ศาลฎีกาสั่งจำคุก 'จตุพร' 12 เดือนไม่รอลงอาญา คดีหมิ่น 'อภิสิทธิ์'

ศาลฎีกายืนจำคุก 'จตุพร' 12 เดือนไม่รอลงอาญา คดีหมิ่น 'อภิสิทธิ์' เมื่อปี 52 โดยให้นับโทษต่อจากคดีก่อนหน้า ขณะที่ศาลอาญากำลังคำนวณโทษจำคุกที่เหลือ หากไม่เหลือวันรับโทษก็จะได้กลับบ้าน

8 ก.ค. 2564 ที่ศาลอาญา ศาลอ่านคำสั่งฎีกาในคดี ที่เดิมอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ยื่นฟ้องจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.คดีที่ 4176/52 ในความผิดหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กรณีกล่าวหาอภิสิทธิ์ประวิงเวลาในการทำความเห็นเสนอต่อสำนักราชเลขาธิการ เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งศาลฎีกามีคำพิพากษาไปเมื่อปี 60 ให้จำคุกจตุพร 12 เดือน โดยไม่รอลงอาญา และศาลให้นับโทษต่อจาก คดี อ.4907/2555 หรือ คดีหมิ่นประมาทอีกคดี ที่หาว่าอภิสิทธิ์เป็นฆาตกรมือเปื้อนเลือดฆ่าประชาชน (คดีถึงที่สุดให้จำคุกกระทงละ 6 เดือนรวม 2 กระทง) การฟังคำสั่งศาลฎีกาในวันนี้เนื่องจากจำเลยมีความเข้าใจว่า ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์มีคำสั่งคลาดเคลื่อนต่อหลักกฎหมายเกี่ยวกับการนับโทษต่อ ทำให้จำเลยเสียสิทธิเสรีภาพ ซึ่งหากศาลฎีกามีคำสั่งว่าจตุพรจำเลยต้องมารับโทษต่อจริงมีผลเท่ากับว่าจตุพรต้องติดคุกต่อตามจำนวนโทษที่ค้าง

ก่อนฟังคำสั่ง จตุพร ประธาน นปช. กล่าวก่อนขึ้นห้องพิจารณาคดีว่า เดินทางมาฟังคำสั่งศาลไม่ใช่คำพิพากษา เพราะคำพิพากษาเป็นที่ยุติ และได้ถูกจองจำคุกไปแล้ว โดยศาลได้ออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดและสั่งปล่อยตัวเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมาอภิสิทธิ์ ได้ฟ้องร้องหลายคดีและศาลมีคำสั่งจำคุก 2 คดี วันนี้จึงต้องการฟังคำพิพากษา จะไม่มีการขอเลื่อน ขอรับฟังเท่านั้น ปัญหาที่เกิดขึ้น ความเสียหาย จากการสั่งของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ในขณะที่สั่งให้นับโทษต่อ ทั้งที่ไม่มีอำนาจ ที่จะกระทำได้ กระบวนการยุติธรรมนี้จะรับผิดชอบอย่างไร การที่มีคำสั่งปล่อยตัวในขณะที่ตัวเองเป็นนักโทษชั้นดีเรื่องนี้ต้องขอขอบคุณ

ประธาน นปช. กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาตัวเองติดคุกมาแล้ว 4 ครั้งเรียกได้ว่าเป็นมนุษย์คุกคนหนึ่ง รู้แล้วว่าจะต้องใช้ชีวิตอย่างไร ในส่วนของคณะไทยไม่ทน ต่อให้ไม่มีตัวเองก็จะต้องเดินหน้าต่อ เบื้องต้นจากการที่พูดคุยการชุมนุมในวันเสาร์ที่จะถึงนี้จะไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มสมบัติ บุญงามอนงค์ ไม่มีการตั้งเวทีปราศรัยแต่จะยกขบวนไปสมทบกัน

จตุพร กล่าวด้วยว่าตนได้เตรียมพร้อมและทำสำเร็จหมดแล้ว ทั้งการเดินทางไปฉีดวัคซีน ทำฟัน เพื่อเตรียมพร้อมกับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในชีวิต เพราะฉะนั้นแล้วในวันนี้ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรขอให้คนในประเทศ มีความรักและความศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรม ซึ่งต่อมาศาลฎีกามีคำสั่งใจความว่าที่ศาลอุทธรณ์ให้นับโทษต่อนั้นชอบแล้ว จึงมีคำสั่งยืนตามศาลล่างคดีถึงที่สุด

หลังฟังคำสั่ง วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความจำเลย กล่าวว่า ศาลฎีกามีคำสั่งยืนตามศาลอุทธรณ์ คือให้นับโทษคดีที่สองต่อจากคดีเเรกเมื่อคดีเเรกถึงที่สุด โดยระหว่างนี้ศาลอาญาอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าโทษต่อจากคดีเเรก ที่ให้นับต่ออีก 12 เดือน นั้นเหลือวันจำคุกอีกเท่าไร

วิญญัติ กล่าวอีกว่า สิทธิประโยชน์จากการเป็นนักโทษชั้นดีและอภัยโทษ จตุพรควรจะได้ด้วยหรือไม่ เพราะถ้าได้รับก็ต้องหักลบ วันที่ต้องได้รับโทษจำคุก แต่อย่างไรก็ตามจตุพรก็ตั้งคำถามว่า หากก่อนหน้านี้ศาลมีคำสั่งปล่อยตัวและในวันนี้จะนำกลับเข้าไปเรือนจำใหม่อีกครั้ง ถือว่าเป็นความยุติธรรมหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ศาลอาญากำลังคำนวณหักวันจำคุกที่จตุพรเคยจำคุกมาแล้วก่อนหน้านี้ประกอบกับวันลดหย่อนต่างๆ ตามกฎหมาย และระเบียบราชทัณฑ์ ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้ว่า หากหักกลบมันตรงกันแล้ว ไม่เหลือวันที่ต้องจำคุกอีก จตุพรอาจจะได้เดินทางกลับบ้านในวันนี้

อ้างอิงจาก: ไทยรัฐออนไลน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท