‘หมอทศพร’ เตรียมยื่นหนังสือถึง สธ. เสนอจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ต้องชัดเจน-โปร่งใส

'หมอทศพร' เผยตอนนี้มีเรื่องร้องเรียนการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ให้ รพ.ต่างจังหวัดไม่พอ เตรียมตบเท้ายื่นหนังสือถึง 'อนุทิน' วันที่ 11 ส.ค.นี้ เสนอจัดสรรวัคซีนต้องไม่กั๊ก ครอบคลุมทุกคนใน รพ.ทั่วประเทศ มีความชัดเจน และโปร่งใส เพื่อประโยชน์ของประชาชน  

 ทศพร เสรีรักษ์ อดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 ส.ค. 64 ทศพร เสรีรักษ์ หรือคนส่วนใหญ่เรียกชื่อเล่นว่า ‘หมอทศพร’ อดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย และในฐานะผู้รับเรื่องร้องเรียนจากบุคลากรทางการแพทย์ต่อประเด็นการจัดสรรวัคซีนของรัฐ โพสต์ข้อความบนกลุ่มเฟซบุ๊กสาธารณะของตนเอง ระบุในวันที่ 11 ส.ค. 64 ประชาชน นักศึกษา บุคลากรสาธารณสุข และหมอทศพร จะเดินทางไปยื่นหนังสือที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อขอความชัดเจนและโปร่งใสเรื่องการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ 

การเดินทางไปยื่นหนังสือของ นพ.ทศพร เกิดขึ้น หลัง 7 ส.ค. 64 องค์กรแพทย์โรงพยาบาลขอนแก่น ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงพยาบาล (รพ.) หลักที่รับรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ออกแถลงการณ์ “ขอวัคซีนไฟเซอร์ให้บุคลากรด่านหน้าโรงพยาบาลขอนแก่น” เปิดเผยปมปัญหาการจัดสรรวัคซีนไม่เพียงพอต่อจำนวนแพทย์และพยาบาลที่ รพ.ขอนแก่น  

องค์กรแพทย์ รพ.ขอนแก่น ระบุในแถลงการณ์ว่า รพ.ขอนแก่น มีบุคลากรทางการแพทย์ลงทะเบียนรับวัคซีนไฟเซอร์ทั้งสิ้น 1,400 ราย แต่ รพ.กลับได้รับการจัดสรรเพียง 700 โดสเท่านั้น หรือเพียงพอจำนวนแพทย์เพียง 700 คน ทั้งที่เป็นการขอตรงตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดทุกประการ 

สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้สังคมตั้งข้อกังขาในเรื่องการจัดสรรวัคซีนของภาครัฐว่าอาจไม่โปร่งใส และไม่ทั่วถึง และอาจส่งผลต่อการควบคุมโรคโควิด-19 ตามมา  

10 ส.ค. 64 ผู้สื่อข่าวจึงสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ทศพร เสรีรักษ์ เพื่อสอบถามปัญหาเรื่องการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ของรัฐ และข้อเรียกร้องถึงการเดินทางไปยื่นหนังสือถึง อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในวันที่ 11 ส.ค. 64 

เบื้องต้น นพ.ทศพร เผยกับผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้มีเรื่องร้องเรียนจากบุคลากรทางการแพทย์ส่งเข้ามาในช่องทางโซเชียลมีเดียเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ เป็นจำนวนมาก โดยทศพร ใช้คำว่า ‘ท่วมจนอ่านไม่ทัน’ โดยปัญหาร้องเรียนที่ส่งเข้ามาส่วนใหญ่มีลักษณะคล้ายกันทุกจังหวัด คือได้รับการจัดสรรวัคซีนน้อยกว่าจำนวนบุคลากรจริง ส่งผลให้มีเงื่อนไขเข้าไปกีดกัน ทำให้ไม่ทั่วถึง 

นพ.ทศพร กล่าวต่อว่า เขาอยากให้มีการจัดสรรวัคซีนเพียงพอต่อบุคลากรในโรงพยาบาลทั้งหมด ไม่ใช่เพียงแค่บุคลากรด่านหน้า เพราะทุกคนในโรงพยาบาลต่างเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 เท่ากันทุกคน และถ้ามีคนหนึ่งคนใดติดเชื้อแล้ว มันจะกระทบการรักษาในโรงพยาบาลทั้งผู้ป่วยทั่วไป และผู้ติดเชื้อโควิด-19 

