Skip to main content
sharethis

พีมูฟ จ.ลำพูน ค้านนายทุนเข้ารังวัดสอบเขตที่ทำกินชาวบ้านสันตับเต่า ยันทำกินในพื้นที่มาก่อน เรียกร้องกระบวนการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์-รอผลจากคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหา เจ้าพนักงานที่ดินไกล่เกลี่ยยอมชะลอ

วันนี้ (14 ก.ค. 64) เวลา 09.30 น. ณ แปลงที่ดินทำกินในชุมชนบ้านสันตับเต่า อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน ช่างรังวัดสอบเขตที่ดินจากสำนักงานที่ดินจังหวัดลำพูน สาขาบ้านโฮ่ง ร่วมกับ สภ.บ้านโฮ่ง และกลุ่มนายทุน เข้าพื้นที่หลังกลุ่มนายทุนยื่นเรื่องขอรังวัดสอบเขตที่ดิน 6 แปลง เนื่องจากเป็นเอกสารสิทธิ์ของตน แต่มีชาวบ้านทำกินในที่ดินมาก่อน แม้อยู่ในระหว่างการแก้ไขปัญหากับรัฐบาลตามกลไกของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) และการแพร่ระบาดของสถานการณ์โควิด-19 โดยมีสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) เข้าสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด

ตั้งแต่ปี 2563 รัฐบาลได้ตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่สาธารณประโยชน์และที่ดินเอกชนปล่อยทิ้งร้างของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) และได้ดำเนินการประชุมเพื่แก้ไขปัญหารายกรณีอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งกรณีที่ชุมชนบ้านสันตับเต่าด้วย 

ผู้แทนกลุ่มทุนกล่าวว่า กลไกดังกล่าวของรัฐบาลไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะเอาคนตรวจสอบเป็นคนบุกรุกที่ไปตรวจสอบ ไม่เชิญฝั่งตน

“ผมบุกรุกที่ป่า ไม่ได้บุกรุกที่ชาวบ้าน แสดงว่าพวกคุณไม่ได้มาทำ พอตรวจสอบแล้วก็พบว่าคุณไม่ได้ร้องได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งตอนที่ผมออกโฉนดคุณก็ไม่ได้ทำกินอยู่ การตรวจสอบไม่ใช่เอาคณะคุณมาตรวจสอบผม ถ้าเป็นหนึ่งในคณะทำงานผมถึงจะคุยด้วย” ผู้แทนกลุ่มทุนกล่าว

ผู้แทนสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) เผยว่า เรื่องคัดค้านการรังวัดมันเป็นสิทธิของชาวบ้านอยู่แล้ว ถึงแม้ใครจะทำประโยชน์หรือไม่ทำประโยชน์ แต่ตออนนี้มีปัญหาว่าเราทำประโยชน์มาก่อน เจ้าของที่ก็อ้างว่าเขามีเอกสารสิทธิ์ อย่างไรก็ตามเรามีสิทธิในการคดค้านเพราะต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ด้วย ไปว่ากันในขบวนการนั้น เมื่อชาวบ้านคัดค้าน ที่ดินก็ไม่สามารถรังวัดได้ เขาต้องเคารพสิทธิ์ชาวบ้านไปพร้อมๆ กับการทำหน้าที่

ก่อนหน้านั้นเมื่อวานนี้ (13 ก.ค. 2564) สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) จังหวัดลำพูนได้ยื่นหนังสือถึงเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดลำพูน สาขาบ้านโฮ่ง ยื่นยันสองข้อเรียกร้อง ได้แก่  1. ขอให้ยุติการเข้ามารังวัดสอบเขตในพื้นที่บ้านสันตับเต่า เพื่อลดความขัดแย้งหรือการปะทะที่จะนำไปสู่ข้อพิพาทใหม่ จนกว่าจะมีแนวทางการแก้ไขปัญหาระหว่างชุมชนกับรัฐบาลที่ชัดเจนและเป็นข้อยุติจากคณะอนุกรรมการฯ ดังกล่าว และ 2. ขอให้เจ้าพนักงานที่ดิน สาขาบ้านโฮ่ง ให้ดำเนินการเร่งรัดเปิดการประชุมคณะทำงานที่ดินสาธารณประโยชน์ที่ดินเอกชนปล่อยทิ้งร้าง ระดับอำเภอบ้านโฮ่ง และระดับจังหวัดลำพูน เพื่อให้เกิดแนวทางการแก้ไขปัญหาและลดความขัดแย้ง นำไปสู่ทางออกที่ชัดเจนร่วมกัน

ด้านผู้แทนสำนักงานที่ดินจังหวัดลำพูน ชี้แจงว่า ตามประมวลกฎหมายที่ดิน เจ้าของโฉนดมาขอ ต้องเข้าทำการรังวัด แต่เกิดเหตุการโต้แย้ง คัดค้านสิทธิทั้งแปลงไม่ให้ทำการรังวัด ในหลักการถ้าทั้งสองฝ่ายตกลงกันไม่ได้ การรังวัดยังไม่เกิด ในทางปฏิบัติต้องงดไว้ก่อนเพราะจะนำไปสู่ความรุนแรงและสถานการณ์โควิดด้วย แต่ทั้งสองฝ่ายต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทั้งสองฝ่ายน่าจะได้ร่วมพูดคุยกันโดยมีหน่วยงานรัฐเป็นตัวกลาง

“เพราะฉะนั้นน่าจะพูดคุยเช่น เอาหน่วยงานรัฐเป็นกลางแล้วเชิญทั้งสองฝ่ายร่วมหารือกัน ที่ดินยืนยันว่ายังไงก็ต้องรังวัด แต่วันนี้ยังรังวัดไม่ได้” ผู้แทนสำนักงานที่ดินจังหวัดลำพูนกล่าว

นอกจากนั้นยังได้ข้อสรุปแนวทางต่อไปว่าให้ชะลอหรือเลื่อนการรังสัดสอบเขตไปก่อน แล้วเปิดให้มีการประชุมระดับอำเภอ ส่วนเรื่องการรังวัดที่ดินทั้ง 6 แปลง ต้องหาแนวทางในการรังวัดและตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ หารือในวงประชุมว่าจะมีแนวทางแต่ละประเด็นอย่างไร โดยให้นายอำเภอเป็นประธานในที่ประชุม ซึ่งเป็นที่เห็นชอบของทั้งสองฝ่าย 

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2564 ศาลอุทธรณ์ยืนยันตามศาลชั้นต้น ยกฟ้องและเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ของนายทุนกลุ่มดังกล่าว ซึ่งแดง สมรัตน์ ทำประโยชน์อยู่ ชี้ว่านายทุนออกเอกสารสิทธิ์มิชอบ โดยตั้งแต่ปี 2550 มีชาวบ้านสันตับเต่าถูกดำเนินคดีทั้งสิ้น 7 คน รวมทั้งทนายความจากศูนย์พิทักษ์และฟื้นฟูสิทธิชุมชนท้องถิ่นด้วย

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net