Skip to main content
sharethis

สวนดุสิตโพลสำรวจออนไลน์ 1,619 คน พบเลือกเชื่อถือข้อมูลจากแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ 65.30% นักวิชาการ นักวิจัย ผู้เชี่ยวชาญ อินฟลูเอนเซอร์ 59.75% สื่อโซเชียล เช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม 46.98%

25 ก.ค. 2564 ในภาวะวิกฤตโควิด-19 นี้ประชาชนต่างก็ต้องการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ทันต่อเหตุการณ์ เมื่อมีข้อมูลจำนวนมากและมาจากหลากหลายแหล่ง จึงทำให้เกิดความสับสนและวิตกกังวลตามมา เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนต่อกรณี “ข่าวสารในช่วงวิกฤติ โควิด-19” สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,619 คน (สำรวจทางออนไลน์) ระหว่างวันที่ 19-22 กรกฎาคม 2564 สรุปผลได้ ดังนี้

1. ข้อมูลข่าวสารในช่วงวิกฤตโควิด-19 เรื่องใดที่ประชาชนสนใจ

อันดับ 1

ประสิทธิภาพของวัคซีน และอาการข้างเคียง

72.41%

อันดับ 2

มาตรการของภาครัฐในพื้นที่ควบคุม พื้นที่เสี่ยง   

71.23%

อันดับ 3

สถานที่รองรับผู้ป่วย โรงพยาบาลสนาม จำนวนเตียง

68.38%

อันดับ 4

วิธีการรักษาโควิด-19 ผลการศึกษาวิจัย

62.49%

อันดับ 5

วิธีสังเกตอาการโควิด-19 การดูแลสุขภาพ

61.25%

2. ในช่วงวิกฤตนี้ ประชาชนเลือกเชื่อถือข้อมูลจากแหล่งใด

อันดับ 1

แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์

65.30%

อันดับ 2

ผู้ที่น่าเชื่อถือ เช่น นักวิชาการ นักวิจัย ผู้เชี่ยวชาญ อินฟลูเอนเซอร์

59.75%

อันดับ 3

สื่อโซเชียล เช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม      

46.98%

3. ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ประชาชนรู้สึกอย่างไรกับข้อมูลข่าวสารในช่วงนี้

สับสนมาก 43.99% ค่อนข้างสับสน 40.75% ไม่สับสน 15.26%

4. ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโควิด-19 เรื่องใดที่ทำให้ประชาชนสับสน

อันดับ 1

การบริหารจัดการวัคซีนของรัฐบาล การจอง-เลื่อนฉีดวัคซีน

74.61%

อันดับ 2

การฉีดวัคซีนแบบสลับยี่ห้อ วัคซีนเข็มที่ 3            

73.11%

อันดับ 3

ความปลอดภัย ประสิทธิภาพ อาการข้างเคียงของวัคซีน

72.23%

อันดับ 4

การล็อกดาวน์ ปิดสถานประกอบการ การเยียวยา

66.23%

อันดับ 5

การควบคุมพื้นที่ การเดินทางเข้า-ออกแต่ละจังหวัด   

55.53%

5. สิ่งที่ประชาชนปฏิบัติเมื่อได้รับข้อมูลข่าวสารในช่วงวิกฤตโควิด-19

อันดับ 1

ดูแลตัวเองมากขึ้น               

90.78%

อันดับ 2

ดูแลคนในครอบครัวมากขึ้น           

81.07%

อันดับ 3

หลีกเลี่ยงการออกนอกบ้าน การพบปะผู้คน

79.95%

อันดับ 4

หาข้อมูลในการป้องกันตนเองและคนรอบข้างจากโควิด-19

59.84%

อันดับ 5

หาช่องทางในการได้รับวัคซีน           

46.82%

6. จากการติดตามข้อมูลข่าวสารในช่วงวิกฤตโควิด-19 ประชาชนมีความวิตกกังวลในระดับใด

อันดับ 1

วิตกกังวลมาก จนเริ่มรบกวนชีวิตประจำวัน

36.34%

อันดับ 2

วิตกกังวลในระดับปานกลาง/เป็นระยะ ๆ

30.31%

อันดับ 3

วิตกกังวลมากที่สุดจนเกิดพฤติกรรมย้ำคิดย้ำทำและหวาดกลัว (panic)

