Skip to main content
sharethis

พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. แถลงแผนรับมือ #ม็อบ7สิงหา เตรียม คฝ. ไว้แล้ว 38 กองร้อย กั้นแนวที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ ห้ามผู้ชุมนุมล้ำแนวเด็ดขาด พร้อมระบุว่าเตรียมจับหมด ไม่ว่าจะเป็นแกนนำ ผู้ร่วมชุมนุม หรือผู้เชิญชวน เพราะการกระทำทั้งหมดนี้ถือว่าผิดกฎหมายทั้งสิ้น

6 ส.ค. 2564 วันนี้ (6 ส.ค. 2564) เวลาประมาณ 11.10 น. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และโฆษก บช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. และรองโฆษก บช.น. และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ร่วมแถลงข่าวเตรียมความพร้อมการชุมนุมและประชาสัมพันธ์เส้นทางการจราจร #ม็อบ7สิงหา ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 7 ส.ค. ที่จะถึงนี้

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาลขอแจ้งให้ทราบว่าขณะนี้กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่สีแดงเข้มตามประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ การรวมตัวมั่วสุม การชุมนุม หรือแม้กระทั่งการชักชวนให้มีการรวมตัวไม่สามารถกระทำได้ตามกฎหมาย ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 9 ลงวันที่ 3 ส.ค. 2564 นอกจากนี้ การรวมตัวกันเพื่อชุมนุมหรือการมั่วสุมยังมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโรค ซึ่งจะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ

สำหรับการดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุมในเขตกรุงเทพมหานครที่ผ่านมานั้น ณ วันนี้มีการดำเนินคดีทั้งสิ้น 293 คดี ได้ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว 196 คดี คงเหลืออยู่ระหว่างการสอบสวน 97 คดี จึงขอเตือนกลุ่มผู้ชุมนุมและผู้ที่จะมาร่วมชุมนุมหรือผู้ที่ชักชวน หากมีการกระทำผิดใดๆ ก็ตามในเขตกรุงเทพมหานคร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้เน้นย้ำเอาไว้ว่าทุกๆ คดีจะต้องถูกดำเนินคดีในที่สุด ไม่ว่าจะเป็นแกนนำ ผู้ร่วมชุมนุม หรือผู้ชักชวนหากมีการหลบหนีก็จะตามตัวจนเจอ และนำมาดำเนินคดีให้ได้

ด้าน พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า ขอให้ประชาชาชนที่จะเดินทางข้ามไปมาระหว่างฝั่งพระนครและฝั่งธนบุรี ให้หลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางสะพานพระปิ่นเกล้า ขอให้ไปใช้สะพานพระราม 8 หรือสะพานกรุงธนบุรีจะสะดวกกว่า โดยตำรวจคาดการณ์ว่าเส้นทางการชุมนุมน่าจะเป็นเส้นทางเดิม เช่น ถ.ราชดำเนิน สะพานผ่านฟ้าลีลาศ สะพานชมัยมรุเชฐ์ อย่างไรก็ตามสามารถเข้าไปตรวจสอบเส้นทางการชุมนุมได้ที่เว็บไซต์ www.trafficpolice.go.th หรือที่เพจเฟซบุ๊ก 1197สายด่วนจราจร ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปตรวจสอบเส้นทางทางชุมนุมที่เว็บไซต์ดังกล่าวแล้ว แต่พบว่าไม่สามารถเข้าถึงเว็บไซต์ได้ แต่การอัปเดตข้อมูลที่เฟจบุ๊กเพจยังคงเป็นปกติ

 

