Skip to main content
sharethis

ตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาชาวคิวบาจำนวนมากชุมนุม เพื่อประท้วงรัฐบาลจากเหตุวิกฤตการขาดแคลนอาหารและเวชภัณฑ์ รวมถึงเรียกร้องเสรีภาพ ขณะที่รัฐบาลคิวบาอ้างว่าผู้ประท้วงเป็นพวกรับเงินต่างชาติและท่ามกลางข้อถกเถียงระหว่างนักการเมืองสหรัฐฯกับคิวบาว่าปัญหาความขาดแคลนของคิวบาเป็นเพราะการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ หรือเป็นเพราะปัญหาการจัดการของรัฐบาลคิวบาเอง

ภาพการประท้วงในคิวบา จากวิดีโอรายงานของ NBC News

13 ก.ค. 2564 ประชาชนชาวคิวบาหลายพันคนชุมนุมประท้วงรัฐบาลในเรื่องวิกฤตการขาดแคลนอาหาร ยา และเครื่องมือทางการแพทย์ วิกฤตการณ์ที่พวกเขาเผชิญนั้นแย่ลงไปยิ่งกว่าเดิมจากโรคระบาด COVID-19 และการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นสัมภาษณ์ของผู้ประท้วงหลายคนจากหลายเมือง พบว่าผู้ประท้วงแสดงความไม่พอใจทั้งในเรื่องการขาดเสรีภาพและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เลวร้ายลงกว่าเดิม เนื่องจากคิวบาเป็นประเทศที่มีการควบคุมทางการเมืองสูงมากจึงไม่ค่อยมีการประท้วงเกิดขึ้นให้เห็นบ่อยครั้งนัก มีผู้ประท้วงจำนวนมากที่ตะโกนคำขวัญว่า "เสรีภาพ" และเรียกร้องให้ประธานาธิบดี มิเกล ดิแอซ-คาเนล ออกจากตำแหน่ง

การประท้วงเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค. เหตุการณ์ที่ตำรวจจับกุมผู้ประท้วงหลายราย มีการใช้แก็สน้ำตาสลายการชุมนุมในบางแห่ง ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็นระบุว่าพบเห็นตำรวจใช้กำลังจับกุมผู้ชุมนุมแล้วโยนพวกเขาขึ้นหลังรถตู้ นอกจากนี้ยังมีกรณีที่มีการปะทะกันโดยที่ผู้ชุมนุมร่วมมือกันคว่ำรถตำรวจและขว้างปาก้อนหินใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ

ท่ามกลางความไม่พอใจของผู้ชุมนุม ประธานาธิบดีดิแอซ-คาเนลแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลคิวบาว่าสิ่งที่ทำให้คิวบาเกิดวิกฤตเป็นเพราะสหรัฐฯทำการคว่ำบาตรทางการค้า แต่ดิแอซ-คาเนลก็ไม่ได้มีข้อเสนอหรือการรอมชอมใดๆ กับผู้ชุมนุม ในทางตรงกันข้ามกลับเรียกร้องให้คนที่สนับสนุนเขาใช้กำลังเผชิญหน้ากับผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลโดยระบุว่า "มีคำสั่งอนุญาตให้ต่อสู้แล้ว" นอกจากนี้ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า "การปฏิวัติควรจะอยู่บนท้องถนน"

บนท้องถนนในเมือง ซาน อันโตนิโอ เดอ ลอส บาญอสมีประชาชนหลายร้อยคนประท้วงแสดงความไม่พอใจโดยไม่สนใจว่าจะมีกำลังตำรวจแน่นหนา มีผู้ประท้วงรายหนึ่งบอกว่าผู้คนเก็บกดความโกรธเอาไว้จน "ระเบิดออกมา"

ทั้งนี้องค์กรเฝ้าระวังการปิดกั้นอินเทอร์เน็ต "เน็ตบล็อกส์" (NetBlocks) ระบุเมื่อวันที่ 12 ก.ค. ที่ผ่านมาว่ามีการปิดกั้นโซเชียลมีเดียและโปรแกรมส่งข้อความในคิวบาเมื่อเชื่อมต่อผ่านETECSA ซึ่งเป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของรัฐบาล ซึ่งมีการรายงานผลแบบเรียลไทม์ผ่านแฮชแท็ก #CubaSOSว่ามีการขัดขวางการใช้งานอินเตอร์เนตระหว่างที่การประท้วงกำลังขยายตัวออกไป โดยขณะนี้มีโปรแกรมที่ถูกปิดกั้นแล้วได้แก่ WhatsApp, เฟซบุ๊ก, อินสตาแกรม และเซอร์เวอร์บางตัวของโปรแกรมแช็ตเทเลแกรม

มีการตั้งข้อสังเกตจากวิดีโอการประท้วงที่อัพโหลดขึ้นโซเชียลมีเดียพบว่าการประท้วงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันในครั้งนี้เริ่มได้รับแรงสนับสนุนมากขึ้นจากการที่มีกระแสผู้ประท้วงออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ในเมืองต่างๆ ของคิวบา ในวิดีโอบางชุดมีประชาชนตะโกนว่าพวกเขาไม่กลัว บ้างก็เรียกร้องเสรีภาพและการเข้าถึงวัคซีนป้องกัน COVID-19

ประธานาธิบดีดิแอซ-คาเนลไม่ยกเลิกแผนการเยี่ยมเมือง ซาน อันโตนิโอ เดอ ลอส บายอสเมื่อวันที่ 11 ก.ค. หลังจากที่ตำรวจสลายการชุมนุม ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลคิวบาทวีตกล่าวหาผู้ประท้วงว่าเป็น "พวกที่รับเงินมา"

สื่อรัฐบาลคิวบาอย่าง "แกรนมา" (Granma) นำเสนอเรื่องในเมืองซานอันโตนิโอเดอลอสบาญอสเช่นกัน แต่เน้นพูดถึงการเดินสายของประธานาธิบดี รวมถึงเน้นนำเสนอเสียงจากผู้ที่สนับสนุนรัฐบาลมากกว่าเสียงของผู้ประท้วง โดยระบุถึงผู้สนับสนุนรัฐบาลรายหนึ่งอ้างว่าเขาเป็น "ผู้จงรักภักดีต่อการปฏิวัติ" ขณะเดียวกันก็มีการสัมภาษณ์ลูกชายของประชาชนผู้สนับสนุนรัฐบาลคนดังกล่าวด้วย เขากล่าวหาว่ามี "มาเฟียชาวอเมริกันเชื้อสายคิวบา" เป็นผู้ "จ่ายเงินจ้างพวกยุยงปลุกปั่น"

ในวันที่ 12 ก.ค. ที่ผ่านมา โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องให้รัฐบาลดิแอซ-คาเนล "รับฟังเสียงของประชาชนของพวกเขาและให้ในสิ่งที่ประชาชนต้องการ"

ไบเดนแถลงอีกว่าพวกเขายืนหยัดเคียงข้างประชาชนชาวคิวบาและการเรียกร้องเสรีภาพและการแก้ไขปัญหา COVID-19 นอกจากนี้ไบเดนยังระบุว่าชาวคิวบาตกอยู่ภายใต้ "การปิดกั้นเสรีภาพและความยากลำบากทางเศรษฐกิจมาเป็นเวลาหลายสิบปี" ซึ่งไบเดนมองว่าเป็นผลมาจากการที่ประชาชนเหล่านี้ "อยู่ภายใต้ระบอบอำนาจนิยมคิวบามาเป็นเวลาหลายสิบปี"

ทั้งนี้เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของทำเนียบขาวยังได้ทวีตแสดงจุดยืนในเรื่องนี้เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ที่ผ่านมาระบุว่าสหรัฐฯ สนับสนุนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพในการชุมนุมของคิวบา และประณามการใช้ความรุนแรงหรือตั้งเป้าหมายเล่นงานผู้ประท้วงอย่างสันติที่ใช้สิทธิตามหลักการสากล

เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ รายอื่นๆ ยังแสดงความกังวลในเรื่องการ "เรียกร้องให้มีการปะทะกัน" ในคิวบา โดยที่ จูลี ชุง รักษาการรองหัวหน้าสำนักงานกิจการซีกโลกตะวันตกของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ขอให้มีการอดกลั้นและยืนยันในจุดยืนสนับสนุนเสรีภาพในการชุมนุมอย่างสันติของชาวคิวบา รวมถึงประณามความรุนแรงใดๆ ก็ตามที่เกิดขึ้น

บ็อบ เมนอนเดซ ประธานคณะกรรมการฝ่ายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของวุฒิสภาก็แถลงถึงรัฐบาลคิวบาว่า "เป็นเผด็จการที่ใช้ความรุนแรงและการลิดรอนเสรีภาพปิดปากประชาชนมาเป็นเวลาหลายสิบปี" รวมถึงประกาศว่าความเป็นเผด็จการของคิวบาควรจะสิ้นสุดลง

นักข่าวที่ติดตามเรื่องคิวบา แคร์รี คาห์น กล่าวถึงการประท้วงว่าแม้จะตำรวจจะพยายามปราบปรามการชุมนุมแต่ก็ยังคงมีการชุมนุมต่อเนื่องไปอีกหลายชั่วโมงในหลายพื้นที่ การประท้วงของผู้คนจำนวนมากขนาดนี้เป็นสิ่งที่แคร์รีไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนในคิวบา และประธานาธิบดีคิวบายังออกมาเรียกร้องให้ประชาชนผู้สนับสนุนตัวเองออกมาบนท้องถนน แต่เขาก็พูดถึงเรื่องที่ประชาชนกล่าวถึงปัญหาการขาดแคลนอาหารและขาดแคลนเชื้อเพลิงเกิดขึ้นจริงด้วย

ความสัมพันธ์ระหว่างคิวบากับสหรัฐฯ แย่ลงนับตั้งแต่ที่รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้มาตรการจำกัดทางเศรษฐกิจต่อคิวบาในขั้นหนักที่สุดในรอบหลายสิบปี และรัฐบาลไบเดนก็ยังคงรั้งรอที่จะยกเลิกมาตรการนี้ อีกทั้ง COVID-19 ก็ทำให้เศรษฐกิจของคิวบาที่แย่อยู่แล้วยิ่งแย่ลงไปอีกในช่วงที่โรคระบาดหนัก ทำให้คิวบาที่ต้องพึ่งพาการท่องเที่ยวและอาศัยการนำเข้าสินค้าเพื่อการบริโภคมีปริมาณลดลง

ดิแอซ-คาเนล วิจารณ์มาตรการของทรัมป์ว่าทำให้คิวบาต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก และต้องเผชิญกับภาวะความขาดแคลนทางเศรษฐกิจ

รัฐมนตรีต่างประเทศของคิวบา บรูโน รอดริดจ์ วิจารณ์แถลงการณ์ของฝ่ายความมั่นคงสหรัฐฯ ว่า "ไม่มีอำนาจชอบธรรมทางการเมืองหรือทางศีลธรรมใดๆ ที่จะพูดเกี่ยวกับเรื่องคิวบา" โดยอ้างว่าการปิดกั้นทางเศรษฐกิจจากสหรัฐฯ ก่อให้เกิดความยากลำบากทางเศรษฐกิจในคิวบาเช่นเดียวกัน

ประธานาธิบดีเม็กซิโก อังเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ เรียกร้องให้สหรัฐฯ ยกเลิกการคว่ำบาตรทางการค้ากับคิวบาในฐานะการแสดงออกเชิงมนุษยธรรม โอบราดอร์บอกว่า "ไม่มีประเทศใดที่ควรจะถูกปิดกั้นล้อมรั้ว นั่นเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิทธิมนุษยชน"

ถึงแม้ว่ารัฐบาลไบเดนจะยังคงไม่ยกเลิกนโยบายของทรัมป์ต่อคิวบา แต่เลขาธิการทำเนียบขาว เจน ซากี ก็บอกว่าสหรัฐฯ ยังคงให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและเวชภัณฑ์ขณะเดียวกันก็พูดว่ายังไม่มีเรื่องการพิจารณาเปลี่ยนแปลงนโยบายการคว่ำบาตรแต่อย่างใด

โทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ โต้ตอบข้อวิจารณ์ของคิวบาว่ารัฐบาลคิวบาพยายามผลักความรับผิดชอบต่อปัญหาในคิวบาว่าเป็นสิ่งที่มาจากการกระทำของสหรัฐฯ แทนที่จะมองว่ามันเป็นปัญหาที่ประชาชนชาวคิวบาสะท้อนออกมาเอง ไม่ได้เกิดจากสหรัฐฯ หรือผู้กระทำจากภายนอก

 

เรียบเรียงจาก

Cubans take to streets in rare protests over lack of freedoms and worsening economy, CNN, 13-07-2021

Thousands In Cuba Protest Over The Worsening Economy, NPR, 12-07-2021

San Antonio de los Baños: Whatever it takes, Díaz-Canel!, Granma, 12-07-2021

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net