มติ กมธ.งบ 65 คืนงบที่ตัดได้ 1.6 หมื่นล้าน เข้างบกลางตีเช็คเปล่าให้ประยุทธ์ 'ทั้งหมด'

กมธ.งบ 65 มีมติคืนงบที่ตัดได้ 1.6 หมื่นล้าน เข้างบกลางตีเช็คเปล่าให้ประยุทธ์ 'ทั้งหมด' แถม กมธ.จากพรรคเพื่อไทยเห็นด้วย ด้าน 'ศิริกัญญา ก้าวไกล' ชี้งบไปอยู่ในมือของประยุทธ์ เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าจะนำเงินก้อนนี้ไปใช้กับเรื่องอะไร 

2 ส.ค. 2564 ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ที่ประชุมมีการพิจารณาการแปรญัตติคืนงบประมาณว่าควรจัดสรรงบประมาณที่อนุกรรมาธิการปรับลดไปให้กับหน่วยงานไหน บุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะกรรมาธิการได้เสนองบประมาณที่ปรับลดได้ ไปเพิ่มในส่วนของงบกลางที่ดูแลบริหารจัดการโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี 16,362 ล้านบาท โดยอ้างว่าเพื่อแก้ปัญหาโควิด-19

ขณะที่ ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เสนอให้ปรับเพิ่มงบประมาณให้กับกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 13,200 ล้านบาท เพื่อชดเชยรายได้ท้องถิ่นที่หายไปจากภาษีที่ดิน รวมทั้งขอเพิ่มงบประมาณให้กับกองทุนสวัสดิการต่างๆ ที่ทำหน้าที่ดูแลประชาชน แต่กลับถูกตัดงบประมาณลงในปีงบประมาณ 2565 ได้แก่ สำนักงานกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จำนวน 800 ล้านบาท, กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา จำนวน 631 ล้านบาท, สำนักงานกองทุนประกันสังคม เงินสมทบประกันสังคม จำนวน 1,669 ล้านบาท

ซึ่งผลการลงมติปรากฏว่าเห็นด้วย 35 ต่อ 7 และงดออกเสียง 3 เสียง โดยฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ประกอบด้วย พรรคก้าวไกล 6 คน ได้แก่ 1. พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล 2. ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ 3. วรรณวิภา ไม้สน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 4. วรรณวรี ตะล่อมสิน ส.ส.กทม. 5. วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ 6. ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ส่วนอีก 1 เสียง คือ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ ในขณะที่ กมธ.จากพรรคเพื่อไทยเห็นด้วยตามที่ บุญสิงห์ ส.ส. พลังประชารัฐเสนอ

ทั้งนี้ ศิริกัญญา ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า การเพิ่มงบเข้างบกลางโดยบอกว่าเพื่อแก้ปัญหาโควิด-19 นั้นฟังเหมือนดูดี แต่ความจริงแล้วเมื่อเข้าไปอยู่ในมือของ พล.อ.ประยุทธ์ เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าจะนำเงินก้อนนี้ไปใช้กับเรื่องอะไร ใช้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลหรือไม่ และจะนำไปใช้ในการแก้ปัญหาโควิด-19 จริงหรือไม่เราอาจไม่ทราบได้

"ในขณะที่ท้องถิ่นขาดรายได้ ขนาดที่จะไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนพนักงาน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุก็ตั้งไว้ไม่พอจ่าย เราคิดว่าการคืนงบให้กับหน่วยงานที่มีภารกิจโดยตรง มีแผนการใช้จ่าย และมี "ใบเสร็จ" จะเป็นการช่วยเหลือประชาชนมากกว่าการโอนงบฯ เข้าสู่งบกลาง ตีเช็คเปล่าให้ พล.อ.ประยุทธ์บริหาร"

วรรณวิภา ไม้สน กมธ.จากพรรคก้าวไกล ปีกแรงงาน ให้ความเห็นว่าตนเสียใจ เศร้าใจ ผิดหวังมาก ในฐานะที่ที่เป็นประชาชนคนหนึ่ง แถมเป็นคนรากหญ้า ที่หาเช้ากินค่ำ หมดหวังกับการบริหารของรัฐบาลไม่พอ ยังผิดหวังกับการตัดสินใจของกรรมาธิการงบประมาณอีก

"อภิปรายกันมาตลอด ว่ารัฐบาลบริหารเงินไม่เป็น ไม่ตรงจุด แต่ยังมีมติเอาเงินทั้งหมดไปให้บกลาง ที่นายกและรัฐบาลริหาร ในขณะทีสวัสดิการประชาชนโดนตัดมากมาร่วม 35,000 ล้านบาท กลายเป็นว่าสวัสดิการประชาชนก็ต้องไปลุ้นชิงโชคเอาอีกเหมือนเดิม การเข้ามาเป็นกรรมาธิการครั้งแรก ตั้งใจมาทวงสวัสดิการให้ประชาชน เพราะเป็นสิ่งสำคัญมากในช่วงสถานการณ์แบบนี้ กลายเป็นว่าไม่สามารถทวงคืนอะไรได้เลย" วรรณวิภากล่าว

ในขณะที่นายปกร์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล กมธ.จากพรรคก้าวไกล กล่าวทิ้งท้ายว่า "พวกเราตั้งใจมาทำงานในกรรมาธิการ เพื่อรีดไขมันออกจากหน่วยราชการที่ตั้งงบมาโดยไม่คำนึงถึงวิกฤติของประเทศ เพื่อที่เราจะนำงบประมาณไปให้กับรายการที่ใช้จ่ายเพื่อสวัสดิการของประชาชนอย่างแท้จริง ในเมื่อเราไม่รับหลักการในวาระ 1 เพราะเราไม่ไว้วางใจในการจัดสรรงบประมาณของ ประยุทธ์ .. แล้วเหตุผลอะไร ที่เราจะแปรงบที่ตัดมาได้ คืนให้งบกลาง เพื่อให้นายกฯ ที่ล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาครั้งนี้ มามีอำนาจเต็มในการจัดสรร"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท