Skip to main content
sharethis

'เพื่อไทย' ยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยกเลิกอำนาจ ส.ว. ในการเลือกนายกฯ แก้ระบบเลือกตั้ง พร้อมรับหนังสือเปิดผนึกจากกลุ่มราษฎร เรื่องข้อเรียกร้องต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

 

 

24 มิ.ย.2564 เฟซบุ๊กแฟนเพจ 'พรรคเพื่อไทย' รายงานว่า พรรคเพื่อไทย ยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 มีรายละเอียดที่ชัดเจนในการเพิ่มเติมเรื่องสิทธิเสรีภาพประชาชนด้านต่างๆ ที่ขาดหายไป ในรัฐธรรมนูญ 2560 การยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ ยกเลิการนิรโทษกรรมคณะรัฐประหาร คสช. การแก้ไขที่มาของนายกฯ ยกเลิกการให้อำนาจ ส.ว. ในการเลือกนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงการแก้ไขระบบเลือกตั้ง เพื่อสะท้อนเสียงความต้องการและตอบสนองการแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้ประชาชน ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ เป็นความพยายามในการป้องกันไม่ให้ป้องกันไม่ให้เกิดฝันร้ายกับพี่น้องประชาชนขึ้นซ้ำอีกครั้ง และสร้างความมั่นใจว่าหากจะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ จะมีสิ่งที่ดีกว่าเดิมให้กับพี่น้องประชาชนได้

ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีเจตจำนงที่ชัดเจน ตั้งแต่เลือกตั้ง 2562 ว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 และไม่เคยละทิ้งความพยายาม ได้เสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญตั้งแต่ในวาระแรก แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง โดยเฉพาะการแก้ไขมาตรา 256 เพื่อนำไปสู่การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งพรรคเพื่อไทยเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นการเสนอให้มีการแก้ไขเฉพาะหน้า หากเกิดกรณีเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหรือต้องมีการเลือกตั้งใหม่ เพื่อไม่ให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นฝันร้ายของพี่น้องประชาชน จึงต้องทำเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนว่าหากจะต้องเลือกตั้งใหม่ จะมีสิ่งที่ดีกว่าเดิมให้กับพี่น้องประชาชนได้

โดยรายละเอียดร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พรรคเพื่อไทยเสนอ มีสาระสำคัญ ดังนี้

พรรคเพื่อไทยมุ่งที่จะเพิ่มสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่ยังขาดอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ โดยเพิ่มอำนาจให้ฝ่ายนิติบัญญัติตรวจสอบถ่วงดุลองค์กรต่างๆ เพิ่มสิทธิการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม การประกันตัวและการแสดงความคิดเห็นติชมอย่างเป็นธรรม เพิ่มสิทธิทางการเมือง การจัดตั้งพรรคการเมือง การยุบพรรคการเมือง สิทธิในการเข้าถึงระบบสาธารณสุข และสิทธิในการปกป้องคุ้มครองรัฐธรรมนูญ ต่อต้านการรัฐประหารโดยสันติ

เรามุ่งที่จะยกเลิกมาตรา 65 ว่าด้วยการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ และมาตราเกี่ยวข้องอื่นๆ ซึ่งที่ผ่านมาตลอด 5 ปี ยุทธศาสตร์ชาติไม่สามารถปฏิบัติได้จริง และอาจเป็นยุทธศาสตร์ทางการเมืองในการกำจัดฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองมากกว่า

เราจะดำเนินการยกเลิกการนิรโทษกรรม คสช. ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งขัดหลักประชาธิปไตย

ที่สำคัญ คือ ที่มาของนายกฯ และการมีส่วนร่วมในการเลือกนายกฯ ต้องแก้ไขให้นายกฯ มาจากสภาผู้แทนราษฎร โดยจะต้องอยู่ในบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง หรือต้องเป็น ส.ส. ต้องไม่เอามาจากคนนอก ในการเลือกนายกฯ ครั้งที่ผ่านมา พี่น้องประชาชนได้ให้โอกาส ส.ว.ในการเลือกนายกฯ แล้ว แต่บุคคลที่ ส.ว.เลือกมาเป็นนายกฯ กลับทำให้การบริหารราชการแผ่นดินเดินไปไม่ได้ กลายเป็นการเปลี่ยนผ่านที่เลวร้าย อีกทั้งยังเป็นการสืบทอดอำนาจ โดยมีกฎหมายรองรับ

ประเด็นเกี่ยวกับระบบเลือกตั้ง คือกุญแจสำคัญในการเข้าสู่อำนาจ เรามีตัวเลือก 2 แนวทาง คือ ระบบเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2560 ที่สุดโต่งทำให้เกิดพรรคเล็กพรรคน้อยเต็มไปหมด และระบบเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2540 แม้จะมีจุดอ่อน แต่ได้พยายามแก้ไขด้วยการลดเพดานการคำนวณคะแนนเฉลี่ยระบบบัญชีรายชื่อ ให้มาอยู่ที่ 1% เพื่อเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองขนาดเล็ก และเปิดโอกาสให้ส่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อได้ แม้ไม่ได้ส่ง ส.ส.เขตแม้แต่เขตเดียว

กรณีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนที่มีผู้ได้เสนอเข้ามา ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีปัญหาอย่างมาก เกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจ ส.ส. มาตรา 144 ที่ห้าม ส.ส.ไม่ให้ยุ่งกับงบประมาณประจำปี และ มาตรา 185 ที่ห้ามไม่ให้ ส.ส.ก้าวก่ายแทรกแซงการทำงานของหน่วยราชการ ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีมติอย่างชัดเจนว่าไม่สามารถรับได้ ที่จะทำเพื่อตนเองและโดยเฉพาะการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องงบประมาณของแผ่นดิน

สมคิด เชื้อคง ส.ส. อุบลราชธานี กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ร่างขึ้นโดยคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ 34 คนที่ คสช.แต่งตั้งขึ้นมา จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องยกเลิก เพราะซ้ำซ้อนกับสิ่งที่สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จัดทำอยู่แล้ว จนทำให้กลายเป็นการดึงงานด้านนโยบายกลับไปสู่ระบบราชการ ซึ่งปัญหาใหญ่คือนโยบายที่สร้างสรรค์ต่างๆ ที่มีผู้เสนอหรือแม้แต่นโยบายของพรรคการเมืองไม่สามารถทำให้พี่น้องประชาชนได้ ซึ่งก็กลายเป็นว่าการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนไม่ได้ อีกทั้งยังการกำหนดยุทศาสตร์ชาติไว้ยาวนานถึง 20 ปี ไม่สะท้อนความเป็นจริงของสังคมที่เปลี่ยนแปลงทุกวัน ดังนั้นพรรคเพื่อไทยเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องในส่วนนี้ก็เพื่อให้ประเทศเดินหน้า

นอกจากนี้ยังได้เสนอให้แก้ไข มาตรา 279 ซึ่งนิรโทษกรรมคณะรัฐประหาร คสช. ซึ่งขัดแย้งกับหลักประชาธิปไตย เป็นการนิรโทษกรรมคนที่ยึดอำนาจตั้งแต่อดีต ปัจจุบันไปยันอนาคต ทำอะไรก็ไม่ผิด โดยเฉพาะการออกคำสั่งตามมาตรา 44 ที่สร้างปัญหาในหลายด้าน ตลอด 7 ปีที่ผ่านมาทำให้ประเทศไทยเศรษฐกิจย่ำแย่ พี่น้องประชาชนยากลำบาก ข้ออ้างการทำรัฐประหารว่าเป็นเพราะปัญหาการทุจริต วันนี้ก็พิสูจน์แล้วว่า 7 ปีที่ผ่านมาการทุจริตกลับพุ่งสูงขึ้น ซึ่งองค์กรระดับโลกจัดอันดับเอาไว้อย่างชัดเจน

ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส. สุรินทร์ ยืนยันว่าจำเป็นต้องแก้ไขมาตรา 159 เกี่ยวกับที่มาของนายกฯ เนื่องจากปัจจุบันนายกฯ นั้นไม่ได้มาจากการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ขณะที่ที่ผ่านมาไม่ว่าจะรัฐธรรมนูญฉบับไหน นายกฯ ก็จะต้องมาจากการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง รัฐธรรมนูญ 2560 จึงกลายเครื่องมือที่เอื้อให้คนคนหนึ่งกลายเป็นนายกฯ ผ่านกลไกที่ได้วางแผนเอาไว้ ดังนั้น เพื่อให้ประเทศชาติได้เดินหน้าต่อไปท่ามกลางวิกฤตโควิดขณะนี้ จึงจำเป็นต้องแก้ไขโดยไว

เช่นเดียวกับการยกเลิกมาตรา 272 ที่ให้อำนาจสมาชิกวุฒิสภาเลือกนายกฯ ซึ่งหนทางนี้จะเป็นการช่วยให้ ส.ว. ทั้งหลาย ไม่ต้องอับอายกับคนรุ่นใหม่ที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลพลเอกประยุทธ์

รับหนังสือเปิดผนึกจากกลุ่มราษฎร เรื่องข้อเรียกร้องต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

โดยเวลา 14.00 น. ตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย ชลน่าน และ สมคิด รับมอบหมุดคณะราษฎรจำลอง และรับหนังสือเปิดผนึก ถึงข้อเรียกร้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จากกลุ่มคณะราษฎร เพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา ได้อ่านและรับไปพิจารณาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณากันในที่ประชุมรัฐสภา วาระ 1

โดย ชลน่าน กล่าวว่า 1) การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องกระทำโดยประชาชน ผ่านสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ‘ส.ส.ร.’ 2) การจัดทำรัฐธรรมนูญ ต้องให้อำนาจแก่ ส.ส.ร. ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนในการแก้กฎหมายได้ตามเจตจำนงค์ของประชาชนโดยไม่มีข้อห้าม 3) การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องตัดตอนการสืบทอดอำนาจ คสช. โดยการแก้ไขทั้งหมดในครั้งนี้ กลุ่มราษฎรได้แก่ พริษฐ์ ชิวารักษ์, ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล, จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา และ กลุ่มนักเรียนเลว ได้เป็นตัวแทนเข้ามาพูดคุยรายละเอียดและร่วมแสดงความเห็นร่วมกับ ส.ส. ที่รัฐสภา เพื่อหาทางออกร่วมกันต่อจากนี้

ชลน่าน กล่าวว่าการร่วมมือของการเคลื่อนไหวภาคประชาชนและพรรคการเมือง เป็นเรื่องปกติของกระบวนการประชาธิปไตย และขอยืนยันว่าภารกิจสำคัญที่พรรคเพื่อไทยยึดมั่นคือ การทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย โดยผ่านระบบรัฐสภาและร่วมเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับพี่น้องประชาชน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net