Skip to main content
sharethis

สรุปข่าววัคซีนแอสตราเซเนกา-โมเดอร์นาในรอบวันที่ผ่านมา รมช.สธ.ชี้แอสตราฯ ไม่พร้อมส่งปลายปีนี้ ส่งได้อีกที พ.ค. ปีหน้า พร้อมกลับลำจากเดิมที่เคยบอกว่า 'สัญญาแอสตราฯ ระบุวันเวลาชัดเจน' ตอนนี้ 'ไม่มีเงื่อนไขเวลาจัดส่ง' ขณะที่สภากาชาดไทยไม่เปิดเผยสัญญาจัดซื้อโมเดอร์นาต่อ กมธ. ฝั่ง 'หมอบุญ' อ้างโดนตัดโควตา ด้านสมาคมโรงพยาบาลเอกชนกางแผนกระจายวัคซีน  

16 ก.ค. 2564 วานนี้ (15 ก.ค. 2564) สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ในรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand เกี่ยวกับมติคณะกรรมการวัคซีนเมื่อวันที่ 14 ก.ค. ที่ผ่านมา ที่ระบุว่าจะจำกัดการส่งออกวัคซีนแอสตราเซเนกาที่ผลิตโดยโรงงานรับจ้างผลิตของสยามไบโอไซเอนซ์ รวมถึงกรอบเวลาการจัดส่งวัคซีนของแอสตราเซเนกา โดยสาธิตกล่าวว่าตัวเลขการจัดส่งวัคซีนแอสตราเซเนกานั้นคลาดเคลื่อน จากเดิมที่มีกำหนดส่งภายในเดือนธันวาคมปีนี้ แต่ขณะนี้มีการขยายออกไปที่เดือนพฤษภาคมปีหน้า

"จริงๆ มันมีคลาดเคลื่อนนิดหน่อย ก็คือว่าตัวเลขของปี 2564 จากเดิมแอสตราเซเนกา จะกำหนดส่งให้เราในเดือนธันวาคม แต่ขยายมา น่าจะเป็นพฤษภาคมปีหน้า" สาธิตกล่าว พร้อมระบุว่าในสัญญาที่รัฐบาลไทยทำกับแอสตราเซเนกานั้นไม่มีเงื่อนไขเวลาจัดส่ง มีแต่การระบุจำนวนเต็มในการจัดส่ง แต่ทั้งนี้เงื่อนไขเวลาขึ้นอยู่กับการพูดคุยเจรจาตามแผนที่ได้เสนอไป พร้อมกันนี้ สาธิตยังยืนยันกับผู้ดำเนินรายการว่าวัคซีนแอสตราเซเนกาจำนวน 61 ล้านโดสจะส่งให้ไทยภายในเดือน พ.ค. ปีหน้า แต่หากสยามไบโอไซเอนซ์ผลิตทันก็อาจจะจัดส่งก่อน

สาธิตกล่าวว่าบริษัทแอสตราเซเนกายืนยันจะส่งมอบวัคซีนให้ไทยได้ประมาณ 40% ของกำลังการผลิตทั้งหมด คือ 15 ล้านโดสต่อเดือน ระหว่างนี้จึงจำเป็นต้องใช้วัคซีนซิโนแวคร่วมด้วยไปก่อน และทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็กำลังทำการศึกษาแผนการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิหรือวัคซีนผสมเพื่อให้ฉีดวัคซีนเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2564 นพ.เรวัต วิศรุตเวช ส.ส.พรรคเสรีรวมไทย เคยตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจาต่อสาธิต เรื่องแผนการจัดการวัคซีนโควิด-19 ซึ่งสาธิตตอบว่า ตั้งแต่เดือน ก.ค.-พ.ย. ไทยจะได้รับวัคซีนเดือนละ 10 ล้านโดส และในเดือน ธ.ค. จะได้รับวัคซีนล็อตสุดท้ายจำนวน 5 ล้านโดส รวมทั้งสิ้น 61 ล้านโดส ซึ่งตนมั่นใจว่าบริษัทแอสตราเซเนกาจะส่งมอบวัคซีนให้กับไทยตามกำหนดสัญญา พร้อมกันนี้ สาธิต ยังกล่าวว่า "สัญญาที่แอสตราเซเนกาทำกับเรามีความละเอียดอ่อนอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการเจรจา เรื่องจำนวน วันเวลาที่ชัดเจน และเขาไม่ได้ขายให้เราประเทศเดียว ดังนั้นการเปิดเผยข้อมูลต่างๆ ก็ต้องเป็นความร่วมมือระหว่างเรากับบริษัท"

