Skip to main content
sharethis

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเผย ตร.แจ้งฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นักกิจกรรมอีสานอีก 2 ราย ร่วมกิจกรรมให้กำลังเพื่อนหน้า สภ.เมืองขอนแก่น - ตร.สภ.เมืองลำพูนแจ้งข้อหา พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ-ใช้เครื่องเสียงกับ 2 ผู้ชุมนุม “หละปูนคาร์ม็อบ” แม้ไม่ใช่ผู้จัด

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานเมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2564 ที่ สภ.เมืองขอนแก่น ทาคายูกิ แสนพาน นักกิจกรรมกลุ่ม “เสรีชนคนกาฬสินธุ์” และกุลธิดา กระจ่างกุล กลุ่ม “ขอนแก่นพอกันที” และนักศึกษาคณะสถาปัตย์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯ ลาดกระบัง ซึ่งถูกออกหมายเรียกข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ กรณีชุมนุมให้กำลังใจสมาชิกกลุ่ม “ราษฎร โขง ชี มูล” ที่หน้า สภ.เมืองขอนแก่น เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2564 เข้ารับทราบข้อกล่าวหาหลังเมื่อวันที่ 29 ก.ค. ที่ผ่านมา นักศึกษาและนักกิจกรรมรวม 5 คน เข้ารับทราบข้อกล่าวหาไปก่อนแล้ว

โดยพนักงานสอบสวนแจ้งพฤติการณ์ในคดีให้ทาคายูกิและกุลธิดาทราบ มีเนื้อหาเช่นเดียวกับที่ได้แจ้งคนอื่นไปแล้ว กล่าวโดยสรุปคือ เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2564 ผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม “หมายที่ไหน ม็อบที่นั่น” ที่หน้า สภ.เมืองขอนแก่น เชิญชวนให้ประชาชนร่วมสังเกตการณ์และให้กําลังใจสมาชิกราษฎร โขง ชี มูล จํานวน 16 คน ในการรับฟังข้อกล่าวหาจากการจัดกิจกรรมเรียกร้องประชาธิปไตย โดยมีผู้เข้าร่วมเป็นจํานวนมาก และไม่มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19  มีการแบ่งหน้าที่กันทํา โดยทาคายูกิและกุลธิดา เป็นผู้ร่วมกิจกรรมและเป็นผู้ใช้สีสเปรย์ฉีดพ่นที่โล่ของเจ้าหน้าที่ตํารวจ 

พนักงานสอบสวนจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาทั้งสองว่า “ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมหรือทํากิจกรรมที่มีการรวมคนที่มีความแออัด เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคในที่ซึ่งมีประกาศให้เป็นพื้นที่ควบคุม โดยไม่ได้ดําเนินการตามมาตรการควบคุมแบบบูรณาการ และไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ” อันเป็นการฝ่าฝืนข้อกําหนด (ฉบับที่ 18) ลงวันที่ 29 ม.ค. 2564 ออกตามความในมาตรา 9 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ  

ทาคายูกิและกุลธิดาให้การปฏิเสธ โดยกุลธิดาเขียนข้อความ “ศิลปะไม่เป็นขี้ข้าใคร” แทนการลงลายมือชื่อในบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหา ทั้งสองจะให้การเพิ่มเติมเป็นเอกสารภายใน 30 วัน หรือภายในวันที่ 4 ก.ย. 2564 แต่พนักงานสอบสวนนัดมารายงานตัวเพื่อส่งตัวพร้อมสำนวนการสอบสวนให้อัยการในวันที่ 20 ส.ค. 2564 พร้อมกับ 5 คนที่เข้ารับทราบข้อกล่าวหาไปก่อน 

อ่านข่าวนี้เพิ่มเติมในเว็บไซต์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

ตร.สภ.เมืองลำพูนแจ้งข้อหา พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ-ใช้เครื่องเสียงกับ 2 ผู้ชุมนุม “หละปูนคาร์ม็อบ” แม้ไม่ใช่ผู้จัด

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานเมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2564 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองลำพูน นายหาญศักดิ์ เบญจศรีทักษ์ หรือพิชิต ตามูล อดีตแกนนำ นปช. แดงเชียงใหม่ และนายชยันต์ ใจมุข ประชาชนในชาวลำพูน ได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก ในข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เหตุจากเข้าร่วมชุมนุมและปราศรัยใน #หละปูนคาร์ม็อบ ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2564 เพื่อเรียกร้องให้ประยุทธ์ลาออกและเรียกร้องให้มีการบริหารจัดการวัคซีนที่ดี บริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเชิงสะพานท่าขาม จังหวัดลำพูน

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 4 ส.ค. ทั้งสองคนได้รับหมายเรียก ลงวันที่ 3 ส.ค. 2564 โดยระบุว่าคดีมี พ.ต.ท.สุทัศน์ ทาระนัด รองผู้กำกับสืบสวน สภ.เมืองลำพูน​ เป็นผู้กล่าวหา และให้ทั้งสองคนไปรับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ ทั้งสองคนพร้อมทนายความจึงได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหา

ในชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาทั้งสองให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และจะให้การเพิ่มเติมเป็นหนังสือภายใน 20 วัน ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะให้พิมพ์ลายนิ้วมือและลงบันทึกประจำวันไว้ และปล่อยตัวทั้งสองคน โดยไม่ได้ควบคุมตัวไว้

สำหรับกิจกรรม #หละปูนคาร์ม็อบ จัดขึ้นโดยกลุ่มลำพูนปลดแอก ร่วมกับพรรควิฬาร์ ในวันที่ 1 ส.ค. 2564 เพื่อเรียกร้องให้ประยุทธ์ลาออกและเรียกร้องให้มีการบริหารจัดการวัคซีนที่ดี

ผู้ต้องหาทั้งสองคนระบุว่าเพียงแค่เห็นโพสต์เชิญชวนในสื่อโซเชียล จึงสนใจมาเข้าร่วมชุมนุมเท่านั้น ไม่ได้เป็นผู้ริเริ่มจัดกิจกรรมแต่อย่างใด โดยหาญศักดิ์ หรือ “ดาบชิต” ระบุว่าตนมาเข้าร่วมคาร์ม็อบด้วยเจตนาที่ดี คล้ายเป็นทูตเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างตำรวจกับประชาชน ก่อนกิจกรรม ได้พยายามเข้าพูดคุยเจรจาทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้กำกับ สภ.เมืองลำพูน เพื่อให้การจัดชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย จึงแปลกใจอย่างมากที่ตำรวจกลับมาแจ้งข้อกล่าวหาว่าตนเป็นผู้กระทำความผิดเสียเอง

อ่านข่าวนี้เพิ่มเติมในเว็บไซต์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net