การลดค่าเทอม: โองการและการต่อสู้ ปากแผลเน่าเฟะของระบอบอำมาตย์ในมหาวิทยาลัย

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

เมื่อเบื้องบนปรารถนาไม้ เหล่าขุนนางจักโค่นป่า เมื่อฟ้าสั่งมา อำมาตย์ก็ทำตาม... พลันเมื่อนายกรัฐมนตรี รัฐบาล เจ้ากระทรวงมีความเห็นว่ามหาวิทยาลัยต้องลดค่าเทอม บรรดาผู้บริหารมหาวิทยาลัยก็ขานรับความประสงค์ดังกล่าวราวกับว่า ความดื้อดึงและท่าทีเฉยชาต่อข้อเรียกร้องของนักศึกษาที่ผ่านมาเป็นเพียงเรื่องชวนหัว อาการกลับกลอกของคณะผู้บริหารเป็นผลสืบเนื่องอันมิอาจหลีกเลี่ยงจากสภาวะที่มหาวิทยาลัยมิได้ปกครองโดยวิถีทางประชาธิปไตย

มหาวิทยาลัยถูกปกครองโดยสภามหาวิทยาลัยอันประกอบไปด้วย ชนชั้นผู้บริหารรวมตัวกันเข้าเป็นคณะหนึ่งขึ้นมาตัดสินใจความเป็นไปของทั้งมหาวิทยาลัย สภาดังกล่าวแอบอ้างว่าตนดำเนินการปกครองในรูปแบบประชาธิปไตย คำอ้างดังกล่าวคือคำโกหก สภาเป็นเพียงแค่การประชุมร่วมกันของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น การดำรงอยู่ของสภาเพียงอย่างเดียวไม่อาจชี้ว่ามหาวิทยาลัยถูกปกครองโดยประชาธิปไตยหรือไม่ ในสมัยศักดินากษัตริย์ล้วนแต่งตั้งสภา (เล็กใหญ่แตกต่างกันไป) ขึ้นมาให้คำปรึกษาเป็นเรื่องปกติ ในบรรษัทของนายทุนก็เต็มไปด้วยการประชุมมากมาย กระทั่งเผด็จการก็สามารถมีสภาได้เช่นกัน สภาเหล่านี้เป็นประชาธิปไตยกระนั้นหรือ เช่นนี้แล้วการมีสภาจะมีความหมายอะไรเล่า

มากไปกว่านั้น ชนชั้นผู้บริหารมักชอบพูดว่า การเชิญนักศึกษา (ไม่ว่าจะอยู่ในรูปขององค์กรถาวร ที่ผลัดเปลี่ยนกันผ่านการเลือกตั้งตามวาระ หรือกลุ่มคณะบุคคลที่รวมตัวกันเพื่อต่อสู้กับมหาวิทยาลัย) เข้าร่วมการประชุมในสภาอันทรงเกียรติของพวกเขาคือประชาธิปไตย นี่คือรูปจำลองของประชาธิปไตยตัวแทน น่าขันเสียจริง ภายใต้โครงสร้างอำนาจของสภาในสายตาของชนชั้นผู้บริหาร ที่ทางของนักศึกษาผู้ได้รับเกียรติเชิญเข้าไปจะเป็นอะไรได้ นอกเสียจากไม้ประดับตกแต่ง หรือเสียงก่นด่าประชดประชันที่บังเอิญดังพอให้พวกผู้ทรงอำนาจได้ยิน และสร้างความสุขสมอารมณ์หมายเพียงชั่วครู่

สภามหาวิทยาลัยที่เป็นอยู่คือ การรวมกลุ่มของชนชั้นผู้บริหารซึ่งถืออำนาจชี้ขาดความเป็นไปของมหาวิทยาลัย ผู้ที่มีอำนาจตัดสินถกเถียงในสภาดังกล่าวล้วนแล้วแต่เป็นคนชนชั้นผู้บริหารทั้งสิ้น ผู้คนในประชาคมที่อยู่นอกชนชั้นดังกล่าวหาได้มีส่วนร่วมแต่อย่างใดไม่ ดังนั้น สภามหาวิทยาลัยของชนชั้นผู้บริหารจึงมิเคยได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาคมเลยแม้แต่น้อย มันไม่เคยถูกปกครองโดยประชาคม สภามหาวิทยาลัยของชนชั้นผู้บริหารจึงไม่มีทางเป็นประชาธิปไตย เพราะมันไม่เคยเป็นการปกครองของคนหมู่มาก

กล่าวอย่างรวบรัด ประชาธิปไตยในมหาวิทยาลัยเป็นเพียงคำกล่าวอ้างอย่างหลักลอยที่ชนชั้นผู้บริหารหยิบฉวยมาใช้ เพื่อสร้างความชอบธรรมให้แก่การใช้อำนาจของคนกลุ่มน้อยและกดขี่ประชาคมมหาวิทยาลัยทั้งปวงเท่านั้นเอง