ก่อนหน้านี้ ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2564 เรื่อง สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)  (ศบค.) ครั้งที่ 5/2564 ระบุว่า ตั้งแต่เดือน ก.ค.-พ.ย. 2564 ไทยจะได้รับวัคซีนแอสตราเซเนกาเดือนละ 10 ล้านโดส และในเดือน ธ.ค. 2565 จะได้รับอีก 6 ล้านโดส

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:

สภากาชาดไทยได้ 'โมเดอร์นา' ตัดหน้า รพ.เอกชน

นอกจากการจัดส่งวัคซีนแอสตราเซเนกาไม่เป็นไม่ตามแผนเดิมแล้ว วานนี้ (15 ก.ค. 2564) สำนักข่าวหลายแห่ง เช่น มติชนออนไลน์ และไทยพีบีเอส รายงานว่า ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 แถลงข่าวผลการประชุม กมธ. ว่าเมื่อวันที่ 14 ก.ค. ที่ผ่านมา เตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทยเข้าชี้แจงต่อ กมธ. เรื่องการจัดหาวัคซีนทางเลือก โดยระบุว่า สภากาชาดไทยได้เจรจาการจัดซื้อวัคซีนทางเลือกโมเดอร์นากับบริษัทผู้ผลิตเรียบร้อยแล้วจำนวน 1 ล้านโดส และจะนำเข้ามาฉีดให้ประชาชนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ตอนนี้เจรจาเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงขั้นตอนการนำเข้า ซึ่งขึ้นอยู่กับองค์การเภสัชกรรมว่าจะนำเข้ามาได้เมื่อไร

สาเหตุที่สภากาชาดไทยสามารถนำเข้าวัคซีนโมเดอร์นาได้อย่างรวดเร็นั้น เพราะว่าสภากาชาดไทยมี พ.ร.บ.เป็นของตัวเอง ส่วนรายละเอียดสัญญาและงบประมาณในการจัดซื้อวัคซีนนั้น สภากาชาดแจ้งว่า ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดสัญญาจัดซื้อวัคซีนได้ ซึ่ง กมธ. ก็รู้สึกลำบากใจในเรื่องนี้

ช่วงเย็นวันเดียวกัน รายงานว่า นพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัทธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์กับรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ โดยระบุว่าวัคซีนโมเดอร์ที่สภากาชาดไทยนำเข้ามานั้น เป็นโควตาวัคซีนของธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป ที่นำเข้ามาผ่านองค์การเภสัชกรรม "หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ เป็นการตัดโควตาของโรงพยาบาลธนบุรีของผมเอง ไปให้สภากาชาดไทย" โดย ภาษิต อภิญญาวาท ผู้ดำเนินรายการ กล่าวเสริมว่า หากฟังอย่างนี้อาจตีความได้ว่า สภากาชาดไทยซื้อวัคซีนต่อจากองค์การเภสัชกรรมหรือเปล่า ซึ่งคำพูดของ นพ.บุญ ขัดแย้งกับที่เลขาธิการสภากาชาดไทยแถลงต่อ กมธ. ไปก่อนหน้านี้

ต่อมา นพ.บุญ ได้ให้สัมภาษณ์กับเดอะสแตนดาร์ด ถึงกรณีวัคซีนโมเดอร์นาที่เครือโรงพยาบาลธนบุรีติดต่อซื้อผ่านองค์การเภสัชกรรมว่าจะเป้นอย่างไรในอนาคต หลังจากมีกรณีโต้แย้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่ง นพ.บุญ กล่าวว่า "ไม่รู้เขาจะตัดหรือไม่ เพราะไปมีเรื่องกับเขา ตอนแรกเราขอซื้อคนเดียว 5 ล้านโดส ตอนหลังมีคนจองเยอะจึงตัดเราเหลือ 8 แสนโดส ยังไม่รู้ว่าจะตัดเหลือเท่าไรอีก ภายใน 1-2 วันจึงจะรู้ สภากาดชาดไทยขอไปล้านโดส จาก 5 ล้านโดส เราก็ยินดีเพราะเขาเอาไปแจกคนจน ทางเครือโรงพยาบาลธนบุรีไม่ติดใจ เรายินดี"

พร้อมกันนี้ นพ.บุญ ยังบอกว่า สำหรับคนที่ชำระเงินจองฉีดวัคซีนโมเดอร์นากับทางเครือโรงพยาบาลธนบุรีไปแล้ว สามารถเลือกได้ว่าจะฉีดวัคซีนโมเดอร์นาเหมือนเดิมหรือจะเปลี่ยนมาฉีดวัคซีนไฟเซอร์ที่ทางโรงพยาบาลนำเข้าแทนก็ได้ เพราะกว่าโมเดอร์นาจะมาก็เดือน ต.ค. หรือหากต้องการฉีดเป็นวัคซีนเข็มสามเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันก็สามารถทำได้

นอกจากนี้ มติชนออนไลน์ ยังรายงานเพิ่มเติมว่า นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน กล่าวถึงการจัดหาและกระจายวัคซีนโมเดอร์นาจำนวน 5 ล้านโดสว่าในจำนวนนี้ต้องแบ่งให้สภากาชาดไทย โรงพยาบาลรามาธิบดี และโรงพยาบาลศิริราช จำนวน 1.1 ล้านโดส ในขณะที่ภาคเอกชนจะได้รับส่วนที่เหลืออีก 3.9 ล้านโดส และจะนำมาจัดสรรกันตามยอดจองวัคซีนโมเดอร์นาของโรงพยาบาลทั้ง 277 แห่ง ซึ่งยอดจองเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2564 อยู่ที่ 9.2 ล้านโดส มากกว่าช่วงต้นเดือน มิ.ย. ซึ่งมียอดจองประมาณ 5 ล้านโดส

นพ.เฉลิมระบุว่าแผนการกระจายวัคซีนโมเดอร์นาจำนวน 3.9 ล้านโดสของโรงพยาบาลเอกชนนั้นจะพยายามทำให้เป็นไปอย่างทั่วถึงมากที่สุด โดยจะมีโรงพยาบาล 199 แห่งที่ได้รับวัคซีนเต็มจำนวนที่สั่งจองเข้ามา เนื่องจากโรงพยาบาลเหล่านี้มียอดจองไม่เยอะ และการจัดสรรในเบื้องต้นจะแบ่งให้ทุกโรงพยาบาลในอัตราที่เท่ากัน คือ 10,000 โดส และค่อยๆ ทยอยจัดสรรตามสัดส่วนจริงที่แต่ละโรงพยาบาลสั่งจองเข้ามา ดังนั้น จึงอาจเห็นว่าโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ได้รับวัคซีน 30-40% แต่โรงพยาบาลเอกชนขนาดเล็กได้ 100% นั่นก็เพราะทางสมาคมจะค่อยๆ จัดสรรให้ตามหลักส่วน ซึ่ง นพ.เฉลิมมองว่าเป็นระบบที่ยุติธรรม

ทั้งนี้ สมาคมโรงพยาบาลเอกชนยังคงดูต่อไปว่าปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าจะมีวัคซีนชนิดใหม่ออกมาหรือไม่ เพราะตอนนี้วัคซีนที่มีในตลาดถือว่าเป็นรุ่นที่ 1 แต่เชื้อไวรัสยังคงกลายพันธุ์ หากมีวัคซีนรุ่นใหม่ๆ ออกมา สมาคมโรงพยาบาลเอกชนอาจนำเข้ามาในไตรมาส 2 หรือไตรมาส 3 ของปีหน้าก็เป็นได้ พร้อมเน้นย้ำว่าภาคเอกชนมีวัคซีนทางเลือกเพียงตัวเดียวเท่านั้น คือ โมเดอร์นา ส่วนวัคซีนยี่ห้ออื่นยังไม่ได้จดทะเบียนในประเทศไทย

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net