นอกจากนี้ พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ตำรวจจะตั้งแนวรั้งหน่วงอยู่ที่หน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ และจะไม่ยินยอมให้ผู้ชุมนุมล้ำแนวดังกล่าวไปอย่างเด็ดขาด พร้อมระบุว่าตำรวจจะตั้งจุดตรวจทั้งหมด 14 จุดในเส้นทางที่จะเข้ามาบริเวณพื้นที่ชุมนุมเพื่อตรวจค้นอาวุธและเพื่อป้องกันเหตุร้ายหรือป้องกันบุคคลที่สามที่อาจจะมาก่อเหตุ ด้าน พ.ต.อกฤษณะ กล่าวเสริมว่าการประกาศเชิญชวนให้มาชุมนุม แม้จะยังไม่ได้มีการชุมนุม ก็ถือว่าผิดกฎหมายแล้ว และการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแนวรั้งหน่วงก็เป็นไปเพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์บานปลาย ถ้าสถานการณ์รุนแรงหรือเลวร้ายจนนส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนที่ต้องเดินทางสัญจรไปมาหรือสร้างความเสียหายแก่บ้านเรือนอยู่ที่อยู่แถวนั้น ตำรวจก็จำเป็นที่จะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง

หลังจากนั้น พล.ต.ต.ปิยะ ได้กล่าวต่อว่า ความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ คือสิ่งที่ ผบ.ตร. ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก โดยทาง ผบ.ตร.ได้เข้าร่วมประชุมเตรียมแผนการรับมือทุก พร้อมเน้นย้ำว่าเรื่องการใช้อุปกรณ์ต่างๆ นั้นเพื่อให้ตำรวจมีความปลอดภัยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเกราะอ่อน โล่กันกระสุน หรือแม้กระทั่งกระสุนยาง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุมฝูงชนตามมาตรฐานสากล นอกจากนี้ ผบ.ตร. ยังสั่งให้มีการหยุดทบทวนเป็นระยะ ให้ทบทวนทุกครั้งว่าการปฏิบัติงานแต่ละครั้งบกพร่องอย่างไร

"หลายๆครั้งเราปฏิบัติตามหลักสากลปฏิบัติตามกฎเกณฑ์กติกา แต่ส่วนใหญ่เราจะถูกโฆษณาชวนเชื่อจากฝ่ายอื่น จากบุคคลที่ไม่หวังดีว่าทำรุนแรงเกินไปบ้าง หรือว่าใช้[กำลัง]เกินหรือหนักไป แต่จริงๆ แล้วขออนุญาตเรียนเลยว่าการปฏิบัติทุกครั้งยึดถือตามมาตรฐานสากลและโดยสมควรแก่เหตุเพื่อป้องกันเหตุร้ายอันอาจจะลุกลามใหญ่โต" พล.ต.ต.ปิยะกล่าว พร้อมระบุว่าทางตำรวจได้เตรียมชุดควบคุมฝูงชน (คฝ.) ไว้แล้ว 38 กองร้อย

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้ถาม พล.ต.ต.ปิยะว่า เมื่อสักครู่ที่กล่าวว่า 'สิ่งที่ ผบ.ตร. ให้ความสำคัญที่สุด คือ ความปลอดภัยของตำรวจ' ความปลอดภัยที่ว่าไม่ใช่ความปลอดภัยของประชาชนหรือ ซึ่ง พล.ต.ต.ปิยะได้ตอบคำถามใหม่ และระบุว่า "ก็มีของพี่น้องประชาชนด้วย"

พร้อมกันนี้ พล.ต.ต.ปิยะ ยังกล่าวว่าตำรวจคาดการณ์เรื่องความรุนแรงในวันดังกล่าวไว้แล้ว จึงอาจจะขอร้องสื่อมวลชนให้ลงทะเบียนก่อนเข้าปฏิบัติงานในพื้นที่ชุมนุม และขอความร่วมมือให้อยู่หลังแนวของตำรวจ เมื่อตำรวจให้สัญญาณจึงสามารถเข้าไปทำข่าวได้ ทั้งหมดนี้ เป็นไปเพื่อความปลอดภัยของสื่อมวลชนเอง แต่ยังไม่มีการประกาศรายละเอียดที่ชัดเจนว่าสื่อมวลชนต้องลงทะเบียนที่ไหน อย่างไร

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net