Sandbox คือปราสาททราย! ไม่เพียงเรียกเสียงหัวร่องอหาย เด็กรุ่นใหม่เย้ยหยันกันทั่วโลกออนไลน์ ภาพนายกฯ กับรัฐมนตรีไปนั่งสังสรรค์ริมหาด ยังกลายเป็น #รัฐบาลฆาตกร เพราะสวนทางอย่างสุดสะเทือนใจกับตัวเลขผู้ป่วยผู้เสียชีวิต ภาพพยาบาลล้มพับ ภาพรองปลัด สธ.สะอื้น เพราะไอซียูไม่พอรับผู้ป่วยหนัก

รัฐมนตรีท่องเที่ยวพ้อ ทำอะไรก็ผิด ไม่รู้หรือ ทุกรัฐบาลก็เจออย่างนี้ยามเกิดวิกฤตศรัทธา รัฐบาลตู่เลยจุดที่เรียกว่าวิกฤตศรัทธามาไกลลิบด้วยซ้ำ ทั้งไม่ชอบธรรมทั้งล้มเหลวซ้ำซาก ก็ครองอำนาจอยู่ได้ไม่ต้องแยแสประชาชน

คงเชื่อว่าต่อให้คนติดเชื้อวันละหลายหมื่นตายวันละหลายร้อย ก็ทำอะไรรัฐบาลไม่ได้ เพราะเครือข่ายอำนาจแน่นปั๋ง มีทั้งทหารตำรวจมีทั้งองค์กรกฎหมาย ม็อบราษฎรไม่โดนสลายก็โดนตั้งข้อหามีโทษจำคุกถึงชาติหน้า แค่ บ.ก.ลายจุดจะพาขับรถไปบีบแตรหน้าทำเนียบ ตำรวจก็ขู่จะยึดรถ บิดเบือนกฎหมายแบบไม่บันยะบันยัง

แก้รัฐธรรมนูญก็ทางตัน ไม่สามารถไปสู่เลือกตั้ง ยุบสภาลาออก 250 ส.ว.ก็เลือกกลับมาใหม่

นี่ถ้าเป็นรัฐบาลนักการเมือง โดนรัฐประหารไปแล้ว แต่ประยุทธ์มาจากอำนาจรัฐประหาร ล้มกันเองก็ยิ่งเข้าทางตัน

กระนั้น กระแสความโกรธความไม่พอใจของประชาชน ที่ลามไปทุกวิชาชีพ ร้านอาหาร พ่อค้าแม่ค้า ดารานักร้อง หมอพยาบาล กว้างใหญ่ไพศาลยิ่งกว่าม็อบราษฎร ก็จะเป็นเสมือนคลื่นซัด “ปราสาท” ที่ก่อร่างด้วยทราย แล้วเติมอิฐเติมปูนเข้าไป โดยไร้ฐานรากความชอบธรรม ให้พังถล่มครืนเมื่อถึงเวลา ทับทุกคนที่อยู่ในนั้น

ปราสาททรายของเครือข่ายอำนาจอนุรักษนิยม ที่สร้างขึ้นจากระบอบรัฐประหาร 57 นี่แหละจะพัง เพราะทั้งไม่มีความชอบธรรม และอยู่บนวิบัติศรัทธา

ประยุทธ์ไม่ใช่ตัวปราสาท ประยุทธ์เป็นแค่ยามขี่ม้า ที่คนเชียร์นึกว่าเป็นอัศวิน ฝ่ายอนุรักษนิยมที่เชียร์ประยุทธ์มองเห็นเป็นเปรม ผู้สถาปนาประชาธิปไตยครึ่งใบ หรือประชาธิปไตยใต้อำนาจนำ ให้รุ่งเรืองยืนยาว

ทั้งที่มันไม่ใช่ มันคนละยุคสมัยกัน การปรับตัวก็ต่างกัน หลัง 6 ตุลากว่าจะถึงเปรมมีรัฐประหารโค่นรัฐบาลหอยโดยเกรียงศักดิ์ นำประเทศกลับสู่ compromise แล้วเปรมมาสานต่อ

เปรมเป็นปูชนียบุคคลของฝ่ายอนุรักษ์จากภาพที่ หนึ่ง เชื่อกันว่าสามารถควบคุมนักการเมืองไม่ให้คอร์รัปชั่น แม้พ้นสมัยเปรม นักการเมืองเหล่านั้นก็กลายเป็นบุฟเฟต์คาบิเนต สอง เปรมดึงคนเก่งมาช่วยงาน “เทคโนแครต” ข้างตัวเต็มไปหมด

แค่นี้ก็เห็นแล้วว่าใครเป็นยามขี่ม้า ที่ปั้นจากทราย หันมองรอบตัวมีใครบ้าง ไม่ต้องดูเรื่องเศรษฐกิจให้เพลียใจ ดูเรื่องโควิด คุยว่า ศบค.มีแต่หมอเก่งๆ ทั้งนั้น ทำไมปราบโควิดไม่อยู่ ทำไมประเมินสถานการณ์ผิด เดี๋ยวให้เปิดเดี๋ยวลักปิด สั่งซื้อวัคซีนล่าช้า ป่านนี้ไฟเซอร์โมเดอร์นายังไม่ทำสัญญา แอสตร้าส่ง ไม่ครบ เหลือแต่ซิโนแวค หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา

การจัดสรรวัคซีนที่มีน้อยอยู่แล้วก็ไร้ยุทธศาสตร์ แทนที่จะจัดให้คนแก่คนกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่เสี่ยงก่อน แล้วทยอยตามลำดับ นี่เดี๋ยวก็ห่วงพื้นที่ท่องเที่ยว เดี๋ยวก็ห่วงแรงงาน ม.33 เดี๋ยวครูอาจารย์จะเปิดโรงเรียน เดี๋ยวจะรับทหารเกณฑ์ผลัดใหม่ ฯลฯ สะเปะสะปะไปหมด กลายเป็นแม่ทัพรบแพ้ ประชาชนตายเกลื่อน

มาตรการเยียวยาก็คิดไม่เป็น ปิดแคมป์คนงานเอาทหารไปคุมให้ขังตัวในกล่องสังกะสี รับเงิน 50% ห้ามนั่งร้านอาหารแล้วค่อยบอกว่าจะสั่งข้าวกล่องไปให้คนงานกิน จะใช้เงินกู้เงินงบประมาณมาอัดฉีดเศรษฐกิจ ก็ติดรายจ่ายประจำ เพราะรัฐราชการเทอะทะไร้ประสิทธิภาพ งาบงบไปหมด ขนาดรบกับโควิด ยังต้องซื้อรถถังเรือดำน้ำก่อน

ในทางการเมืองประยุทธ์คุมใครได้บ้าง ได้แต่เอาโควตาพวกพ้องมาทับที่นั่งพลังประชารัฐ แล้วอาศัยธรรมนัสเป็นผู้จัดการ

การแก้ไขรัฐธรรมนูญระบบเลือกตั้งจึงล่ม กลายเป็น ส.ว. ไม่ไว้วางใจพรรคใหญ่ทั้งเพื่อไทยพลังประชารัฐ หันไปสมคบกับ ปชป.

ถามว่าระบอบอำนาจปัจจุบันเปลี่ยนประยุทธ์ได้ไหม เปลี่ยนได้ แต่ไม่รู้จะเอาใคร เพราะ 7 ปีประยุทธ์สร้างตัวเป็นศูนย์รวมแห่งการปกป้องของสลิ่มคลองโอ่งอ่าง ความเชื่อมั่นอย่างดันทุรังอยู่ที่ตัวประยุทธ์ ไม่ใช่รัฐบาล แม้ลดลงทุกวัน ประยุทธ์ก็เป็นสัญลักษณ์คู่กับอำนาจ ที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้ง่ายๆ เปลี่ยนเมื่อไหร่ ก็ยิ่งเสื่อมถอยลง

สถานการณ์จากนี้จะยิ่งย่ำแย่แต่ยิ่งเข้าทางตัน คนติดเชื้อ คนตาย มากขึ้นทุกวัน พร้อมกับคนตกงาน คนฆ่าตัวตาย คนโกรธรัฐบาลยิ่งกว้างขวาง แต่ไล่ไม่ได้ ดันทุรังไม่ยอมไป หวังว่าจะอยู่จนโควิดจางแล้วความโกรธลดลงก็จะใช้อำนาจบังคับต่อไป ภายใต้เศรษฐกิจหลังโควิดที่ยิ่งย่ำแย่

แต่ภายใต้สถานการณ์อย่างนี้แหละ ที่รัฐปราสาททรายจะแตกเป็นกระบิ แล้วพังครืน เพราะไม่ยอมปรับเปลี่ยนลดความกดดัน

ทั้งที่หากประยุทธ์ลาออก หรือปรับ ครม. ยุบ ศบค. ยกเครื่องใหม่ อย่างที่หัวหน้าพรรคก้าวไกลเสนอ แบบหวังดีที่สุดแล้ว ก็ยังพอจะลดแรงปะทะได้

แต่คงไม่ทำอีกนั่นแหละ

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/politics/hot-topics/news_6487642