22.17%

อันดับ 4

วิตกกังวลเล็กน้อย           

9.07%

อันดับ 5

ไม่กังวลเลย             

2.11%

นางสาวพรพรรณ บัวทอง นักวิจัย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ระบุว่าจากการสำรวจพบว่า ประชาชนสนใจข่าวประสิทธิภาพของวัคซีนและอาการข้างเคียงมากที่สุด ร้อยละ 72.41 เลือกเชื่อถือข้อมูลจากแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ ร้อยละ 65.30 ข้อมูลข่าวสารทำให้รู้สึกสับสนมาก ร้อยละ 43.99 โดยสับสนข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารจัดการวัคซีนของรัฐบาล  การจองและเลื่อนฉีดวัคซีนมากที่สุด ร้อยละ 74.61 เมื่อได้รับข้อมูลข่าวสารจะดูแลตัวเองมากขึ้น ร้อยละ 90.78 และภาพรวมเมื่อรับรู้ข้อมูลข่าวสารแล้วรู้สึกวิตกกังวลมากจนเริ่มรบกวนชีวิตประจำวัน ร้อยละ 36.34 
    
ในขณะที่ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กำหนดบทลงโทษที่ไม่น้อย หากมีการแชร์หรือโพสต์ข้อความผิดกฎหมาย แต่ประชาชนก็ยังมีความเชื่อถือข้อมูลจากแหล่งสื่อโซเชียลมากขึ้น ถึงแม้ว่าการรับรู้ข้อมูลจำนวนมากเหล่านั้นจะทำให้เกิดความสับสนหรือวิตกกังวลอย่างมากตามมาก็ตาม ประเด็นนี้สะท้อนให้เห็นว่าการบริหารจัดการข้อมูลของภาครัฐนั้นยังไม่ตรงใจประชาชน การสื่อสารที่ล่าช้าและเปลี่ยนแปลงข้อมูลไปมาจึงเป็นจุดอ่อนหลักที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขโดยเร็ว

รองศาสตราจารย์ ดร.ชนะศึก นิชานนท์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและพัฒนาการศึกษา มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ระบุว่าในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้มีนโยบายบริหารจัดการวัคซีนที่เป็นสูตรผสมระหว่าง Sinovac เข็มที่ 1 กับ AstraZeneca เข็มที่ 2 รวมถึงได้ออกมาตรการควบคุมสูงสุดในจังหวัดที่มีการแพร่ระบาดสูง จากผลการสำรวจประชาชนจึงให้ความสนใจเกี่ยวกับวัคซีนและมาตรการของภาครัฐ โดยพบว่าประชาชนสับสนกับข้อมูลข่าวสารในช่วงนี้จนทำให้มีความรู้สึกวิตกกังวล เมื่อรัฐบาลบริหารงานแบบรวมอำนาจที่นายกรัฐมนตรี การให้ข่าวสารก็ควรมาจากคณะกรรมการ ชุดใหญ่เพียงเท่านั้น โดยมีกรมสุขภาพจิตเข้ามามีบทบาทช่วยในการรับมือภาวะความเครียดและการวิตกกังวลของประชาชน มิเช่นนั้นอาจมีปัญหาด้านสุขภาพจิตและส่งผลถึงการฆ่าตัวตายที่สูงขึ้นตามมา เมื่อได้รับข้อมูลข่าวสารแล้วประชาชนต้องดูแลตัวเองมากขึ้น ยิ่งตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อการบริหารจัดการของภาครัฐ ดังนั้นรัฐบาลจึงควรมีมาตรฐานในการสื่อสารให้ประชาชนเชื่อมั่นว่ามีระบบที่พร้อมดูแลช่วยเหลือในช่วงวิกฤติโรคระบาดในครั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์เองก็ต้องเข้ามามีบทบาทและเอาจริงเอาจังกับการควบคุมราคาสินค้า เพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำเติมประชาชนในช่วงสภาวะวิกฤติในปัจจุบัน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net