'สื่อประชาธิปไตย' จี้ รบ.เพิกถอนคำสั่ง-ข้อกำหนดที่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนและประชาชน

สมาพันธ์สื่อไทยเพื่อประชาธิปไตย ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้รัฐบาลเพิกถอนข้อกำหนดทั้งหมดตามความใน ม.9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 27 และ 29 ที่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนและประชาชน ยกเลิกคำสั่งหรือประกาศที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่มุ่งเอาผิดผู้วิพากษ์วิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นต่อรัฐบาล

3 ส.ค.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา สมาพันธ์สื่อไทยเพื่อประชาธิปไตย หรือ DemAll ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้รัฐบาลเพิกถอนข้อกำหนดทั้งหมดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 27 และ 29 ที่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนและประชาชน ยกเลิกคำสั่งหรือประกาศที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่มุ่งเอาผิดผู้วิพากษ์วิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นต่อรัฐบาล

"เพราะรัฐบาลที่แสดงความเป็นเผด็จการ มองไม่เห็นหัวประชาชน คือผู้ก้าวสู่ความเสื่อมถอยด้วยตนเอง ไม่ใช่เพราะเสียงวิพากษ์วิจารณ์ หรือ Fake News อย่างที่กล่าวอ้าง" แถลงการณ์ DemAll ระบุ ตอนท้าย

โดยมีรายละเอียดดังนี้

แถลงการณ์จาก DemAll สมาพันธ์สื่อไทยเพื่อประชาธิปไตย เรียกร้องให้รัฐบาลเพิกถอนคำสั่งหรือข้อกำหนดที่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนและประชาชน

ดังที่ปรากฏว่ารัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศใช้ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 27) เมื่อวันที่ 10 ก.ค.2564 โดยในข้อ 11 ของข้อกำหนดดังกล่าวได้ระบุถึง “มาตรการเพื่อมิให้มีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารอันทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า... การเสนอข่าวหรือการทำให้แพร่หลายซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใดที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ทั่วราชอาณาจักรนั้น เป็นความผิดตามมาตรา 9 (3) แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548” และในวันที่ 27 ก.ค.2564 พล.อ.ประยุทธ์ประกาศกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้มาตรการในข้อกำหนดดังกล่าวอย่างจริงจังต่อสื่อมวลชน คนมีชื่อเสียง และผู้ใช้สื่อทั่วไป อีกทั้งวันที่ 29 ก.ค.2564 ยังออกข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่29) ให้ทางสำนักงาน กสทช.ใช้อำนาจระงับสัญญาณอินเทอร์เน็ตแก่เลขที่อยู่ไอพี ( IP Address) ของผู้ที่กระทำความผิดตามที่ระบุ

สมาพันธ์สื่อไทยเพื่อประชาธิปไตย (Democracy Alliance :DemAll) ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลผู้ทำงานด้านสื่อสารมวลชนทุกแขนง มุ่งใช้วิชาชีพผลักดันกิจกรรมส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตย ให้คุณค่าหลักสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค สอดคล้องกับหลักอารยะสากล ดังรายนามบุคคลแนบท้าย มองว่าประกาศทั้งหมดนี้แสดงเจตนาของรัฐบาลอย่างชัดเจนที่ต้องการจำกัดสิทธิเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นของสื่อมวลชนและประชาชน ใช้คำว่า “ข่าวปลอม” หรือ Fake News เพื่อกลบเกลื่อนความล้มเหลวของตนเองในการบริหารสถานการณ์โรคระบาด มุ่งทำลายฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองเพื่อปกป้องความมั่นคงของตนเองโดยไม่ไยดีต่อความรู้สึกของประชาชน ทั้งที่สื่อมวลชนและประชาชนทั่วไปสามารถวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล สะท้อนปัญหาเพื่อให้เกิดการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และแก้ไขเพื่อให้สถานการณ์ดีกว่าที่เป็นอยู่ ไม่ควรลุแก่อำนาจคุกคามสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน และประชาชน การข่มขู่ดำเนินคดีพร้อมกับระงับสัญญาณอินเทอร์เน็ตอย่างวิถีเผด็จการ ไม่ใช่รัฐบาลของประชาชน ทั้งยังเป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่รัฐย่อมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน อันเป็นหลักการพื้นฐานของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย จึงขอส่งข้อเรียกร้องนี้ ให้รัฐเพิกถอนข้อกำหนดทั้งหมดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 27 และ 29 ที่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนและประชาชน ยกเลิกคำสั่งหรือประกาศที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่มุ่งเอาผิดผู้วิพากษ์วิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นต่อรัฐบาล

เพราะรัฐบาลที่แสดงความเป็นเผด็จการ มองไม่เห็นหัวประชาชน คือผู้ก้าวสู่ความเสื่อมถอยด้วยตนเอง ไม่ใช่เพราะเสียงวิพากษ์วิจารณ์ หรือ Fake News อย่างที่กล่าวอ้าง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท