่ายค่าเช่าประมาณเดือนละ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 31,430 บาท) จะต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายเป็นเดือนละประมาณ 1,070 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 33,630 บาท) ซึ่งเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยประมาณร้อยละ 7 เลยทีเดียว

นอกจากนี้นักวิจัยคาดว่าประมาณร้อยละ 10 ของคนที่ทำงานในสำนักงานก่อนที่ COVID-19 จะระบาดใหญ่สามารถเปลี่ยนไปทำงานเต็มเวลาที่บ้านได้อย่างถาวร ผลสำรวจล่าสุดของ Upwork ชี้ให้เห็นว่าชาวอเมริกัน 36 ล้านคนจะทำงานจากทางไกลภายในปี 2568 ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 87 จากระดับก่อน COVID-19 ระบาด และคนทำงานเหล่านี้อาจจะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

เป็นเรื่องที่ง่ายกว่าสำหรับครอบครัวที่มีรายได้สูง แต่เป็นการเพิ่มภาระให้กับคนทำงานที่มีรายได้น้อย

สแตนตัน ยังระบุว่าค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าสำหรับครอบครัวที่มีรายได้สูง แต่จะเป็นการเพิ่มภาระให้กับคนทำงานที่มีรายได้น้อย ดังนั้นครอบครัวที่มีคนทำงานจากทางไกลเหล่านั้นอาจมีค่าใช้จ่ายด้านที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับครอบครัวที่ไม่มีคนทำงานทางไกล ซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่เลยทีเดียวสำหรับผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่าระดับรายได้ปานกลาง

อย่างไรก็ตามพนักงานเหล่านั้นอาจได้รับความช่วยเหลือเล็กน้อยจากนายจ้างของตนสำหรับค่าใช้จ่ายบางส่วน สแตนตันคาดการณ์ว่าบริษัทต่าง ๆ จะรับผิดชอบรายจ่ายส่วนหนึ่งและอาจจะคืนเงินส่วนที่ทางบริษัทสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายพื้นที่สำนักงานให้กับคนงานเพื่อช่วยเหลือในเรื่องค่าใช้จ่ายด้านที่อยู่อาศัยที่เพิ่มสูงขึ้น

สแตนตัน กล่าวอีกว่าหลาย ๆ บริษัทอาจได้รับแรงจูงใจในเรื่องนี้ จากการที่ทราบว่าการมีสำนักงานที่บ้านนั้นจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้สูงขึ้นได้ แต่การให้พนักงานทำงานไม่ถูกหลักสรีรวิทยาในพื้นที่เล็ก ๆ นั้น ท้ายที่สุดแล้วจะนำไปสู่ความเหนื่อยล้า อาการเจ็บป่วย และประสิทธิภาพการทำงานจะน้อยลงในระยะยาวอีกด้วย ดังนั้นนายจ้างควรจะแน่ใจว่าพนักงานของตนมีสถานที่ทำงานที่เหมาะสมเพียงพอสำหรับการทำงานจากระยะไกล

พนักงานเมื่อต้องทำงานที่บ้าน พวกเขาจดจ่อให้กับงานเหมือนเดิมหรือไม่?

ช่วงที่ต้องกักตัวจาก COVID-19 พบชาวอเมริกันดื่มหนัก สูบกัญชาเป็นจำนวนมาก เล่นวิดีโอเกม กินอาหารขยะจำนวนมาก ดู Netflix และเสพย์สื่อลามกออนไลน์มากกว่าที่เคยเป็นมา

ช่วงที่ต้องกักตัวจาก COVID-19 พบชาวอเมริกันดื่มหนัก สูบกัญชาเป็นจำนวนมาก เล่นวิดีโอเกม กินอาหารขยะจำนวนมาก ดู Netflix และเสพย์สื่อลามกออนไลน์มากกว่าที่เคยเป็นมา

แจ็ค เคลลี นักเขียนของสื่อธุรกิจชั้นนำอย่าง Forbes ได้เขียนบทความเกี่ยวกับการทำงานที่บ้านลงในเว็บไซต์ Forbes เมื่อช่วงปลายเดือน พ.ค. 2564 ระบุว่าจากการค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมของผู้กักกันตนเองอยู่ที่บ้านในช่วง COVID-19 เพื่อพิจารณาว่าพวกเขาขยันขันแข็งในการทำงานจากที่บ้าน หรือทำกิจกรรมฝึกฝนทักษะความสามารถเพิ่มเติมหรือไม่ พบผลลัพธ์คือชาวอเมริกันดื่มหนัก สูบกัญชาเป็นจำนวนมาก เล่นวิดีโอเกม กินอาหารขยะจำนวนมาก ดู Netflix และเสพย์สื่อลามกออนไลน์มากกว่าที่เคยเป็นมา

ข้อมูลจาก Nielsen ระบุว่ายอดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นร้อยละ 55 ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 21 มี.ค. 2563 พบว่าปริมาณสุราที่ขายได้ เช่น เตกีลา จิน และค็อกเทลผสม พุ่งสูงขึ้นถึงร้อยละ 75 เมื่อเทียบกับเดือน มี.ค. 2562 ยอดขายไวน์เพิ่มขึ้นร้อยละ 66 ยอดขายเบียร์เพิ่มขึ้นร้อยละ 42 และยอดขายแอลกอฮอล์ออนไลน์เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 243 จากปีก่อนหน้านั้น

กัญชามียอดขายมากขึ้นในหลายรัฐที่ถูกกฎหมาย ตัวอย่างเช่น ร้านจำหน่ายกัญชาในรัฐอิลลินอยส์ซึ่งได้รับอนุญาตให้ขายได้อย่างถูกกฎหมายทำยอดขายได้เกือบ 36 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1,131 ล้านบาท) ในช่วงเดือน มี.ค. 2563 ส่วน Los Angeles Times รายงานว่า "ท่ามกลางการปิดล้อมของโคโรนาไวรัส ยอดขายกัญชาในแคลิฟอร์เนียกลับเพิ่มสูงขึ้น"

เว็บไซต์ลามกออนไลน์ยอดนิยมอย่าง Pornhub ที่มีผู้เข้าชมประมาณ 120 ล้านคนทุกวัน เมื่อคนอเมริกันถูกล็อกดาวน์อยู่ที่บ้าน พบว่ายอดการเข้าชมเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 11.6

สื่อ NBC รายงานในเวลานั้นว่า "ชาวอเมริกันจำนวนมากอาจพบว่าร่างกายของพวกเขาอ่อนแอและมีสุขภาพดีน้อยลงหลังการกักตัวครั้งใหญ่เมื่อต้นปี 2563" ส่วน Bloomberg รายงานว่าผู้คนหยุดรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ โดยอ้างถึงการศึกษาที่แสดงให้เห็นการเพิ่มขึ้นของการบริโภคมันฝรั่งทอด โอรีโอ เบอร์เกอร์ เพรทเซล และอาหารฟาสต์ฟูดเพื่อความสะดวกสบายอื่น ๆ 

ในช่วงสัปดาห์ที่ 16 มี.ค. 2563 Nielsen เผยว่าผู้บริโภคในสหรัฐฯ รับชมวีดีโอสตรีมมิ่งรวมกันถึง 156.1 พันล้านนาที เพิ่มขึ้น 2 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปี 2562 เกือบร้อยละ 30 เป็นการรับชมผ่าน Netflix และประมาณร้อยละ 20 เป็นการรับชมผ่านทาง YouTube 

กิจกรรมที่ไม่ใช่งาน ของคนทำงานที่บ้าน

กิจกรรมยอดฮิตอย่างหนึ่งของคนทำงานอยู่ที่บ้าน นั่นก็คือการแอบงีบหลับ

กิจกรรมยอดฮิตอย่างหนึ่งของคนทำงานอยู่ที่บ้าน นั่นก็คือการแอบงีบหลับ

ผลสำรวจของ e-conolight ที่ได้รวบรวมกิจกรรมที่ไม่ใช่การทำงานของคนทำงานที่บ้านไว้ โดยบางส่วนของผลสำรวจนี้ระบุว่า