"เมื่อบุคลากรไม่ได้รับวัคซีนดีๆ มันก็มีโอกาสติดเชื้อเรื่อยๆ พอติดเชื้อก็ไม่มีคนที่ดูแลรักษาคนไข้ มันก็ทำให้การควบคุมรักษาคนไข้แย่ยิ่งขึ้น ...ที่ รพ.รามา อย่างแผนกตา (จักษุ)...วันดีคืนดีก็มีคนไข้มาตรวจที่แผนกตา และมารู้ทีหลังเป็นคนไข้โควิด-19 หมอและพยาบาลที่ออกตรวจวันนั้น ก็ต้องกักตัวหมด หมอไม่พอตรวจคนไข้ ก็ต้องยกเลิกนัดคนไข้ มันก็จะกระทบกระเทือนกันไปหมด ทั้งคนไข้โรคทั่วไปด้วย และก็คนไข้ที่โควิด-19 ด้วย ถ้าเกิดอย่างนี้กับวอร์ดที่สำคัญกับชีวิตอย่างแผนกโรคหัวใจ เกิดหมอโดนกักตัว ไม่มีคนมาตรวจหัวใจ ไม่มีคนมารักษา คนไข้ตาย อันนี้เป็นสิ่งที่น่ากลัวมากๆ  

"อย่างที่โรงพยาบาลขอนแก่น ฟังดูน่ากลัว จากที่มี 1,400 คน ได้มา 700 โดส มันก็เป็นตัวเลขที่ชัดเจน แต่ความจริงผมเชื่อว่า บุคลากรที่ควรจะได้มากกว่า 1,400 คนอีก... มันก็เป็นอะไรที่น่าเป็นห่วง แล้วสภาพแบบนี้มันเป็นทั่วประเทศ" ทศพร กล่าว 

นอกจากประเด็นปัญหาเรื่องการจัดสรรวัคซีนไม่เพียงพอ นพ.ทศพร ระบุด้วยว่า มีเรื่องร้องเรียนที่บุคคลที่ไม่ใช่บุคลากรด่านหน้าได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์มาด้วย ซึ่งสิ่งนี้สะท้อนเรื่องการจัดสรรวัคซีนที่ไร้ประสิทธิภาพ 

การไปยื่นหนังสือถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในวันที่ 11 ส.ค. 64 ทศพร ระบุว่า วันนั้นจะไม่มีการทำกิจกรรมอะไร เป็นการไปพบปะพูดคุย และเสนอหนทางแก้ไขให้ระบบมันดีขึ้น เพื่อประโยชน์ของคนทั้งประเทศ หวังว่าทาง สธ.จะใจกว้างมากพอ รับฟังเสียงประชาชน 

สำหรับข้อเสนอ จะมีการเรียกร้องให้ทาง สธ. ต้องมีการเปิดเผยรายชื่อ พร้อมระบุให้ชัดเจนว่า มีใคร ที่ไหน จำนวนเท่าไร ที่จะได้รับการจัดสรรวัคซีน 

การจัดสรรวัคซีนต้องโปร่งใส โดยคำว่า 'โปร่งใส' ยกตัวอย่าง โรงพยาบาลติดประกาศขึ้นมาว่ารายชื่อนี้ หมอคนนี้ พยาบาลนี้ ตึกไหน แผนกใด จะได้รับการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์บ้าง และเปิดให้คนสามารถแสดงความคิดเห็น วิจารณ์ คัดค้าน โต้แย้ง ตลอดจนปรับปรุง เพิ่มเติมรายชื่อได้อย่างเปิดเผย ซึ่งทศพร มองว่าวิธีนี้จะทำให้การจัดถึงมือบุคลากรทางการแพทย์อย่างแท้จริง และทั่วถึง  

ข้อเสนอสุดท้าย อดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย เสนอว่า เรื่องเงื่อนไขผู้ได้รับวัคซีนต้องไม่มี ซึ่งมองว่าต้นเหตุก็มาจากการจัดสรรวัคซีนไม่เพียงพอ จึงต้องมากำหนดเงื่อนไข ดังนั้น ถ้าจัดสรรวัคซีนให้ทั่วถึงในแต่ละโรงพยาบาล ปัญหานี้ก็จะสามารถแก้ได้ 

"วัคซีนมันพออยู่แล้ว ถ้าตอนนี้บริจาคเข้ามา 1,500,000 โดส และเขา (ผู้สื่อข่าว - สหรัฐฯ) ก็บอกว่าอยู่แล้วว่าจะเอาเข้ามาให้อีก 1 ล้านโดส เพราะฉะนั้น จะกั๊กไปทำไม เอาบุคลากรสาธารณสุขที่จะดูแลรักษาพวกเราให้ไปให้หมด

"ถ้าเราสามารถจัดสรรให้ทั่วถึงบุคลากรอย่างแท้จริง มันก็ไม่ต้องมีข้อมาอ้างกันว่า คุณได้อันนี้แล้ว ไม่ต้องเอานะ คุณได้อย่างนี้แล้ว ไม่ต้องเอานะ มันต้องกระตุ้นเข้าไปเลย บุคลากรสาธารณสุขทุกคนให้มีภูมิคุ้มกันดี เขาจะได้ปลอดภัย มีกำลังใจทำงานได้เต็มที่ ...มันจะส่งผลถึงความปลอดภัยของประชาชนทุกคน" ทศพร ทิ้งท้าย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท