Skip to main content
sharethis

'แรมโบ้อีสาน' เดินหน้าแจ้งความเอาผิด 'สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์' ข้อหาหมิ่นประมาทและ ม.116 จากกรณีที่พรรคไทยสร้างไทยผุดแคมเปญ #ฟ้องรัฐบาลฆาตรกร ล่า 500,000 รายชื่อเพื่อเตรียมฟ้องรัฐบาลโทษฐานบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ผิดพลาด นำเข้าวัคซีนที่ไม่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีประชาชนเจ็บป่วยล้มตายจำนวนมาก และส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจของประเทศ

15 ก.ค. 2564 กรุงเทพธุรกิจ รายงานว่า วันนี้ (15 ก.ค. 2564) 'แรมโบ้อีสาน' หรือเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และสนธิญา สวัสดี ที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน (สภาผู้แทนราษฎร) และอดีตผู้สมัครสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เดินทางไปที่กองบังคับการปราบปราม เพื่อแจ้งความเอาผิด สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ที่กล่าวหารัฐบาลว่าเป็น 'รัฐบาลฆาตรกร' จากการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ที่ล้มเหลว โดยระบุว่าการกระทำดังกล่าวของสุดารัตน์เข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 นอกจากนี้ เสกสกลยังได้แจ้งความผิดสุดารัตน์ในอีก 1 ข้อหา คือ ความผิดฐานยุยงปลุกปลั่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตร 116

The Reporters รายงานเพิ่มเติมว่า เสกสกลให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวก่อนเดินทางเข้าแจ้งความว่าการที่สุดารัตน์และพรรคไทยสร้างไทยเปิดแคมเปญให้ประชาชนลงชื่อเพื่อฟ้องรัฐบาล และเรียกรัฐบาลว่า 'ฆาตกร' ถือกล่าวความเท็จและหมิ่นประมาท เสกสกลกล่าวว่าแม้สุดารัตน์จะกล่าวหารัฐบาลว่าเป็นฆาตรกร แต่ตนเปรียบเสมือนผู้เสียหายด้วย เพราะเป็นหนึ่งในคนที่ทำงานให้กับรัฐบาล จึงตัดสินใจแจ้งความเอาผิดสุดารัตน์

"เบื้องต้น ผมต้องมาในนามส่วนตัวก่อน ถ้าถามว่าส่วนตัวผมเป็นรัฐบาลไหม ผมเป็นครับ เพราะผมก็กินเงินเดือนภาษีอากรพี่น้องประชาชน ข้อที่สอง ผมก็เป็นผู้ช่วยประจำนายกรัฐมนตรี ผมก็เป็นผู้ช่วยของนายกฯ ดังนั้นแล้ว เรื่องอย่างนี้ผมคิดเองได้ เรื่องอย่างนี้ผมตัดสินใจเองได้ เรื่องนี้ผมก็ทำในฐานะเป็นคนของรัฐบาล แต่ไม่ใช่เป็นตัวแทนนะ เป็นคนหนึ่งในรัฐบาล เพราะผมก็เสียหายเหมือนกัน การกล่าวหาเช่นนี้ผมก็เสียหายเหมือนกัน ผมจึงต้องมาในนามส่วนตัวก่อน ส่วนจะมีรัฐมนตรีท่านอื่น หรือว่ามีคนในรัฐบาลท่านอื่นที่มองเห็นว่าเรื่องนี้เป็นความเสียหาย เฉกเช่นเดียวกันกับผม ท่านก็มีสิทธิ์ที่จะมาแจ้งความดำเนินคดีกล่าวโทษในสิทธิ์ของท่านไป โดยที่เป็นเรื่องของต่างคน ต่างกรรม ต่างวาระ" เสกสกลกล่าว

พร้อมกันนี้ เสกสกลยังกล่าวว่าพรรคไทยสร้างไทยเล่นการเมืองแบบไม่สร้างสรรค์ เป็นการพยายามกล่าวหาและปลุกระดมประชาชน รวมถึงสร้างความแตกแยกในแก่คนในสังคม นอกจากนี้ เสกสกลยังขอถามย้อนกลับไปยังสุดารัตน์ในสมัยที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขว่าเคยมีใครฟ้องร้องเอาผิดหรือกล่าวหาว่าเป็นฆาตรกรในช่วงที่มีการระบาดของโรคไข้หวัดนก เมื่อ พ.ศ.2546-2549 หรือไม่ เพราะในตอนนั้นก็มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากเช่นกัน พร้อมยังกล่าวอีกว่าการแจ้งความดำเนินคดีของตนในลักษณะนี้ คล้ายกับกรณีที่จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มไทยไม่ทนและอดีตแกนนำกลุ่มแนวร่วม นปช. ที่เคยกล่าวหาอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าเป็นรัฐบาลฆาตกร ซึ่งศาลฎีกาพิพากษาจำคุกจตุพรโดยไม่รอลงอาญา

เสกสกลยังได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงกรณีที่ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการออนไลน์ของกลุ่ม 'CARE คิด เคลื่อน ไทย' เมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยระบุว่าจะเดินทางกลับประเทศไทยนั้น เสกสกล กล่าวว่าไม่มีใครห้าม สามารถกลับได้ทุกเวลา แต่ต้องมาเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายและต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นในรัฐบาลของทั้งสองคนด้วย

'ไทยสร้างไทย' รวม 6.5 แสนรายชื่อ #ฟ้องรัฐบาลฆาตรกร

วานนี้ (14 ก.ค. 2564) สุดารัตน์ ในฐานะประธานพรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วย โภคิน พลกุล และวัฒนา เมืองสุข สมาชิกพรรค แถลงข่าวความคืบหน้าการยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้อง ผ่านเพจเฟซบุ๊กพรรคไทยสร้างไทย โดยระบุว่าทางพรรคได้เชิญนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย มาร่วมหารือในประเด็นที่ มติ ครม. เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2564 เห็นชอบให้กรมควบคุมโรคสั่งซื้อวัคซีนซิโนแวคเพิ่มเติมอีกจำนวน 10.9 ล้านโดส ในวงเงินประมาณ 6,100 ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงานที่ 1.2 ตามบัญชีท้าย พรก.ฯ ที่ประชุมมีมติดังนี้

1. ตามมาตรา 55 ของรัฐธรรมนูญซึ่งอยู่ในหมวดหน้าที่ของรัฐบัญญัติให้ รัฐมีหน้าที่ดำเนินการให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง ซึ่งบริการสาธารณสุขดังกล่าวต้องครอบคลุมถึง (1) การควบคุม (2) การป้องกันโรค (3) การรักษาพยาบาล และ (4) การฟื้นฟูสุขภาพ ส่วนสิทธิของประชาชนในเรื่องนี้ได้บัญญัติไว้ในมาตรา 47 ว่า บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตรายจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

2. โควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตรายตามประกาศขององค์การอนามัยโลก และตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2563 รัฐจึงมีหน้าที่ที่จะต้องควบคุมและป้องกันโรค รวมทั้งรักษาพยาบาลและฟื้นฟูสุขภาพประชาชนอันเป็นหน้าที่ของรัฐตามมาตรา 55 ดังกล่าว

3. ปัจจุบันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้มีการกลายพันธุ์จากเดิมไปสู่สายพันธุ์อินเดียหรือเดลตาซึ่งเกิดจากการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานต่างชาติที่อยู่ในความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรีที่ได้มอบให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งข้อเท็จจริงทางการแพทย์เห็นว่าวัคซีนซิโนแวคที่รัฐบาลสั่งซื้อเพิ่มดังกล่าวกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้น้อยและไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าที่กำลังแพร่ระบาดได้ เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงนี้แล้วการที่รัฐบาลยังสั่งซื้อวัคซีนดังกล่าวเพิ่มเติมอีกเป็นจำนวนมากจึงขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 55 อันเป็นหน้าที่ของรัฐ

4. ที่ประชุมเห็นว่า เมื่อการควบคุมโรค การป้องกันโรค และการรักษาพยาบาลเป็นหน้าที่ของรัฐ การที่รัฐปล่อยให้มีการแพร่ระบาดหลายครั้ง ป้องกันโรคล้มเหลว และไม่สามารถให้การรักษาพยาบาลประชาชนได้อย่างทั่วถึง คือหน้าที่ความรับผิดชอบโดยตรง ปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งสามารถดำเนินการได้ 2 ทาง คือร้องต่อ ป.ป.ช. ตามมาตรา 234 (1) ของรัฐธรรมนูญ หรือประชาชนสามารถใช้สิทธิฟ้องผู้ที่เกี่ยวข้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ

5. โดยที่เป็นประเด็นสำคัญ พรรคไทยสร้างไทยจึงได้เปิดให้ประชาชนแสดงความเห็นว่าควรฟ้องผู้รับผิดชอบในประเด็นนี้หรือไม่ ผลปรากฏว่าภายในระยะเวลาเพียง 6 วัน มีประชาชนเข้าชื่อแสดงความเห็นให้ฟ้องรัฐบาลถึง 650,000 ชื่อ เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชน พรรคไทยสร้างไทยจึงขอให้นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทยทำหน้าที่เป็นทนายความฟ้องผู้ที่เกี่ยวข้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ

ที่ประชุมเห็นว่า 'ควรฟ้อง' ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงในแต่ละประเด็นและนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาล รวมทั้งเป็นผู้รับผิดชอบตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งนี้ นายกสมาคมฯ จะดำเนินการร่างฟ้องและพิจารณาผู้เสียหายที่จะเป็นโจทก์ฟ้องคดีแทนประชาชนที่เข้าชื่อมาทั้งหมดเพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปโดยสะดวก รวดเร็วและชอบด้วยกฎหมายต่อไป

ก่อนหน้านี้ในวันที่ 7 ก.ค. 2564 พรรคไทยสร้างไทยผุดแคมเปญล่ารายชื่อ #ฟ้องรัฐบาลฆาตรกร ผ่านเพจเฟซบุ๊กของทางพรรค โดยระบุว่าพรรคไทยเพื่อไทยขอเป็นตัวแทนประชาชนที่ได้รับความเดือนร้อนจากการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ที่ผิดพลาดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้า ศบค. จึงขอให้ประชาชนร่วมลงชื่อให้ถึง 500,000 รายชื่อเพื่อเดินหน้าฟ้องร้องเอาผิดรัฐบาลฐานจัดการโควิด-19 ล้มเหลว บริหารจัดการงบและการและนำเข้าวัคซีนอย่างไม่โปร่งใส ไร้ประสิทธิภาพ ต่อมาในวันที่ 10 ก.ค. 2564 พรรคไทยสร้างไทยประกาศผ่านเผจเฟซบุ๊กว่าสามารถรวบรวมรายชื่อได้เกือบ 4 แสนรายชื่อแล้ว

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net