- ร้อยละ 42 แอบออกไปหาแฟนหรือนัดเดท 
- ร้อยละ 41 แอบมีเพศสัมพันธ์
- เกือบครึ่ง แอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ร้อยละ 60 งีบหลับ
- ร้อยละ 77 ใช้เวลาซื้อของออนไลน์ (อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง)
- ร้อยละ 50 แอบทำงานให้ที่อื่นที่ไม่ใช่บริษัทต้นสังกัดของตนเอง

แต่เคลลีระบุว่าการสำรวจเหล่านี้ไม่ได้ครอบคลุมคนทำงานที่บ้านทั้งหมด และไม่ได้คำนึงถึงความทุกข์ยากที่ผู้คนต้องเผชิญช่วง COVID-19 เพราะสำหรับหลาย ๆ คนในตลาดแรงงานยังคงเป็นการต่อสู้ที่ต้องดิ้นรนทุกวัน มีผู้คนประมาณ 80 ล้านคนในสหรัฐฯ ยื่นขอสวัสดิการการว่างงาน

หลังจากช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้สิ้นสุดลง เราอาจได้สัมผัสกับยุค 'Roaring 20s' [1] ของคนรุ่นเราเอง โดยร้อยกว่าปีก่อนเมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 และการระบาดของไข้หวัดใหญ่สเปนหยุดลงในปี 2462 ยุคใหม่ของการมองโลกในแง่ดีก็ได้เริ่มต้นขึ้น ทุกอย่างดูเหมือนเป็นไปได้ มีนวัตกรรมทางเทคโนโลยีใหม่ ๆ ยุคแจ๊สและฮาร์เล็มเรเนซองส์เริ่มต้นขึ้น ศิลปะและวัฒนธรรมเฟื่องฟู ผู้คนได้เต้นรำและสนุกกับชีวิตอย่างเต็มที่

มีแนวโน้มว่า 1 ปีต่อจากนี้ เราจะได้ออกเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ ได้อีกครั้ง กอดคนที่รัก ไปร้านอาหารและบาร์ และเข้าร่วมคอนเสิร์ตสดและการแข่งขันกีฬา เราจะตั้งตารอพิธีสำเร็จการศึกษา งานแต่งงาน งานปาร์ตี้ และกิจกรรมทางสังคมอีกครั้งหนึ่ง

เคลลี ปิดท้ายบทความว่าเมื่อเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความสูญเสียที่เกิดจาก COVID-19 ผู้คนจะซาบซึ้งในสิ่งที่พวกเขามีและพยายามใช้ชีวิตให้ดีที่สุด พวกเขายังจะหางานและอาชีพที่มีความหมายและมีจุดมุ่งหมายที่ยิ่งใหญ่ มันจะเป็นช่วงเวลาแห่งความตื่นเต้น การมองโลกในแง่ดี และการเปลี่ยนแปลง.

 

ที่มาเรียบเรียงจาก
Working From Home Will Cost You (Dora Mekouar, VOA, 12 April 2021)
Study Shows People Working From Home Are Having Sex, Dating, Taking Naps And Doing Side Hustles On Company Time (Jack Kelly, Forbes, 26 May 2021)

อ้างอิงเพิ่มเติม
[1] ยุค Roaring 20s หมายถึงทศวรรษที่ 1920 ในสังคมตะวันตก เป็นช่วงเวลาแห่งความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจที่ยังมีความโดดเด่นทางวัฒนธรรมทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป

*อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 18 มิ.ย. 2564
*หมายเหตุภาพประกอบทั้งหมดในรายงานชิ้นนี้อยู่ภายใต้เงื่อนไข Creative Commons License


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net