Skip to main content
sharethis

เจ้าหน้าที่ตำรวจในสหรัฐฯ ให้การในการเปิดไต่สวนกรณีการจลาจลบุกรัฐสภาสหรัฐฯ ขวางสภาคองเกรสรับรองโจ ไบเดน เป็น ปธน. เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2564 ว่า พวกเขาเผชิญกับการทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรงจากผู้ชุมนุม มีทั้งการฉุดกระชาก ทุบตี และถูกช็อตด้วยไฟฟ้า บางคนถูกพูดจาเหยียดผิว

กลุ่มหนุนทรัมป์บุกทำเนียบขาว ขวางการลงมติของสภาคองเกรสรับรองโจ ไบเดน เป็น ปธน. เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 64 (ที่มา: Wikipedia/Tyler Merbler)

เมื่อ 27 ก.ค. 2564 มีการเปิดไต่สวนกรณีเหตุจลาจลที่รัฐสภาสหรัฐฯ 6 ม.ค. 2564 โดยคณะกรรมาธิการพิเศษของสภาผู้แทนฯ สหรัฐฯ หลังจากที่มีการถกเถียงอภิปรายกันว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการแบบใดเป็นเวลาหลายเดือนจนกระทั่ง แนนซี เปโลซี โฆษกทำเนียบขาว ประกาศว่า คณะกรรมาธิการในครั้งนี้จะมาจากพรรคเดโมแครตเป็นส่วนใหญ่ และมีมาจากพรรครีพับลิกันสองราย ซึ่งเปโลซี จะเป็นคนเลือกเอง โดยที่กลุ่มผู้นำพรรครีพับลิกันบอยคอตวิธีนี้

ในการให้การของพยานที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกนั้น ไมเคิล ฟาโนเน เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลวอชิงตันดีซี เปิดเผยว่า กลุ่มผู้บังคับกฎหมายถูกรุมทำร้ายจากกลุ่มผู้ก่อจลาจลในวันนั้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดี หนุนหลังให้ทำ ผู้ก่อเหตุจลาจลเหล่านี้พยายามทำทุกวิถีทางที่จะยับยั้งไม่ให้สภาคองเกรสมีการรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งของประธานาธิบดี โจ ไบเดน

ฟาโนเน เล่าว่า เขาถูก "กระชาก ทุบตี ช็อตด้วยไฟฟ้า ในขณะเดียวกัน ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนทรยศชาติ"  นอกจากนี้ เขาเสี่ยงที่จะถูกกลุ่มผู้ชุมนุมปลดอาวุธและถูกสังหารจากอาวุธของตัวเองเมื่อเขาได้ยินคนโห่ร้องประสานเสียงกันว่า "ฆ่ามันด้วยปืนของมันเลย" ฟาโนเน เล่าว่าประโยคนั้นยังคงเป็นสิ่งที่เขาได้ยินอยู่ในหัวมาจนถึงทุกวันนี้

ฟาโนเน ให้การต่อไปว่า เขาประสบภาวะหัวใจล้มเหลวในช่วงที่มีการจลาจล นอกจากนี้ ยังได้รับการวินิจฉัยว่าได้รับบาดเจ็บจากการกระทบกระเทือน สมองได้รับบาดเจ็บ และประสบสภาวะป่วยทางจิดใจหลังผ่านเหตุการณ์รุนแรง (PTSD)

นอกจากนี้ ฟาโนเน ยังให้การด้วยความไม่พอใจว่ามีสมาชิกสภาคองเกรสพรรครีพับลิกันบางคนที่แถลงต่อสาธารณะในทำนองที่ลดทอนภาพลักษณ์ความรุนแรงของเหตุการณ์ ทั้งที่เขาและเพื่อนร่วมงานต้องเผชิญเหตุการณ์รุนแรงจากผู้ก่อจลาจลเหล่านี้ ฟาโนเน ให้การพร้อมทั้งทุบโต๊ะว่า "การไม่สนใจใยดีต่อเพื่อนร่วมงานของผมช่างเป็นเรื่องน่าอัปยศ"

แฮร์รี ดันน์ เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำรัฐสภาที่เป็นคนผิวดำ เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ก่อจลาจลเรียกเขาด้วยคำเหยียดคนดำในอเมริกา "ไม่มีใครเลย ไม่เคยมีใครเลย ที่จะเรียกผมว่าไอ้มืดเวลาที่ผมสวมเครื่องแบบตำรวจประจำรัฐสภาสหรัฐฯ"

มีตำรวจอีกนายหนึ่ง คือ อควิโน กอเนลล์ ที่เปิดเผยว่า ผู้ก่อจลาจลตะโกนให้นำตัวทหารผ่านศึกอย่างเขาไปประหารชีวิต กอเนลล์ เล่าอีกว่าในตอนเกิดเหตุเขาพยายามช่วยเพื่อนตำรวจที่ถูกฉุดกระชากจากกลุ่มม็อบ ถูกทุบตีทำร้าย และเกือบจะขาดอากาศหายใจ กอเนลล์ เปรียบเทียบว่า มันชวนให้รู้สึกเหมือนพวกเขากำลังต่อสู้กันในยุคกลางที่ใช้วิธีแบบตัวต่อตัวเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มม็อบย่ามใจทำลายกระบวนการประชาธิปไตยได้ กอเนลล์ เล่าว่า เขาคิดว่าตัวเองจะตายในเหตุการณ์นั้นแล้ว

มีผู้เสียชีวิต 5 รายหลังจากเหตุการณ์จลาจลบุกรัฐสภาสหรัฐฯ ในจำนวนนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชื่อ ไบรอัน ซิคนิค มีตำรวจหลายสิบรายที่ได้รับบาดเจ็บ

โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ (ที่มา เว็บไซต์ โดนัลด์ ทรัมป์)

การไต่สวนในครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่เปโลซี เพิ่งจะปฏิเสธไม่ให้แต่งตั้งคณะกรรมการจากฝั่งรีพับลิกันสองราย ซึ่งเป็นคนที่ใกล้ชิดกับทรัมป์ คือ จิม แบงก์ และ จิม จอร์แดน ซึ่งพรรคเดโมแครตคัดค้านการแต่งตั้งนี้ โดยบอกว่า ส.ส. เหล่านี้เป็นผู้ช่วยเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเท็จในการหาเสียงให้ทรัมป์ จนนำมาซึ่งการจลาจลที่เกิดขึ้นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ขณะที่ฝ่ายรีพับลิกัน อ้างว่า การไต่สวนในครั้งนี้เป็นการลำเอียงในช่วงเดียวกับที่พวกเขากำลังพยายามรักษาภาพลักษณ์ให้อยู่ห่างจากการจลาจลที่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่จะถึงการเลือกตั้งกลางเทอมใน พ.ศ. 2565 ที่จะถึงนี้

เบอร์นี ทอมป์สัน ผู้แทนฯ จากเดโมแครต ให้สัญญาว่า การไต่สวนในครั้งนี้จะไม่มีเรื่องของการเมืองหรือการแบ่งฝีกแบ่งฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่จะเน้นเรื่องข้อเท็จจริงล้วนๆ ขณะที่ ส.ส.พรรครีพับลิกันที่วิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์ อย่างออกปากอย่างลิซ เชนีย์ ก็กล่าวว่า เธอผิดหวังที่วุฒิสมาชิกรีพับลิกัน โหวตบล็อกการจัดตั้งคณะกรรมการอิสระในการสืบสวนเรื่องนี้

เปโลซี ทำการแต่งตั้งเชนีย์ และ อดัม คินซิงเจอร์ ผู้แทนรีพับลิกันอีกรายหนึ่งที่วิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์มาเป็นกรรมาธิการไต่สวนในครั้งนี้ โดยที่ผู้แทนรีพับลิกันทั้งสองรายนี้เคยโหวตให้มีการถอดถอนทรัมป์มาก่อน จากเรื่องที่ทรัมป์ยุยงปลุกปั่นให้เกิดการจลาจล

คินซิงเจอร์ กล่าวว่า เหตุจลาจลที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องที่เลวร้ายต่อเจ้าหน้าที่และครอบครัวที่ทำการอยู่ที่รัฐสภา และชาวอเมริกันสมควรจะได้รับรู้ความจริงว่าอะไรเกิดขึ้นกันแน่ และควรจะมองว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นภัยต่อการปกครองตนเองของประเทศที่คนรุ่นก่อนหน้านี้ต่อสู้เพื่อให้ได้มา แทนที่กลุ่มพรรคการเมืองจะทำให้เป็นเรื่องของการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

ผู้ชุมนุมสนับสนุน 'ทรัมป์' ไม่พอใจผลการเลือกตั้งบุกสภาสหรัฐฯ มีผู้เสียชีวิต 4 ราย ถูกจับ 52


แปลและเรียบเรียงจาก

‘Grabbed, beaten, tased’: Police testify in US Capitol riot probe, Aljazeera, 27-07-2021

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net