หากเป็นเช่นนี้ สภาเช่นใดเล่าจึงจะเป็นประชาธิปไตย มหาวิทยาลัยแบบใดเล่าจึงจะเป็นดั่งท้องทุ่งที่ดอกผลแห่งประชาธิปไตยจักได้เบ่งบาน

มหาวิทยาลัยที่ถูกครอบงำบงการโดยชนชั้นผู้บริหารเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่ออำนาจการจัดการมหาวิทยาลัยถูกกระชากไปจากมือของนักศึกษา อาจารย์ และคนทำงานทั้งหลายผู้ใช้ชีวิตอยู่ในมหาวิทยาลัยร่วมกัน มหาวิทยาลัยเคยถูกปกครองโดยคณะนักศึกษาที่รวมตัวกัน ไม่ก็เป็นคณะอาจารย์มาก่อน ในแง่นี้ รูปแบบการบริหารดังที่มหาวิทยาลัยในไทยเป็นอยู่จึงมิใช่สิ่งที่ต้องเป็นไปเช่นนี้ตลอดกาลโดยไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้

อย่างไรก็ตาม การจะทำให้มหาวิทยาลัยกลายเป็นประชาธิปไตยอย่างถึงรากก็มิอาจบรรลุได้ โดยการหวนกลับไปมอบอำนาจการตัดสินใจทั้งหมดให้แก่คณะนักศึกษาหรืออาจารย์ หากแต่ต้องเป็นการโอนย้ายอำนาจการปกครองมหาวิทยาลัยให้เป็นของประชาคมทั้งปวง การโอนย้ายดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการทุบทำลายสภาของชนชั้นผู้บริหารลงไปเสีย อำนาจของสภาดังกล่าวต้องกลายเป็นเพียงเศษซากอารยธรรมไร้ค่าที่พร้อมจะถูกบดขยี้ และในขณะที่ประชาคมกำลังตั้งหน้าตั้งตาทุบทำลายสภาของชนชั้นผู้บริหารอย่างตรงไปตรงมา ประชาคมก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างสภาของพวกเขาขึ้นมาเพื่อจัดการบริหารมหาวิทยาลัยแทน มหาวิทยาลัยจะสามารถถูกปกครองแบบประชาธิปไตยได้ ก็ด้วยการเปลี่ยนจากสภาของชนชั้นผู้บริหารให้กลายเป็นสภาประชาคมเท่านั้น สภาต้องถูกสถาปนาขึ้นเพื่อเป็นพื้นที่ของการร่วมกันปกครองมหาวิทยาลัย มิใช่เป็นเพียงพื้นที่อวดอ้างความเป็นตัวแทนของใครโดยคนกลุ่มไหนทั้งสิ้น

กล่าวอีกอย่างคือ สภาต้องทำหน้าที่อำนวยให้คนในประชาคมทั้งหมดสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดความเป็นไปของมหาวิทยาลัย ประชาคมอาจอนุญาตให้มีผู้บริหารไว้ได้ แต่หน้าที่ของพวกเขาจักต้องกลายเป็นเสมือนผู้ปฏิบัติงานทั่วไป หาได้มีอำนาจตัดสินใจใดๆ ไม่ และเมื่อมหาวิทยาลัยถูกนำโดยสภาของประชาคมแล้ว อาการกลับกลอกของคณะผู้บริหารก็จะไม่เกิดขึ้นอีก เนื่องจากมหาวิทยาลัยจะตั้งอยู่บนผลประโยชน์ของประชาคมเพื่อสร้างชีวิตให้กับประชาคม หาใช่เพื่ออำนวยให้ชนชั้นผู้บริหารเรืองอำนาจมากขึ้นแต่อย่างใด

เหล่าอำมาตย์ผู้บริหารเอ๋ย หากท่านจะนั่งอยู่อย่างสบายใจทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนเช่นทุกทีก็โปรดระวังไว้ด้วยว่า บาดแผลอันเกิดจากความอำมหิตที่ท่านไม่แม้แต่จะเหลียวแลอาจลุกลามบานปลายเป็นการติดเชื้อทั่วร่าง การเมืองของประชาสังคมจะแผ่ซ่านไปทุกคนแห่งและเก้าอี้ร้อนๆ ของท่านจะหลอมละลาย แล้วท่านอาจจะเสียใจในภายหลังก็เป็นได้

ครั้งนี้โองการช่วยท่าน เพราะเบื้องบนก็ไม่อาจต้านทานอำนาจประชาคมที่มาจากทั่วทุกสารทิศได้ แต่ถ้าท่าน ผู้กำอำนาจของมหาวิทยาลัยเอาไว้ ยังฟังแต่โองการอีกต่อไปโดยมิได้สดับรับเสียงจากประชาคมอีกแล้วไซร้ ท่านก็โปรดระวังไว้ด้วยว่า ประชาสังคมจะไม่อนุญาตให้แม้กระทั่งมีตำแหน่งผู้บริหารอีกต่อไป!

 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท